“ณัฐวุฒิ” มั่นใจผลงานเด่น ทั้งปราบปรามสินค้าละเมิด แก้ไขกฎหมายคืบหน้า ไทยควรหลุดจากบัญชี PWL ของสหรัฐฯ สั่งส่งข้อมูลให้มะกันด่วน คาดแนวโน้มดี ไทยอาจถูกมาลดมาอยู่บัญชี WL หรือไม่ก็ได้สิทธิ์ทบทวนนอกรอบ แม้จะอยู่บัญชีเดิม
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเจรจากับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) โดยขอให้ปรับสถานะประเทศไทยจากบัญชีจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) มาเป็นบัญชีจับตามอง (WL) ในการจัดอันดับสถานะประเทศคู่ค้าด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตามมาตรา 301 พิเศษ กฎหมายการค้าสหรัฐฯ ที่จะประกาศผลการจัดอันดับในช่วงสิ้นเดือน เม.ย. 2556 นี้ เพราะไทยมีความเชื่อมั่นว่าการดูแลคุ้มครองทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งการปราบปรามการละเมิด และการแก้ไขกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา จะทำให้การละเมิดในไทยลดน้อยลง โดยจะส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับสหรัฐฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ในการจัดอันดับด้านทรัพย์สินทางปัญญาต่อประเทศไทยยังพบว่า สหภาพยุโรป (อียู) ได้ลดอันดับสถานะของไทยมาอยู่ในบัญชีที่ดีขึ้น หรืออยู่ในบัญชีเทียบเท่ากับบัญชี WL เพราะไทยได้มีมาตรการในการดูแลสินค้าที่ถูกละเมิดเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์อย่างเต็มที่ จนอียูเห็นความสำคัญ ดังนั้น สหรัฐฯ ก็น่าจะจัดอันดับไทยมาอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นเช่นกัน
“เราเห็นว่าผลการทำงานของเราเพียงพอที่จะทำให้สหรัฐฯ ปลดไทยลงมาอยู่ที่บัญชี WL โดยพร้อมที่จะให้สหรัฐฯ เปิดทบทวนการจัดสถานะนอกรอบต่อไทย หลังจากประกาศผลการจัดอันดับ หากภายในระยะเวลา 6-7 เดือน สหรัฐฯ เห็นว่าการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในไทยอยู่ในระดับสูง ไทยก็พร้อมที่จะให้สหรัฐฯ จัดลำดับไทยเข้ามาอยู่ในบัญชี PWL เหมือนเดิม”
สำหรับท่าทีของภาคเอกชนสหรัฐฯ เช่น สมาพันธ์ทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศ (IIPA) ได้เสนอให้ USTR ปรับสถานะของไทยมาอยู่ในบัญชี WL เนื่องจากตระหนักถึงระดับความร่วมมือในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่สูงขึ้น ส่วนท่าทีของ USTR มีความเป็นไปได้ 2 แนวทาง คือ การประกาศผลในเดือน เม.ย.นี้ สหรัฐฯ อาจจัดอันดับไทยอยู่ในบัญชี WL และเปิดให้ทบทวนนอกรอบเพื่อติดตามความคืบหน้า ส่วนแนวทางที่สอง คือ สหรัฐฯ ยังคงบัญชีไทยอยู่ใน PWL และเปิดให้ทบทวนนอกรอบ เพื่อประเมินว่าควรปรับลดไทยมาอยู่ในบัญชี WL หรือไม่
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า อยากขอแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าไปตลาดสหรัฐฯ ให้ระวังการใช้ซอฟร์แวร์ที่ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะจะผิดกฎหมายป้องกันการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของสหรัฐฯ ได้ หลังจากที่บริษัทของจีนและอินเดีย ถูกสหรัฐฯ ใช้กฎหมายดังกล่าวห้ามนำเข้าสินค้าสิ่งทอทั้งหมดจาก 2 บริษัทนี้แล้ว ส่วนบริษัทไทย คือ ณรงค์ ซีฟู้ด ซึ่งถูกฟ้องร้องจากกฎหมายนี้เช่นกัน ได้ทำการเสียค่าปรับ แต่ยังไม่ถึงกับห้ามนำเข้าสินค้าจากบริษัทไทย จึงอยากให้ภาคเอกชนระมัดระวัง
ก่อนหน้านี้ นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้เดินทางไปกรุงวอชิงตัน ดีซี โดยได้มีการหารือกับภาครัฐและภาคเอกชนของสหรัฐฯ ซึ่งไทยได้แจ้งความคืบหน้าการดำเนินงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทยทั้งการตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ การแก้ไขกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายลิขสิทธิ์ เกี่ยวกับการป้องกันลักลอบแอบถ่ายในโรงภาพยนตร์ การปราบปรามผู้ค้าของละเมิดรายใหญ่ เป็นต้น
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเจรจากับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) โดยขอให้ปรับสถานะประเทศไทยจากบัญชีจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) มาเป็นบัญชีจับตามอง (WL) ในการจัดอันดับสถานะประเทศคู่ค้าด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตามมาตรา 301 พิเศษ กฎหมายการค้าสหรัฐฯ ที่จะประกาศผลการจัดอันดับในช่วงสิ้นเดือน เม.ย. 2556 นี้ เพราะไทยมีความเชื่อมั่นว่าการดูแลคุ้มครองทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งการปราบปรามการละเมิด และการแก้ไขกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา จะทำให้การละเมิดในไทยลดน้อยลง โดยจะส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับสหรัฐฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ในการจัดอันดับด้านทรัพย์สินทางปัญญาต่อประเทศไทยยังพบว่า สหภาพยุโรป (อียู) ได้ลดอันดับสถานะของไทยมาอยู่ในบัญชีที่ดีขึ้น หรืออยู่ในบัญชีเทียบเท่ากับบัญชี WL เพราะไทยได้มีมาตรการในการดูแลสินค้าที่ถูกละเมิดเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์อย่างเต็มที่ จนอียูเห็นความสำคัญ ดังนั้น สหรัฐฯ ก็น่าจะจัดอันดับไทยมาอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นเช่นกัน
“เราเห็นว่าผลการทำงานของเราเพียงพอที่จะทำให้สหรัฐฯ ปลดไทยลงมาอยู่ที่บัญชี WL โดยพร้อมที่จะให้สหรัฐฯ เปิดทบทวนการจัดสถานะนอกรอบต่อไทย หลังจากประกาศผลการจัดอันดับ หากภายในระยะเวลา 6-7 เดือน สหรัฐฯ เห็นว่าการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในไทยอยู่ในระดับสูง ไทยก็พร้อมที่จะให้สหรัฐฯ จัดลำดับไทยเข้ามาอยู่ในบัญชี PWL เหมือนเดิม”
สำหรับท่าทีของภาคเอกชนสหรัฐฯ เช่น สมาพันธ์ทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศ (IIPA) ได้เสนอให้ USTR ปรับสถานะของไทยมาอยู่ในบัญชี WL เนื่องจากตระหนักถึงระดับความร่วมมือในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่สูงขึ้น ส่วนท่าทีของ USTR มีความเป็นไปได้ 2 แนวทาง คือ การประกาศผลในเดือน เม.ย.นี้ สหรัฐฯ อาจจัดอันดับไทยอยู่ในบัญชี WL และเปิดให้ทบทวนนอกรอบเพื่อติดตามความคืบหน้า ส่วนแนวทางที่สอง คือ สหรัฐฯ ยังคงบัญชีไทยอยู่ใน PWL และเปิดให้ทบทวนนอกรอบ เพื่อประเมินว่าควรปรับลดไทยมาอยู่ในบัญชี WL หรือไม่
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า อยากขอแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าไปตลาดสหรัฐฯ ให้ระวังการใช้ซอฟร์แวร์ที่ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะจะผิดกฎหมายป้องกันการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของสหรัฐฯ ได้ หลังจากที่บริษัทของจีนและอินเดีย ถูกสหรัฐฯ ใช้กฎหมายดังกล่าวห้ามนำเข้าสินค้าสิ่งทอทั้งหมดจาก 2 บริษัทนี้แล้ว ส่วนบริษัทไทย คือ ณรงค์ ซีฟู้ด ซึ่งถูกฟ้องร้องจากกฎหมายนี้เช่นกัน ได้ทำการเสียค่าปรับ แต่ยังไม่ถึงกับห้ามนำเข้าสินค้าจากบริษัทไทย จึงอยากให้ภาคเอกชนระมัดระวัง
ก่อนหน้านี้ นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้เดินทางไปกรุงวอชิงตัน ดีซี โดยได้มีการหารือกับภาครัฐและภาคเอกชนของสหรัฐฯ ซึ่งไทยได้แจ้งความคืบหน้าการดำเนินงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทยทั้งการตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ การแก้ไขกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายลิขสิทธิ์ เกี่ยวกับการป้องกันลักลอบแอบถ่ายในโรงภาพยนตร์ การปราบปรามผู้ค้าของละเมิดรายใหญ่ เป็นต้น
