“พิริยพูล” มั่นใจตลาดอุปโภคบริโภคเฟื่องฟูตามไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่และค้าปลีกที่ขยายตัว วางแผนอีก 3 ปีผุดโรงงานผลิตสินค้าพร้อมปั้นแบรนด์ตัวเอง วางเป้าสัดส่วนรายได้ครึ่งๆ จากรายได้รวม 2,000 ล้านบาทในปี 2559
นายศุภเชษฐ์ พิริยพูล กรรมการบริหาร บริษัท พิริยพูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเข้า และจัด จำหน่ายสินค้าบริโภคและอุปโภคนำเข้าจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า แนวโน้มที่ดีของการขยายตัวของห้างธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ทั้งห้างขนาดใหญ่ คอมมูนิตีมอลล์ หรือซูเปอร์มาร์เกต เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดอุปโภคบริโภคเติบโตขึ้นสม่ำเสมอ อีกทั้งไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ยังมองหาสินค้าที่ดีและมีคุณภาพมากขึ้นเพื่อตอบสนองชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ดังนั้น ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพสูงจะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้นเทคโนโลยีในการสื่อสารยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงแบรนด์สินค้าต่างๆ ได้มากกว่าในอดีต ด้วยปัจจัยบวกเหล่านี้จึงคาดว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปีนี้และอนาคตจะมีทิศทางที่สดใสต่อเนื่อง
นายศุภเชษฐ์กล่าวว่า บริษัทฯ จึงได้วางแผนการดำเนินงานจากนี้ไปอีก 3 ปีจะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตสินค้าของตัวเองด้วยการสร้างแบรนด์สินค้าของบริษัทขึ้นมาทำตลาดเอง หลังจากที่เป็นดิสทริบิวเตอร์มานานกว่า 40 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกจะทำแบบโออีเอ็มไปก่อนเพื่อเป็นการทดลองตลาดด้วย โดยจะจับกลุ่มเป้าหมายระดับกลางขึ้นสูง จะเน้นสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่ม และกลุ่มขนมพวกสแน็ก จำหน่ายในราคาที่สูงกว่าตลาดเล็กน้อยแต่เป็นคุณภาพพรีเมียม โดยทำตลาดทัั้งในไทยและต่างประเทศ แต่บางสินค้าจะเน้นส่งออกอย่างเดียว เล็งเป้าหมายตลาด ยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย เป็นต้น
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่บริษัทฯ สามารถผลิตสินค้าแบรนด์ตัวเองและเริ่มทำตลาดได้แล้วนั้น คาดว่าสัดส่วนรายได้รวมจะมาจากแบรนด์ตัวเอง 50% และจากสินค้าที่จัดจำหน่าย 50% เท่ากันในอนาคต โดยคาดว่าภายใน 3 ปีจากนี้จะมีรายได้เเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท ในปี 2559 และจะเพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาทในปี 2562 จากรายได้รวมปีนี้ที่คาดว่าจะมี ประมาณ 1,500 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 1,100 ล้านบาท เติบโต 16% ขณะที่ปี 2544 เติบโต 13%
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าในการทำตลาดประมาณ 2,000 เอสเคยู หรือมากกว่า 70-80 แบรนด์ในท้องตลาด มี 5 กลุ่มหลัก คือ เครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ น้ำผลไม้ เป็นรายได้หลักสัดส่วน 49%, กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับอาหาร เช่น อาหารกระป๋อง น้ำม้นมะกอก เส้นพาสต้า เครื่องปรง สัดส่วนรายได้ 20%, กลุ่มของใช้และผลิตภัณฑ์เพอร์ซันนัลแครฺ์ สัดส่วนรายได้ 7%, กลุ่มขนมเช่น บิสกิต ถั่ว ลูกอม สัดส่วนรายได้ 20% และกลุ่มสินค้าดั้งเดิมที่ทำมานานเช่น ซิการ์แบรนด์สมิทเชอร์ และคิงเอ็ดเวิร์ด เป็นต้น สัดส่วนรายได้ 4%
สินค้านำเข้าส่วนใหญ่มาจากอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย จับกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมี่ยม 80% และระดับกลาง 20% กระจายสินค้าไปยังช่องทางการจำหน่ายต่างๆ ทั่วประเทศมากกว่า 6,700 ร้านค้าช่องทาง แบ่งสัดส่วนเป็น กลุ่มร้านค้าปลีก 47% ร้านค้าย่อยในกรุงเทพฯ 20% ร้านค้าย่อยในต่างจังหวัด 20% ช่องทางฟูดเซอร์วิส 8% และร้านจำหน่ายซิการ์ 5%
ทั้งนี้ ล่าสุดเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของการดำเนินงานบริษัทฯ ได้ใช้งบประมาณกว่า 120 ล้านบาท จัดงาน “ฉลอง 40 ปี พิริยพูล” วันที่ 5-7 เมษายนที่ผ่านมา ที่พาร์คพารากอน หลังจากนั้นจะเดินสายโรดโชว์อีก 7 แห่งในกรงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการนำเสนอสินค้าที่บริษัทจัดจำหน่ายมาขายด้วยในราคาพิเศษ พร้อมโปรโมชันมากมาย
นายศุภเชษฐ์ พิริยพูล กรรมการบริหาร บริษัท พิริยพูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเข้า และจัด จำหน่ายสินค้าบริโภคและอุปโภคนำเข้าจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า แนวโน้มที่ดีของการขยายตัวของห้างธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ทั้งห้างขนาดใหญ่ คอมมูนิตีมอลล์ หรือซูเปอร์มาร์เกต เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดอุปโภคบริโภคเติบโตขึ้นสม่ำเสมอ อีกทั้งไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ยังมองหาสินค้าที่ดีและมีคุณภาพมากขึ้นเพื่อตอบสนองชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ดังนั้น ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพสูงจะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้นเทคโนโลยีในการสื่อสารยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงแบรนด์สินค้าต่างๆ ได้มากกว่าในอดีต ด้วยปัจจัยบวกเหล่านี้จึงคาดว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปีนี้และอนาคตจะมีทิศทางที่สดใสต่อเนื่อง
นายศุภเชษฐ์กล่าวว่า บริษัทฯ จึงได้วางแผนการดำเนินงานจากนี้ไปอีก 3 ปีจะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตสินค้าของตัวเองด้วยการสร้างแบรนด์สินค้าของบริษัทขึ้นมาทำตลาดเอง หลังจากที่เป็นดิสทริบิวเตอร์มานานกว่า 40 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกจะทำแบบโออีเอ็มไปก่อนเพื่อเป็นการทดลองตลาดด้วย โดยจะจับกลุ่มเป้าหมายระดับกลางขึ้นสูง จะเน้นสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่ม และกลุ่มขนมพวกสแน็ก จำหน่ายในราคาที่สูงกว่าตลาดเล็กน้อยแต่เป็นคุณภาพพรีเมียม โดยทำตลาดทัั้งในไทยและต่างประเทศ แต่บางสินค้าจะเน้นส่งออกอย่างเดียว เล็งเป้าหมายตลาด ยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย เป็นต้น
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่บริษัทฯ สามารถผลิตสินค้าแบรนด์ตัวเองและเริ่มทำตลาดได้แล้วนั้น คาดว่าสัดส่วนรายได้รวมจะมาจากแบรนด์ตัวเอง 50% และจากสินค้าที่จัดจำหน่าย 50% เท่ากันในอนาคต โดยคาดว่าภายใน 3 ปีจากนี้จะมีรายได้เเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท ในปี 2559 และจะเพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาทในปี 2562 จากรายได้รวมปีนี้ที่คาดว่าจะมี ประมาณ 1,500 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 1,100 ล้านบาท เติบโต 16% ขณะที่ปี 2544 เติบโต 13%
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าในการทำตลาดประมาณ 2,000 เอสเคยู หรือมากกว่า 70-80 แบรนด์ในท้องตลาด มี 5 กลุ่มหลัก คือ เครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ น้ำผลไม้ เป็นรายได้หลักสัดส่วน 49%, กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับอาหาร เช่น อาหารกระป๋อง น้ำม้นมะกอก เส้นพาสต้า เครื่องปรง สัดส่วนรายได้ 20%, กลุ่มของใช้และผลิตภัณฑ์เพอร์ซันนัลแครฺ์ สัดส่วนรายได้ 7%, กลุ่มขนมเช่น บิสกิต ถั่ว ลูกอม สัดส่วนรายได้ 20% และกลุ่มสินค้าดั้งเดิมที่ทำมานานเช่น ซิการ์แบรนด์สมิทเชอร์ และคิงเอ็ดเวิร์ด เป็นต้น สัดส่วนรายได้ 4%
สินค้านำเข้าส่วนใหญ่มาจากอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย จับกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมี่ยม 80% และระดับกลาง 20% กระจายสินค้าไปยังช่องทางการจำหน่ายต่างๆ ทั่วประเทศมากกว่า 6,700 ร้านค้าช่องทาง แบ่งสัดส่วนเป็น กลุ่มร้านค้าปลีก 47% ร้านค้าย่อยในกรุงเทพฯ 20% ร้านค้าย่อยในต่างจังหวัด 20% ช่องทางฟูดเซอร์วิส 8% และร้านจำหน่ายซิการ์ 5%
ทั้งนี้ ล่าสุดเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของการดำเนินงานบริษัทฯ ได้ใช้งบประมาณกว่า 120 ล้านบาท จัดงาน “ฉลอง 40 ปี พิริยพูล” วันที่ 5-7 เมษายนที่ผ่านมา ที่พาร์คพารากอน หลังจากนั้นจะเดินสายโรดโชว์อีก 7 แห่งในกรงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการนำเสนอสินค้าที่บริษัทจัดจำหน่ายมาขายด้วยในราคาพิเศษ พร้อมโปรโมชันมากมาย
