กุหลาบไฟ ตอนที่ 2
ดารณีนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะอาหาร อรชรเพิ่งกลับมาถึงบ้าน
“กินข้าวหรือยังดา พี่ซื้อบะหมี่ปากซอยมาฝาก”
“ดายังไม่หิว พี่อรจะกินหรือเปล่า ดาจะได้ไปหยิบชามมาให้”
อรชรส่ายหัวเดินไปที่โซฟา
“แล้วนี่พี่ไศลากับพงษ์ยังไม่กลับอีกเหรอ”
“พี่พงษ์ยังไม่กลับตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ส่วนพี่ไศลาโทรไปก็ไม่รับสาย ไม่รู้ว่าเป็นไงบ้าง”
อรชรวางกระเป๋าลงบนโซฟา กรอบรูปของไศลาที่วางอยู่หล่นลงมาแตกกระจาย อรชรกับดารณีตกใจมองหน้ากัน
“แบบนี้เรียกว่าลางร้ายหรือเปล่าพี่อร” ดารณีเริ่มใจเสียพูดเสียงสั่น
อรชรเดินเข้ามากอดปลอบดารณี
“ลางร้ายอะไรกัน ก็แค่ลมพัดกรอบรูปตก ดีซะอีกจะได้เปลี่ยนของใหม่บ้าง”
ดารณียังคงยืนมองกรอบรูปที่แตกด้วยความกังวล
จ่านิดนั่งดูทีวีรอธีรธรและไศลาในห้องของเซฟเฮ้าส์จนหลับไป เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขากดรับทันที
“ครับผู้การ....ยังติดต่อผู้กองไม่ได้เลยครับ....ถ้าอย่างนั้นให้ผมกลับไปแสตนบายด์ที่กองปราบเดี๋ยวนี้เลยนะครับ”
จ่านิดวางสายแล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจเดินไปปิดทีวี ปิดไฟ เช็คความเรียบร้อยทุกอย่างในบ้าน เขาปิดไฟดวงสุดท้าย ในห้องมืดสนิทแล้วเปิดประตูจะเดินออกจากห้อง เทพดักรออยู่หน้าประตูเอาไม้ฟาดเข้าที่หน้าของจ่านิดเต็มๆจนหน้าหงาย เทพฟาดไม้เข้าที่จ่านิดแบบนับไม่ทันตั้งตัว จ่านิดที่ได้แต่ถอยร่นเข้ามาในห้องพยายามเอาแขนขึ้นมาตั้งการ์ดบังหน้าและหัวของตัวเองไว้ จ่านิดได้จังหวะเอาเท้าถีบสวนเทพเซออกไปนอกห้อง จ่านิดได้ทีจะตามไปลุยแต่คง ยืนรออยู่ที่ประตูเอาไม้ฟาดเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรง จ่านิดทรุดลงนอนหมดสติอยู่ตรงนั้น
เทพกับคงซึ่งเป็นลูกน้องของดุลยศักดิ์ ต่างยิ้มให้กันในผลงาน
ธีรธรรีบขับรถพาไศลาไปโรงพยาบาล หันไปมองแล้วลูบหัวของเธอด้วยความเป็นห่วงและสงสารจับใจ เสริมพงษ์โทรเข้ามา ธีรธรกดรับสายผ่านวิทยุในรถ เสียงเสริมพงษ์ออกผ่านลำโพงในรถ
“ครับผู้การ”
“ตอนนี้คุณอยู่ไหน”
“กำลังจะไปโรงพยาบาลครับ ไศลาถูกทำร้ายที่ห้างตอนผมพาไปซื้อของใช้ส่วนตัว”
“แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ ตอนนี้ยังสลบอยู่”
“จ่านิดก็โดนดักทำร้ายที่เซฟเฮาส์ของไศลา”
ธีรธรถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ยิน
“แล้วจ่านิดเป็นยังไงบ้างครับ”
“ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว แต่คงต้องพักอีกสักระยะ นี่แสดงว่าคนร้ายคอยตามพวกคุณอยู่ตลอด”
ธีรธรมองกระจกหลังไป เห็นมอเตอร์ไซค์ที่ขับตามมาตั้งแต่ออกจากห้าง
“ผมก็คิดว่าอย่างนั้นล่ะครับผู้การ ขออนุญาตนะครับ”
ธีรธรกดตัดสายลองทดสอบด้วยการเร่งความเร็วรถมากกว่าปกติ ก็เห็นมอเตอร์ไซค์เร่งตาม ธีรธรลองปาดซ้าย ปาดขวาไปมา ก็ยังเห็นมอเตอร์ไซค์พยายามตามมาไม่ลดละ เขาลดความเร็วลงมาในระดับปกติ มอเตอร์ไซค์ก็ลดความเร็วตาม ธีรธรตัดสินใจเร่งความเร็วพารถเลี้ยวเข้าซอยๆหนึ่ง มอเตอร์ไซค์รีบแล้วตาม ธีรธรพามอเตอร์ไซค์เลาะซอยนั้นออกซอยนี้เป็นว่าเล่น จนในที่สุดรถธีรธรก็หายไป
ธีรธรขับรถเข้ามาจอดในโรงรถแล้วรีบดับเครื่องยนต์เงียบกริบ เขาค่อยๆ เปิดประตูลงจากรถลงไปแอบดูช่องกำแพงรั้ว เห็นมอเตอร์ไซค์จอดรถพยายามมองหาว่ารถธีรธรหายไปได้ยังไง เขารอจนได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์สตาร์ทขับออกไปจึงกลับไปที่รถ
อรชรนั่งดูทีวีอย่างสบายใจ ดารณีนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ไปมองนาฬิกาไป เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน ดารณีรีบลุกออกไปดูแล้วก็ต้องเดินคอตกกลับมาด้วยความผิดหวัง
“พี่อร เราลองโทรหาพี่ชิตกันดูมั้ย”
“จะโทรหาเขาทำไม”
“ก็ดาอยากรู้ว่าพี่ไศลาอยู่กับพี่ชิตหรือเปล่า”
“เขาคงไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอก โทรไปก็เปลืองเงินเปล่า”
“แล้วพี่อรรู้ได้ยังไง เขาเป็นแฟนกัน อาจจะอยู่ด้วยกันก็ได้”
อรชรชักสีหน้าขึ้นมาทันที
“โอ๊ย...อย่าให้มันเยอะนักเลยดา พี่ไศลาหายไปยังไม่ถึงวันเลย ทีพงษ์หายไปสามวันแล้ว เคยคิดจะห่วงบ้างมั้ย”
ดารณีมองอรชรด้วยสายตาตำหนิ
“นี่...อย่ามามองพี่ด้วยสายตาแบบนั้นนะ”
อรชรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ชูชิต
“อยากรู้นักใช่มั้ย โทรให้เดี๋ยวนี้เลย”
ชูชิตนั่งดื่มเหล้าอยู่ในคลับแห่งหนึ่ง มีสาวๆ รอบตัวนัวเนียมากมาย โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ชูชิตเห็นเป็นเบอร์อรชรก็ไม่อยากจะรับ สาวนั่งดริงค์หยอกเย้า
“เมียโทรมาตามเหรอคะพี่ ถึงไม่กล้ารับ”
ชูชิตดึงสาวนั่งดริงค์เข้ามาจูบปากแล้วหัวเราะ
“พูดไม่เข้าหูแบบนี้ ต้องโดนทำโทษ”
สาวนั่งดริงค์ทำเป็นเขินเข้ามาคลอเคลีย โทรศัพท์ของชูชิตดังเตือนว่ามีข้อความเข้ามา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่านข้อความ
‘โทรกลับด่วน มีเรื่องพี่ไศลาจะคุยด้วย’
ชูชิตรีบโทรกลับหาอรชรทันที
อรชรกดรับสาย ดารณีตั้งใจรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อ
“ฮัลโหลว่าไง ไศลากลับบ้านแล้วเหรอ”
อรชรได้ยินเสียงเพลงดังมากพร้อมเสียงผู้หญิงหัวเราะคิกคัก เธอเริ่มจะโมโหเพราะความหึง
“ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
ชูชิตได้ยินเสียงอรชรไม่ค่อยจะถนัดเหมือนกัน
“ว่าไงนะ ไศลาอยู่ที่ไหน ไม่ค่อยได้ยินเลย”
สาวนั่งดริงค์แทรกขึ้น
“คนในสายถามว่าอยู่ที่ไหน พี่ก็บอกไปสิคะว่าอยู่ร้าน Cute Bar”
อรชรกดวางสาย
“ดา พี่ยืมใช้เนตแป๊บนึงสิ”
“แล้วตกลงพี่ไศลาอยู่กับพี่ชิตหรือเปล่า”
อรชรไม่ตอบ หันไปใช้คอมพิวเตอร์ของดารณีเข้า Google.com แล้วค้นหาร้าน Cute Bar อรชรมั่นใจ
“ต้องเป็นที่นี่แน่ๆ เดี๋ยวเจอกัน”
อรชรลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกอีกรอบ ดารณีงงๆ
“แล้วนี่พี่อรจะออกไปไหน มันมืดแล้วนะ”
อรชรไม่พูดไม่จา ลมหึงขึ้นหน้าออกจากบ้านไปด้วยความรวดเร็ว ดารณีได้แต่มองตามอย่างสงสัยแต่ทำอะไรไม่ได้
ธีรธรอุ้มไศลาขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนตัวเอง วางเธอลงบนเตียงของตัวเองอย่างอ่อนโยน แล้วไปเตรียมอุปกรณ์มาทำแผลมาวางเตรียมพร้อมไว้ข้างเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหา หมอนพรัชซึ่งเป็นเพื่อนสนิท เมื่อนพรัชรับสายจึงบอกให้รู้ว่ามีบาดเจ็บหมดสติอยู่กับเขา
“เอาล่ะ ฉันเตรียมพร้อมครบหมดทุกอย่างแล้ว แกพร้อมจะตรวจคนไข้หรือยัง”
“ไอ้บ้าธี เมื่อไหร่แกจะเลิกทำอะไรห่ามๆ แบบนี้ซะทีวะ”
“เออ...อย่าเพิ่งพูดมาก ตรวจคนไข้ก่อน ให้เริ่มจากตรงไหนดี”
“แล้วเขามีแผลที่ไหนบ้างล่ะ”
ธีรธรเดินเอากล้องมือถือไปถ่ายตามแผลต่างๆ ของไศลาให้นพรัชดู
“เท่าที่ดูก็น่าจะมีตรงหัวที่หนักสุด ไม่มีกระดูกแตกหักอะไรใช่มั้ย”
“ไม่มีนะ”
“ไหนแกลองถ่ายไปตรงแผลที่คิ้วกับตาให้ฉันดูอีกที”
ธีรธรเอากล้องมือถือไปถ่ายตรงแผลแตกที่หัวของไศลา
“พอๆ ไม่ต้องใกล้มากมันเบลอ”
ธีรธรตั้งใจทำตามที่นพรัชบอกเต็มที่
“โอเค ไม่น่าจะต้องเย็บ เดี๋ยวแกก็ทำแผลให้คนไข้แล้วคอยระวังด้วย คืนนี้น่าจะมีไข้จากแผลอักเสบ ถ้าภายใน 24 ชม.นี้ไม่มีอาการอาเจียน เวียนหัว ปวดหัวอย่างรุนแรง ก็คงไม่มีอะไร”
ธีรธรมีท่าทางสบายใจขึ้น
“โอเค ขอบคุณมากนะเพื่อน”
ธีรธรกดวางสายเตรียมจะทำแผล เขาจับตัวหญิงสาวก็รู้สึกว่าตัวเธอร้อนผิดปกติ จึงลองเอาหลังมือแตะที่หัวของไศลา
“สงสัยจะมีไข้จริงๆ ด้วย”
ธีรธรเริ่มทำแผลให้จนเสร็จ ไศลาเพ้อร้องไห้
“คุณพ่อ คุณแม่ ช่วยคุ้มครองน้องๆ ด้วยนะคะ ไศผิดเอง ไศขอโทษ”
ธีรธรลูบหัวปลอบไศลาอย่างทะนุถนอมจนไศลาค่อยๆ หลับไป
“ผู้หญิงตัวแค่นี้ แต่ต้องเจออะไรมาเยอะขนาดนั้น”
ธีรธรไปหยิบอุปกรณ์เช็ดตัวและเสื้อผ้าของตัวเองมาให้ไศลาเปลี่ยน เขาเริ่มเช็ดตามตัวให้ พอถึงตอนจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก็ลังเล...
“ผมขอโทษนะไศลา”
ธีรธรเดินไปหยิบแว่นดำมาใส่ แล้วเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไศลาแบบเก้ๆ กังๆเพราะไม่กล้ามอง เขาจัดการทุกอย่างจนเสร็จแล้วลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง ไม่นานนักก็กลับมาดูเธออีกรอบ แล้วปูที่นอนข้างๆ เตียงแล้วนอนหลับไป
อรชรเปิดประตูเข้ามาในร้าน ผู้จัดการร้านเดินเข้าไปหา
“ขอโทษนะครับคุณผู้หญิง ที่นี่เข้าได้เฉพาะเมมเบอร์นะครับ”
อรชรกระแทกเสียง
“เป็นเมียเมมเบอร์เข้าได้มั้ย”
อรชรกวาดตามองหาชูชิตจนเจอ ตรงเข้าไปหาชูชิตที่กำลังสนุกอยู่กับกลุ่มเพื่อนและสาวนั่งดริงค์ อรชรหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาสาดใส่หน้าสาวนั่งดริงค์ที่กำลังนัวเนียกับชูชิต สาวนั่งดริงค์ร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ ทุกคนวงแตกกระเจิง
“อร มาที่นี่ได้ไงเนี่ย” ชูชิตตกใจมาก
“พี่ชิตนั่นล่ะมาอยู่ที่นี่ได้ไง ไหนบอกว่าอยากพักผ่อนอยากนอนแต่หัวค่ำบ้าง”
สาวนั่งดริงค์โผเข้ากอดแขนชูชิต
“นี่มันอะไรกันคะพี่”
อรชรเข้าไปกระชากแขนสาวนั่งดริงค์ออกจากชูชิต
“ออกไปไกลๆ เลยไป ผัวเมียเขามีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
เพื่อนชูชิตแปลกใจ
“เฮ้ย...ไอ้ชิต นี่น้องแฟนแกนี่หว่า หมายความว่าไงวะเนี่ย”
เพื่อนอีกคนแซว
“จะหมายความอะไรได้ล่ะวะ นอกจาก...พระยาชูชิตของเราเทครัวไปซะแล้ว”
เพื่อนหัวเราะขำๆ แต่ชูชิตรู้สึกเหมือนจะเป็นเสียงหัวเราะเยาะมากกว่า จึงเข้ามาลากอรชรออกไปจากวงเหล้า
“ไปอร กลับบ้าน เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
อรชรสะบัดตัวออกจากแขนชูชิต
“อรจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าพี่ชิตจะบอกว่าทำไมต้องโกหกอร”
“ถ้าไม่อยากกลับก็ตามใจ พี่ไปล่ะ”
เพื่อนชูชิตมองอรชรกระลิ้มกระเหลี่ย
“สนใจจะอยู่ต่อสนุกกับพวกพี่มั้ยจ๊ะ”
ชูชิตเดินนำไปอย่างไม่สนใจว่าอรชรจะเดินตามมาหรือเปล่า อรชรหันมามองกลุ่มเพื่อนของชูชิตแล้วรีบเดินตามออกไป
ไศลานอนหลับอยู่บนแคร่ตรงหน้านักพรตเมฆขาวที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมา พยายามจะลุกขึ้นแต่ทำไม่ได้เพราะยังเจ็บตัวอยู่ นักพรตเมฆขาวลืมตาลุกขึ้นหยิบใบไม้ในย่ามเดินมาป้อนให้
“กินซะ เดี๋ยวก็หาย”
ไศลาอ้าปากรับใบไม้มาเคี้ยวแล้วทำหน้าเบ้ด้วยความขม เธอทนไม่ไหวจะบ้วนทิ้ง แต่นักพรตเมฆขาวเอามือมาปิดไว้บังคับให้เคี้ยวต่อจนหมด
“เอ้า...หายแล้ว ลุกขึ้นมาเรียนได้”
ไศลาลองลุกขึ้นยืนก็พบว่าตัวเองหายเจ็บอย่างน่าอัศจรรย์
จู่ๆนักพรตเมฆขาวก็พาไศลาหายตัวมายืนอยู่ที่โล่งกว้างในป่าลึก นักพรตเมฆขาวตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้
“เอาล่ะ ลองเข้ามาเลย”
นักพรตเมฆขาวยกไม้เท้าในมือขึ้นมาโชว์
“วันนี้ถ้าเจ้าแย่งไม้เท้าจากมือข้าไปไม่ได้ เจ้าจะไม่ได้กลับบ้านอีก”
ไศลาได้ยินแบบนั้น รีบวิ่งเข้าไปแย่งไม้เท้า แต่นักพรตเมฆขาวหลบหลีกได้ด้วยวิธีที่เหนือชั้นกว่า ไศลาพยายามต่อสู้แย่งชิงด้วยสัญชาตญาณคาราเต้ที่มีอยู่
“ดีมาก แต่ยังไม่พอ”
นักพรตเมฆขาวพูดเย้ยๆจนไศลาชักจะโมโห การต่อสู้ของทั้งสองเริ่มจะดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองสู้กันต่อไปได้พักใหญ่ ไศลาก็เป็นฝ่ายพลาดก่อน
“รู้จุดอ่อนของตัวเองแล้ว ต้องเร่งหาวิธีแก้ไข”
ไศลาฮึดลุกขึ้นไปลุยต่อ แต่ก็ยังไปพลาดตรงจุดเดิม ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นไปอีก
“การต่อสู้ที่ดีต้องคุมได้จากข้างใน การใช้อารมณ์ ต่อให้ชนะ ก็ต้องสูญเสียไม่มากก็น้อย”
ไศลาลุกขึ้นมาลุยต่อ
“สู้ด้วยสติ ด้วยจิตที่สงบ ค้นหาจังหวะของอีกฝ่าย แล้วจะพบคำตอบ”
ไศลาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด พยายามข่มจิตให้เย็นลงตามที่นักพรตเมฆขาวสอน ในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จ
“ทำได้ดี จำสิ่งที่เรียนรู้ไว้ใช้ยามคับขัน”
นักพรตเมฆขาวกลายร่างเป็นแสงแล้วหายไปทันที
เช้าวันใหม่...ไศลาตื่นขึ้นมาจากความฝัน เพราะแสงสว่างที่ลอดหน้าต่างเข้ามา เธอหันไปมองรอบๆ ก็เห็นธีรธรนอนกับพื้นอยู่ข้างเตียง ไศลากำลังงงว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงก้มดูเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่อยู่ก็ยิ่งตกใจ ลุกขึ้นไปเขย่าตัวปลุกธีรธรทันที
“คุณๆ ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ตื่นๆ”
ไศลาหยิบปืนที่ธีรธรวางไว้ข้างตัวก่อนนอนขึ้นมาเล็งไปที่เขา ธีรธรตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
“เมื่อคืนคุณทำอะไรฉัน ที่นี่ที่ไหนแล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ธีรธรตกใจที่เห็นปืนยกมือขึ้นห้าม
“เดี๋ยว...คุณใจเย็นๆ ปืนนั่นมีลูกนะ ตื่นมาก็เก่งเลยนะเนี่ย”
“อย่ามาทำปากดีนะ ฉันยิงไส้แตก”
ไศลาเอาปืนจ่อไปที่ท้องของธีรธร
“โอ๊ย...โอเคๆ ที่นี่บ้านผมเอง เมื่อวานคุณโดนทำร้ายที่ห้างไง ผมเลยพามาทำแผลที่นี่ แล้วพอดีคุณก็ดันเป็นไข้อีก ผมก็เลยต้อง...เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ก็เท่านั้นล่ะ”
ไศลาตกใจ
“เช็ดตัว...เปลี่ยนเสื้อผ้า นี่คุณทำเองทั้งหมดเลยเหรอ”
ธีรธรพยักหน้าจ๋อยๆ ไศลากรี๊ดยกปืนขึ้นจะฟาด ธีรธรเข้าชาร์จเอาปืนออกจากมือไศลาได้
“คุณไม่ต้องห่วง ผมไม่เห็นอะไรหรอก ผมใส่แว่นดำตลอดเลยนะ บางตอนก็หันหน้าหนีเลย เซฟให้คุณสุดๆ”
“แล้วทำไมคุณไม่พาฉันไปโรงพยาบาลล่ะ”
“ผมไม่มั่นใจความปลอดภัย มีคนสะกดรอยตามเราอยู่ตลอดเวลา เมื่อวานจ่านิดก็โดนทำร้ายที่เซฟเฮาส์”
ไศลาเงื้อมือจะตีธีรธร แต่ก็เปลี่ยนใจไม่ฟาดลงไป ธีรธรเห็นไศลาเย็นลงแล้วก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมายื่นให้
“คุณไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมจะพาไปหาคุณแม่”
ไศลายังงอนอยู่ ไม่ยอมรับผ้าเช็ดตัว
“หรือว่ายังอาบเองไม่ไหว ต้องให้ผมช่วย”
ไศลาหยิบผ้าเช็ดตัวมาฟาดธีรธรอย่างแรง แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ธีรธรหัวเราะมองตามอย่างโล่งใจที่ไศลาดูไม่เป็นอะไรแล้ว
ดารณีใส่ชุดนักเรียนเตรียมตัวไปโรงเรียนเดินลงมาจากข้างบน เธอเดินแวะไปสำรวจห้องนั้นห้องนี้ ก็พบว่ายังไม่มีใครกลับบ้านมาเลยสักคน เธอหดหู่ที่บรรยากาศในบ้านเปลี่ยนไปแบบนี้ ดารณีหยิบกระเป๋านักเรียนใส่รองเท้าแล้วเดินออกจากบ้านปิดล็อคประตูรั้วแล้วมองเข้าไปในบ้านอย่างเศร้าๆ
อรชรนอนกอดชูชิตยิ้มหวานอย่างสมหวัง ที่ตัวเองได้เข้ามาอยู่ในห้องนอนชูชิตได้สำเร็จ
เสียงโทรศัพท์มือถือชูชิตดังขึ้น เขางัวเงียขึ้นมารับสาย
“สวัสดีครับนาย จะให้ผมเข้าไปหาตั้งแต่ตอนเช้านี้เลยเหรอครับ ได้สิครับ เดี๋ยวพบกันครับ”
ชูชิตรีบลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัว อรชรหันมาถาม
“พี่ชิตจะรีบไปไหนแต่เช้า”
“นายโทรมาให้พี่รีบเข้าไปหา”
อรชรรีบลุกขึ้นเตรียมตัวเหมือนกัน
“อรมีเรียนกี่โมง เดี๋ยวพี่ให้เด็กไปส่ง”
“อรไม่ได้มีเรียน แต่อรจะไปกับพี่ชิต”
“พี่ไปคุยกับนาย ไปทำงาน อรจะไปได้ยังไง”
อรชรเดินเข้ามากอดประจบชูชิต
“อรก็ไปช่วยพี่ชิตทำงานไง”
“อรทำไม่ได้หรอก แล้วพี่ก็ไม่อยากให้อรทำด้วย”
“อรรู้นะว่าพี่ชิตทำอะไรอยู่บ้าง อรเป็นเมียพี่แล้ว ต่อไปนี้อรจะช่วยงานพี่ชิตทุกอย่าง”
ชูชิตลูบหัวอรชรด้วยความพอใจ
“พี่ขอบใจอรมาก แต่ยังไม่ใช่วันนี้ เชื่อพี่นะ”
ชูชิตหอมแก้มอรชรปลอบใจแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
นพรัชนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกบ้านวงทองคนเดียว ครู่หนึ่งนิ่มนวลประคองวงทองเข้ามาในห้องรับแขก นพรัชเข้าไปช่วยประคองมานั่งที่โซฟาอย่างคุ้นเคยกันแล้วยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณแม่”
“ไหว้พระนะลูกนะ วันนี้จะมาชวนแม่เล่นเกมนับเข็มฉีดยาอีกแล้วเหรอลูก”
นพรัชหัวเราะ
“ไม่หรอกครับคุณแม่ วันนี้ผมมาหาธีรธรครับ”
ธีรธรพาไศลาเข้ามาพอดี นิ่มนวลหันไปเห็น
“ดูสิคะคุณป้า พูดถึงแล้วก็มาพอดี แต่เอ๊ะ...นั่นพาผู้หญิงที่ไหนมาด้วยก็ไม่รู้”
ทุกคนมองตามไปที่ธีรธรกับไศลา นพรัชเห็นไศลาแล้วถึงกับตะลึงในความสวย ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ธีรธรเข้ามากราบที่ตักมารดา
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่”
ทองยกมือขึ้นลูบแก้มลูกชายสุดที่รักด้วยความคิดถึง
“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน ทั้งซูบทั้งคล้ำเลยนะลูกชายแม่”
ธีรธรหันมาหาไศลา
“ไศลา เข้ามาสวัสดีคุณแม่ผมสิ”
ไศลาเขินๆ แต่ก็เข้าไปไหว้ที่ตัก วงทองรับไหว้ นิ่มนวลนั่งหน้าบึ้งอยู่ข้างๆ ธีรธรผายมือไปที่นิ่มนวล
“แล้วนี่คือนิ่ม ญาติของผมเอง เป็นพยาบาลมาคอยช่วยผมดูแลคุณแม่”
นิ่มนวลรับไหว้พอเป็นพิธี
“ไศลาเป็นพยานปากสำคัญในคดีพิเศษที่ผมทำอยู่ ผมเลยจะมาขออนุญาตคุณแม่ให้ไศลามาอยู่ที่บ้านเราในช่วงนี้ไปก่อน”
นิ่มนวลแย้งทันที
“แล้วทำไมถึงไม่ไปหาหอพักให้อยู่เหมือนคดีอื่นๆ ล่ะคะพี่ธร จู่ๆ ก็เอาใครไม่รู้มาอยู่ในบ้าน”
วงทองคล้อยตาม แต่เห็นสีหน้าไม่ค่อยพอใจของธีรธรแล้วไม่กล้าพูดอะไร
“คดีนี้จำเลยมีอิทธิพลและกว้างขวางมาก พี่ไม่อยากเสี่ยงให้ไปพักที่อื่นไกลตา”
“ช่างเถอะแม่นิ่ม คนเขาเดือดร้อนมาขนาดนี้ เราจะไปใจดำซ้ำเติมเขาอีกทำไม” วงทองตัดบท
นิ่มนวลรู้สึกเสียหน้าที่ถูกตำหนิต่อหน้าไศลา ก็ยิ่งไม่พอใจขึ้นไปอีก นพรัชเห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดี จึงช่วยตัดบท
“เอ่อ...ธี เราขอคุยธุระด้วยหน่อยสิ”
“แม่นิ่ม พาป้าไปรอที่โต๊ะทานข้าว หมอนพกับพ่อธีถ้าคุยกันเสร็จแล้วก็ตามแม่ไปทานมื้อเช้านะลูก”
ธีรธรกับนิ่มนวลช่วยกันประคองวงทองให้ลุกขึ้น ธีรธรพยักหน้าส่งสัญญาณให้ไศลาเข้ามารับช่วงประคองแม่ไปที่ห้องอาหาร ไศลาจึงเข้าไปช่วย วงทองมองไศลาอย่างไม่คุ้นเคย แต่ไม่อยากขัดใจลูกชาย นิ่มนวลหน้าบึ้งไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้
ดารณียืนซื้อข้าวเช้ามานั่งกินคนเดียวเหงาๆในโรงอาหารของโรงเรียน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไศลาก็ไม่ติดเหมือนเดิม จึงก้มหน้าก้มตากินข้าวน้ำตาคลอ แล้วก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองอยู่ เงยหน้าขึ้นไปเห็นสุทธิพงษ์นั่งอยู่ตรงข้าม ดารณีลุกขึ้นไปกอดสุทธิพงษ์แล้วร้องไห้ เพราะถึงแม้จะเพิ่งมีเรื่องกับสุทธิพงษ์ไป แต่ด้วยอารมณ์เคว้งคว้างตอนนี้ ทำให้ดารณีดีใจมากที่ได้เห็นคนในครอบครัวมาอยู่ตรงหน้า สุทธิพงษ์งงๆที่ดารณีเข้ามากอดแล้วร้องไห้ แต่ก็กอดตอบน้องสาว
“เป็นอะไรดา”
“ดารณีดาคิดถึงพี่ๆ ที่บ้านไม่มีใครเลย เมื่อคืนดาก็นอนคนเดียว”
“เอ่อ...ดาพอมีเงินให้พี่ยืมมั้ย พี่ไม่มีเงินกินข้าว”
ดารณีผละตัวออกจากอ้อมแขนสุทธิพงษ์อย่างหมดซึ้ง
“เงินเดือนหมดแล้วเหรอ นี่เพิ่งต้นเดือนเองนะ พี่พงษ์จะยืมเท่าไหร่”
ดารณีปาดน้ำตาค้อนสุทธิพงษ์ไปหนึ่งวงใหญ่ แล้วเดินไปหยิบเงินจากกระเป๋าสตางค์ให้ สุทธิพงษ์ยิ้มแห้งๆ
“สักพันแล้วกันนะ”
“เยอะไป ห้าร้อยก็พอ”
ดารณียื่นแบงก์ร้อยให้สุทธิพงษ์หนึ่งใบ
“นี่มันร้อยเดียวเองนะดา”
“นี่สำหรับค่าข้าวของวันนี้ อยากได้ที่เหลือเย็นนี้กลับไปเอาที่บ้าน แล้วพรุ่งนี้เช้าดาจะให้อีก”
สุทธิพงษ์ถึงกับเซ็ง แต่ก็ต้องยอมทำตามข้อแม้ของดารณี
“ก็ได้ เย็นนี้เจอกันที่บ้านนะ”
สุทธิพงษ์รับเงินแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ดารณีก้มหน้ากินข้าวเหงาๆต่อเหมือนเดิม
ธีรธรกับนพรัชนั่งคุยกันในห้องรับแขก
“ว่าไงครับคุณหมอ มาหาผมแต่เช้า”
“ก็ว่าจะเข้ามาดูคนไข้หน่อย เป็นห่วง”
ธีรธรยกนิ้วให้
“เพื่อนผมนี่ช่างเป็นคุณหมอที่เปี่ยมไปด้วยจรรยาบรรณจริงๆ”
“คุณไศลานี่สวยเข้าตาชะมัดเลยว่ะ”
“แหม...เรียกซะสนิทเลยนะ รู้จักกับเขาแล้วหรือไง”
“ตอนนี้ยัง แต่อีกไม่นานรับรองว่าต้องสนิทชัวร์”
ธีรธรรู้สึกไม่พอใจนิดๆ
“เฮ้ย...ไม่ได้ ห้ามมายุ่งกับพยานของฉันเด็ดขาด”
“จะหวงไปทำไมวะ พยานนะไม่ใช่ภรรยา หรือว่าแก...แน่ะๆ”
ธีรธรเก้อไปที่นพรัชเริ่มจับพิรุธได้
“ไม่ใช่ๆ แต่แกยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใครมาจากไหน จะมาชอบเขาง่ายๆ ได้ยังไง”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่บอกตรงๆ คนนี้นะจัดว่าถูกชะตาเป็นพิเศษ”
นพรัชทำหน้าตาเคลิ้มจนธีรธรหมั่นไส้
“เพ้อเจ้อแต่เช้านะหมอ ทีเมื่อคืนไม่เห็นกระดี๊กระด๊าแบบนี้”
“ก็เมื่อคืนแกเล่นถ่ายแต่แผล ไม่ให้ดูหน้า ถ้ารู้ว่าสวยขนาดนี้ ฉันมาตรวจเองแล้ว เฮ้ย...ธี เป็นพ่อสื่อให้เพื่อนหน่อยนะ”
“ไม่เอาล่ะ อยากได้ก็จีบเอง ฉันไม่อยากยุ่งเรื่องของคนอื่น ไปกินข้าวดีกว่า”
ธีรธรหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ลุกขึ้นเดินออกไปกะทันหัน นพรัชงงกับท่าทางของธีรธร แต่ก็รีบลุกเดินตามไป
รถชูชิตเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ของดุลยศักดิ์ ชูชิตกับอรชรลงจากรถ มีเด็กมารับรถไปจอด เทพเดินออกมาต้อนรับ
“เชิญทางนี้ครับ คุณชูชิต”
เทพเดินนำชูชิตเดินเข้าไปในตัวบ้าน ภายในบ้านดุลยศักดิ์ใหญ่โต อลังการยิ่งกว่าภาพภายนอกที่เห็น การตกแต่งข้างในล้วนตกแต่งด้วยของเก่า ของโบราณมีค่าราคาแพงที่ถูกนำมาตกแต่งได้อย่างมีรสนิยมและลงตัว บอดี้การ์ดเดินนำชูชิตเข้าไปจนถึงห้องรับแขกที่มีชุดโต๊ะมุกชุดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ดุลยศักดิ์นั่งสูบซิการ์รอพบชูชิตอยู่ที่เก้าอี้ตัวประธาน ชูชิตโค้งทำความเคารพดุลยศักดิ์ด้วยท่าทีนอบน้อมเป็นพิเศษ
“นั่งสิ ชูชิต อรชร”
ชูชิตและอรชรนั่งลงที่เก้าอี้ตัวฝั่งตรงข้าม ดุลยศักดิ์หยิบซิการ์ขึ้นมาสูบ
“ขอโทษที่ต้องเรียกมาแต่เช้า”
“ไม่เป็นไรเลยครับนาย”
ดุลยศักดิ์หันไปพยักหน้า เทพจึงเดินเอาแก้วมาเทบรั่นดีชั้นยอดให้ชูชิตกับอรชร
“ตื่นแต่เช้า ดื่มซะหน่อย จะได้สดชื่น”
เทพเดินเข้ามากระซิบบางอย่าง ดุลยศักดิ์ส่งเสียงสั่งไปข้างนอก
“พามันเข้ามา”
คงพาชายคนที่ปลอมตัวเป็นพนักงานทำความสะอาดไปทำร้ายไศลาเข้ามา ดุลยศักดิ์หันไปมอง
“ฝีมือตกไปเยอะนะเรา ผู้หญิงคนเดียว ยังทำไม่สำเร็จ”
ชายคนนั้นพนมมือไหว้
“ผมขอโทษครับนาย ผมขอโอกาสนายอีกครั้งนะครับ”
“ไอ้โอกาสเนี่ย...ใครก็อยากได้ แต่พอได้ไปแล้ว...ก็ไม่ค่อยจะรักษากัน...ใช่มั้ยชูชิต”
ชูชิตพยักหน้าตอบเสียงอ่อย
“ครับ”
ดุลยศักดิ์พูดกับชายคนนั้น
“แต่โชคดีที่ฉันเป็นคนชอบให้โอกาส...ภายใน 3 นาทีนี้ถ้าแกพ้นจากประตูห้องนี้ไปได้ ฉันจะปล่อยแกไป”
ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นวิ่งออกไปที่ประตูทางออก คงเดินเข้ามาขวาง ชายคนนั้นเห็นคงแล้วดีใจ เพราะขนาดตัวจัดว่าดูสูสีมาก เขากับคงต่อสู้กันอยู่พักใหญ่ด้วยฝีมือที่เรียกได้ว่าสูสี ชายคนนั้นงัดอาวุธที่มีทุกอย่างในตัวมาสู้ทั้ง ปืน มีดที่ซ่อนไว้ ในขณะที่คงสู้ด้วยมือเปล่า ในที่สุดชายคนนั้นก็เป็นฝ่ายแพ้ โดนคงหักคอ ด้วยมือเปล่าตายคาที่ แล้วจัดการอุ้มศพออกไปอย่างรวดเร็ว ดุลยศักดิ์หันมาที่ชูชิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เอาล่ะ...หมดเวลาของการแสดงแล้ว มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า”
ดุลยศักด์ตบมือ 2 ครั้ง จอโปรเจ็คเตอร์ ไหลลงมาจากกำแพงอย่างรวดเร็ว ไฟในห้องหรี่ลงอัตโนมัติ เสียงเพลงคลาสสิคดังคลอขึ้นสร้างบรรยากาศ จอโปรเจ็คเตอร์ขึ้นสไลต์รูปภาพหลักฐานชุดเดียวกับที่ไศลากับธีรธรเพิ่งเข้าไปถ่ายมา
“นี่คือภาพถ่ายของกลางที่เป็นที่มาของคำสั่งด่วนวันนี้ จากกองปราบให้เข้าทลายโกดังยาบ้าของนายชูชิต เชิดชัยชาญ”
ชูชิตหน้าซีดเผือดตะลึงกับสิ่งที่เห็นในจอตรงหน้า
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบไฟ ตอนที่ 2 (ต่อ)
นิ่มนวลตักข้าวต้มให้วงทอง ธีรธร นพรัชและตัวเอง จนมาถึงไศลาที่ยกมือขอโถข้าวด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณนิ่ม ไศขอตักเองดีกว่าค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกไศลา มันเป็นหน้าที่ของนิ่มอยู่แล้ว”
นิ่มนวลสะอึกเล็กน้อยที่ได้ยินธีรธรพูดเหมือนตัวเองมีหน้าที่เป็นคนรับใช้”
“พ่อธี พูดถึงหนูนิ่มแบบนั้นได้ยังไง ขอโทษน้องเดี๋ยวนี้” วงทองปราม
“อ๋อ...ผมหมายถึงว่าปกตินิ่มก็เป็นคนตักข้าวให้ทุกคนอยู่แล้ว ไม่ได้คิดอย่างอื่น พี่ขอโทษนะนิ่ม ถ้าพี่พูดให้ไม่สบายใจ” ธีรธรพูดอย่างไม่คิดอะไร
ไศลาหยิบโถข้าวขึ้นมาจะตักใส่ถ้วยด้วยตัวเอง แต่นิ่มนวลแย่งโถข้าวคืนไปตักให้พูดเสียงอ่อย
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ธี นิ่มเข้าใจ”
บรรยากาศบนโต๊ะเริ่มกร่อย นพรัชรีบพูดแก้สถานการณ์
“วันนี้เป็นข้าวต้มปลาเหรอครับเนี่ย ผมอยากทานอยู่พอดีเลย”
วงทองยิ้มแย้ม
“ชอบก็ทานเยอะๆเลยนะลูก ไม่ต้องเกรงใจ หนูไศลาทานเยอะๆ นะจ๊ะ”
ทุกคนก้มหน้ากินข้าวต้มเงียบๆ นพรัชเห็นธีรธรไม่ช่วยสักที ก็เลยต้องทำหน้าที่ช่วยตัวเอง
“คุณไศลาครับ ผมหมอนพรัชนะครับ เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยมของธีรธร ยินดีที่ได้รู้จัก”
ธีรธรขำที่นพรัชจัดการแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ นพรัชเขิน
“ขำอะไรของแกวะธี”
ธีรธรส่ายหัวปฏิเสธแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไปหอมแก้มแม่
“ผมไปทำงานก่อนนะครับแม่ ฝากไศลาด้วยนะครับ”
ธีรธรหันมาหานพรัช
“ไปก่อนนะหมอ พี่ไปนะนิ่ม”
นพรัชโบกมือบายธีรธัชที่กำลังเดินออกไป ไศลามองตามอยากจะไปด้วยแต่ไม่กล้าลุกเพราะนิ่มนวลจับตาดูอยู่ ธีรธรหันกลับมาหาไศลา
“ไศลา คุณมีของในรถผมไม่ใช่เหรอ จะไปเอาเลยมั้ย”
ไศลาได้จังหวะรีบลุกขึ้นเดินตามธีรธรไป
ชูชิตในสภาพสะบักสะบอม พนมมือร้องขอชีวิตจากดุลยศักดิ์หลังจากที่โดนเทพยำเละไปแล้วชุดใหญ่ อรชรนั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวกับภาพตรงหน้า ชูชิตเลือดกบปาก ไหว้ปลกๆ
“นายครับ ผมผิดไปแล้ว นายไว้ชีวิตผมเถอะนะครับ”
“ฉันเคยเตือนแกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าแกพลาดอีก...จะไม่เหลือแม้แต่ชีวิตตัวเอง”
ชูชิตคลานมากราบที่เท้าดุลยศักดิ์
“ผมผิดไปแล้วจริงๆนาย เมตตาผมอีกครั้งนะครับ”
คงเดินเข้ามาในห้อง
“สัญญาณมาแล้วครับนาย”
ดุลยศักดิ์พยักหน้า เทพกดรีโมทเปลี่ยนโปรเจ็คเตอร์ เป็นภาพการเข้าจับกุมคลังยาบ้าของชูชิต
ไศลาเดินตามธีรธรไปมาที่รถ เขาเปิดประตูรถหยิบซองซิมโทรศัพท์อันใหม่ให้
“นี่เบอร์ใหม่คุณ อย่าใช้เบอร์เก่าอีก เพราะคนร้ายจะแกะรอยตามคุณได้”
“แล้วนี่คุณต้องไปที่อู่ของชิตด้วยหรือเปล่า”
ธีรธรพยักหน้า
“ระวังตัวด้วยนะคะ”
ธีรธรรู้สึกดีที่ได้รู้ว่าไศลาเป็นห่วง ธีรธรเห็นนพรัชเดินตามออกมาจากในบ้าน
“ถ้าใครถามคุณว่าเป็นพยานคดีอะไร ให้บอกว่า...หลอกผู้หญิงมาขายบริการนะ”
ไศลาหน้าเสีย
“แต่ฉันไม่อยากโกหก”
“อย่าคิดมากสิ ถ้าพูดความจริงไป เกิดใครไปพูดต่อ คุณก็อันตราย อีกอย่างถ้าคุณแม่รู้ ก็คงเมตตาคุณเป็นพิเศษผมไปก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมาบอกข่าวดี”
ธีรธรขับรถออกไป นพรัชเดินมาถึงไศลาพอดี
“มีอะไรให้ช่วยถือเข้าไปมั้ยครับคุณไศลา”
“อ๋อ...ไม่มีหรอกค่ะ แค่ซิมโทรศัพท์อันเดียว ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”
“เรียกผมว่านพดีกว่าครับ จะได้ดูกันเองมากกว่า”
“ค่ะ คุณนพ”
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ เสียดายติดเวรเช้า อยากจะอยู่คุยกับคุณไศลาอีกหน่อย”
ไศลายิ้มเก้อๆ ไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่ยืนส่งนพรัชจนขับรถออกไปตามมารยาท
วงทองนอนดูทีวีอยู่บนเตียง นิ่มนวลเดินไปหยิบยาหลังอาหารและรินน้ำใส่แก้วน้ำให้ทำให้เห็นไศลาที่ยืนส่งนพรัชแล้วเดินกลับไปบ้านธีรธรจากหน้าต่างห้อง นิ่มนวลเดินเอายาไปให้วงทองที่เตียง
“ท่าทางหมอนพจะถูกใจ คุณไศลาอยู่ไม่น้อยนะคะคุณป้า”
“หมอนพเป็นคนดี ใครได้ไปเป็นสามีก็ถือว่าโชคดี แล้วนี่หนูไศลาอยู่ไหนล่ะ”
“เห็นไปยืนส่งหมอนพขึ้นรถแล้วก็กลับไปบ้านพี่ธีแล้วค่ะ ดูเหมือนเพื่อนใหม่จะคุยกันถูกคอเป็นพิเศษ”
“เดี๋ยวหนูนิ่มช่วยไปจัดห้องพักให้หนูไศลาด้วยนะ ไปอยู่บ้านพ่อธีสองต่อสอง ใครรู้เข้า จะดูไม่งาม”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณป้า เดี๋ยวนิ่มจัดการให้ค่ะ” นิ่มนวลตอบรับทันที
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดพิเศษตรึงกำลังเข้าปฏิบัติหน้าที่ยึดพื้นที่อู่ทำสีรถได้สำเร็จ ธีรธรเป็นหัวหน้าปฏิบัติการครั้งนี้
“แบ่งกำลังออกเป็น 4 ฝ่าย 50 นายแรกตรึงกำลังอยู่รอบๆ อู่ คอยระวังอย่าให้ใครเข้าออกได้เด็ดขาด อีก 30นายเข้าไปข้างในเพื่อหาของกลางกับผม อีก 60 นายค้นหาของกลางรอบๆ บริเวณนี้ ในระยะรัศมีไม่เกิน 40 เมตร อีก 60 นายที่เหลือตรึงกำลังและลาดตระเวนรอบๆ พื้นที่ของนายชูชิตทั้งหมด ถ้าใครพบอะไรที่น่าสงสัยหรือผิดปกติ รายงานผมทันที อย่าลืมว่าทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังสูงสุด”
ธีรธรพร้อมกำลังบางส่วนเข้าไปค้นหาหลักฐานในอู่ เขาพาทีมตรงไปยังโซนห้องอบสีที่เก็บหลักฐานไว้ ทีมเจ้าหน้าที่พยายามช่วยกันเปิดประตูห้องอบสีทุกห้องเพื่อค้นหาของกลาง แต่กลับไม่มีใครพบอะไร ธีรธรถามสถานการณ์จากข้างนอกทุกกอง ก็ไม่เจอสิ่งผิดกฎหมายอะไรเลยเหมือนกัน
“สถานการณ์ข้างนอกเป็นไงบ้าง เจอของกลางเพิ่มเติมหรือยัง”
หัวหน้ากองทุกกองแจ้งว่าไม่พบสิ่งผิดกฎหมายหรือของต้องสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น ธีรธรเริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะเสียทีให้คนร้ายเสียแล้ว
ดุลยศักดิ์เปิดแชมเปญดื่มฉลองมองที่ในจอโปรเจ็คเตอร์ เห็นว่าธีรธรและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดต้องกลับมือเปล่า ดุลยศักดิ์เทแชมเปญใส่แก้วยื่นให้ชูชิตที่ยังนั่งหมอบอยู่กับพื้น ดุลยศักดิ์ชนแก้วกับชูชิตแล้วยกขึ้นดื่ม
“รวดเดียว...หมดแก้ว”
ชูชิตต้องฝืนทำตามอย่างทรมาน เขาพยายามกลืนแชมเปญ แต่เหมือนมีอะไรติดคอ ลองคายออกมาปรากฏว่าเป็นฟันของตัวเอง ดุลยศักดิ์จ้องหน้าชูชิต
“แปลกใจมั้ยว่าไอ้พวกตำรวจหน้าโง่พวกนั้นรู้ที่ซ่อนของได้ยังไง”
ชูชิตพยักหน้าช้าๆ อย่างลำบาก
“ครับนาย”
ดุลยศักดิ์หยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อมากางให้ชูชิตดู
“เคยเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนี้มาก่อนใช่มั้ย”
ชูชิตเห็นผ้าเช็ดหน้าในมือดุลยศักดิ์แล้วถึงกับอึ้ง มุมผ้าเช็ดหน้าปักชื่อไว้สวยงามว่า “ไศลา”
โรงเรียนเพิ่งเลิก ดารณีเดินออกมารอรถเมล์หน้าโรงเรียน ระหว่างนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองออกมาเปิดเครื่อง มีเบอร์ใหม่ของไศลาโทรเข้ามาทันทีที่เปิดเครื่องเสร็จ
“เบอร์ใคร ไม่คุ้นเลย”
ดารณีกดรับสาย
“ดา นี่พี่ไศเองนะ”
“พี่ไศลา พี่อยู่ที่ไหน ทำไมไม่กลับบ้าน ดาโทรหาตลอดเลย ทำไมไม่รับสาย พี่เป็นอะไร มีใครทำอะไรพี่หรือเปล่า”
“ใจเย็นๆ ดา พี่ปลอดภัย สบายดี แล้วดาทำไมไม่เปิดเครื่อง พี่โทรหาตั้งนาน เป็นห่วงแทบแย่”
“ก็ดาเรียนอยู่เลยไม่ได้เปิดเครื่อง พี่ไศมีอะไรหรือเปล่า”
“ดา พี่อาจจะไม่ได้กลับบ้านสักพักนะ”
“อ้าว...แล้วพี่จะไปอยู่ที่ไหน ไปอยู่ยังไง”
ไศลาน้ำตาคลอ
“ไม่เป็นไรดา พี่มาทำงาน ถ้างานเสร็จแล้วพี่จะรีบกลับ ดาอยู่ที่บ้านต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ ระวังตัวให้มากๆ รู้มั้ย”
“แต่ดาคิดถึงพี่ไศลา ให้ดาไปหาพี่บ้างได้มั้ย”
ไศลาปาดน้ำตา
“อย่าเลยดา มันไม่ปลอดภัย ดาไม่ต้องบอกใครนะว่าพี่ติดต่อมา ถ้าพี่เสร็จงานแล้ว พี่จะรีบกลับไปหาดาทันทีนะ”
ดารณีเสียงสั่น
“พี่ไศลาก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ ดาจะรอพี่ไศลานะ”
คนใช้เดินมาเคาะประตูเรียกไศลา
“คุณไศลา คุณนิ่มให้หนูมาช่วยขนของไปที่บ้านใหญ่ค่ะ เธอจัดห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
“พี่ต้องวางแล้วนะดา แค่นี้ก่อนนะ”
ไศลาวางสายแล้วรีบเดินไปเปิดประตู
ธีรธรเปิดประตูห้องเข้ามารายงานตัวกับเสริมพงษ์ จ่านิดอยู่ในห้องก่อนแล้ว ลุกขึ้นทำความเคารพธีรธร
“เป็นไงบ้างจ่า หายดีแล้วเหรอ”
“ไม่เป็นไรแล้วครับผู้กอง แผลฟกช้ำธรรมดา”
เสริมพงษ์มองธีรธรอย่างเห็นใจ
“เสียใจด้วยนะผู้กอง คุณทำงานได้ดีมาก แต่งานนี้มีเกลือเป็นหนอน”
ธีรธรตะเบ๊ะ
“ขอบคุณมากครับ”
“แล้วคุณบอกเรื่องนี้กับไศลาหรือยัง”
“ยังครับท่าน” ธีรธรหนักใจ
“ผมคิดว่าตอนนี้เราต้องระวังความปลอดภัยของไศลา และครอบครัวให้มากที่สุด” เสริมพงศ์บอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
ชูชิตนั่งเจ็บแผลอยู่เบาะหลัง มือหนึ่งกำผ้าเช็ดหน้าของไศลาไว้แน่น เทพเป็นคนขับ คงนั่งคู่อยู่เบาะหน้า ชูชิตเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา...ดุลยศักดิ์โยนผ้าเช็ดหน้าของไศลาลงพื้นตรงหน้าเขาที่ยังหมอบอยู่ด้วยความเจ็บ
“ฉันเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไว้ใจผู้หญิง”
ชูชิตหยิบผ้าเช็ดหน้าของไศลาขึ้นมาดู อย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“ฉันจะให้เทพกับคงไปอยู่กับแก จนกว่าแกจะสามารถกลับมาทำให้ฉันเชื่อใจได้เหมือนเดิม ด้วยการไปจับนังไศลามาให้ฉันที่นี่ให้ได้”
ชูชิตหยิบผ้าเช็ดหน้าของไศลา ที่ตัวเองกำไว้ขึ้นมาดูด้วยความแค้นใจ
โทรศัพท์มือถือของไศลาดังขึ้น หน้าจอโชว์เบอร์ธีรธร เธอรีบกดรับ
“ฮัลโหลคุณธี เหตุการณ์เป็นยังไงบ้างคะ”
“เสียใจด้วยนะไศลา เราทำไม่สำเร็จ พวกมันรู้ตัวขนของกลางหนีไปก่อน”
ไศลาตกใจเข่าอ่อนลงไปนั่งกองกับพื้น
“แล้วนี่เราจะทำยังไงต่อไปคะ”
“ผู้การให้ผมกับจ่านิดมารับน้องๆ ของคุณไปอยู่ด้วยกันเพื่อความปลอดภัย คุณช่วยโทรบอกน้องของคุณหน่อยนะว่าให้เตรียมตัว ผมกำลังจะเข้าไปเดี๋ยวนี้”
“ได้ค่ะคุณธี ฝากดูแลน้องๆ ด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงนะไศลา ทุกคนจะต้องปลอดภัย”
ไศลาวางสายแล้วรีบกดเบอร์ดารณีแต่ไม่มีคนรับ พอดีมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ไศลาเดินไปเปิดประตูเจอนิ่มนวลยืนกอดอกอยู่หน้าประตู
“คุณนิ่ม มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ช่วยไปจ่ายตลาดมื้อเย็นให้หน่อยสิ ฉันเขียนรายการกับเอาเงินมาให้แล้ว”
ไศลารับรายการมาดูนิ่มนวลมองเหยียดๆ
“อ่านหนังสือออกใช่มั้ย”
ไศลามองหน้านิ่มนวลอย่างสงสัยว่าถามจริงๆ หรือว่าแดกดัน แต่นิ่มนวลทำหน้านิ่งดูไม่ออก
“ออกค่ะ”
“ก็ดี รีบไปจะได้รีบกลับมาทำมื้อเย็น อ้อ...แล้วไม่ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปนะ ตลาดอยู่แค่ตรงนี้เอง เดินไปก็ได้ แต่ถ้าเธอขี้เกียจจะนั่งก็ได้ แต่ต้องออกเงินเองนะห้ามใช้เงินที่ให้ไปล่ะ”
“ค่ะ”
ไศลาหันมาหยิบโทรศัพท์จะโทรหาดารณีอีกครั้ง
“เอ๊ะ...ก็บอกแล้วไงว่าให้รีบไป เดี๋ยวก็กลับมาทำมื้อเย็นไม่ทันหรอก มาขออาศัยอยู่บ้านเขา ก็ไม่ควรทำตัวให้เจ้าของบ้านเดือดร้อน”
ไศลาเริ่มโมโหแต่ทนข่มใจเดินออกจากห้องไปตามคำสั่งของนิ่มนวล
รถของชูชิตเลี้ยวเข้ามาในบ้าน อรชรรีบวิ่งลงมาหาด้วยความดีใจ เทพกับคงจะเข้าไปประคองชูชิตลงจากรถ แต่ชูชิตปฏิเสธพยายามลงจากรถด้วยตัวเอง อรชรวิ่งมาถึงที่รถเห็นสภาพชูชิตแล้วตกใจมากรีบเข้ามาประคอง
“พี่ชิต พี่ชิตเป็นอะไร ไปโดนอะไรมา”
ชูชิตยื่นผ้าเช็ดหน้าของไศลาให้ดู
“นี่มันผ้าเช็ดหน้าของพี่ไศลานี่ พี่ไปเจอพี่ไศลามาเหรอ”
“ขึ้นรถมาก่อน เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง”
อรชรขึ้นรถไปด้วยทันที
จ่านิดที่มีผ้าพันแผลอยู่ที่หัว ยืนมองนาฬิกากระวนกระวายใจเหมือนรอใครอยู่ แล้วธีรธรก็ขับรถเข้ามาเทียบ
“อึดนรกแตกจริงๆเลยนะจ่า”
“พวกมันแหยมผิดคนซะแล้ว”
“จ่าน่าจะนอนพักก่อนนะ เรียกออกมาทำไมเนี่ย”
จ่านิดเอาตั๋วรับจำนำยื่นให้ธีรธรดู
“สร้อยทองหนักห้าบาท”
ธีรธรงงๆ
“จะยืมเงินไปต่อดอกเหรอ”
จ่านิดส่ายหน้าเข้ม
“หรือจะถ่ายมาออกเบอร์”
จ่านิดส่ายหน้าเครียดๆ
“สายผมรายงานว่าจะมีการส่งยาล๊อตใหญ่ในอีกครึ่งชั่วโมงนี้”
“เชื่อได้เหรอ นี่เพิ่งจะหน้าแหกไป”
จ่านิดเอาตั๋วจำนำยัดใส่มือ ธีรธรเพิ่งจะสังเกตเป็นว่ามันเปื้อนเลือด บางส่วนยังไม่แห้ง เลอะนิ้วมือเขา
“เลือด”
จ่านิดพยักหน้า
“แหล่งข่าวผมเอง”
“ใคร”
“เน วัดดาว”
ธีรธรนิ่งฟัง จ่านิดเริ่มเล่า
“เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ ผมเพิ่งทำแผลเสร็จก็โซซัดโซเซเดินออกมาจากโรงพยาบาล...เหมือนผีจับยัด จี๊กโก๋ที่ท่าทางเหมือนคนเมายาคนนึง มันเดินมาชนผม ท่าทางมีพิรุธ ผมจำมันได้เพราะมันเป็นสายที่ผมเลี้ยงเอาไว้ ที่ตรอกวัดดาวดึงส์ ผมเห็นมันมีพิรุธก็เลยค้นตัวมัน พบตั๋วจำนำเปื้อนเลือดใบนี้ ผมถามว่าเป็นของใคร มันบอกว่าเป็นของมัน ผมรู้ว่ามันโกหก ชื่อนี่ก็ไม่ใช่ ไล่สอบจนมันจนตรอก มันถึงสารภาพว่าเป็นของจิ๊กโก๋หางแถวคนนึง ที่เป็นคนขนของย้ายก่อนที่สารวัตรจะยกพวกเข้าไปทลายจนหน้าแหกมาน่ะแหละ”
ธีรธรนิ่งฟัง เขาดูรายละเอียดบนตั๋วจำนำเปื้อนเลือด
“แล้วเลือดนี่ มาได้ยังไง”
“เน วัดดาวมันกลัวผมลากมันเข้าคุก มันเลยยอมบอกว่า...”
เน วัดดาวตะโกนใส่หน้าคู่อริที่ทำเหมือนกำลังจะมีเรื่องกัน คู่อริไม่ยอมให้เขายึดตั๋วจำนำ เนจึงต่อยกับมัน เเล้วก็เอาไม้ตีหัว แล้วหยิบตั๋วจำนำเอาเช็ดเลือดที่หัวคู่อริแบบเยาะเย้ย ...จ่านิดเล่าต่อไปว่า...
“ก่อนที่มันจะยึดตั๋วใบนี้มาได้ มันซ้อมเจ้าของตั๋ว แอล โอรส เพราะว่า เจ้าของตั๋วนี่ เป็นหนี้พนันบอลมัน มันก็เลยจะยึดตั๋วนี้มาเป็นหลักประกัน ให้แอลมาไถ่ ก่อนจากกัน ไอ้แอล โอรส มันคงเมายา ก็เลยเผลอขู่ไอ้เน วัดดาว ว่ามันเป็นลูกน้องขาใหญ่ ใหญ่รึไม่ใหญ่ ก็ทำตำรวจขายหน้า ซึ่งมันหมายถึงสารวัตรน่ะแหละแล้วมันก็คุยโอ่ เรื่องที่ลูกพี่มันจะขนย้ายของกันจริงๆ ในอีกครึ่งชั่วโมงนี้” จ่านิดยกนาฬิกาขึ้นดู “ซึ่งตอนนี้ก็เหลืออีกไม่ถึงยี่สิบห้านาทีแล้ว”
ธีรธรหนักใจ
“เชื่อได้มั้ย”
“เลือดก็ยังสดอยู่ ซึ่งก็ตรงกับที่มันเล่า แล้วอีกอย่าง ทั้งไอ้เจ้า เน วัด ดาว กับ แอล โอรส นี่ มันก็เป็นอริกันจริง ขี้คุยทั้งคู่ ท้ากันผ่านโซเซียลเน็ทเวิร์คตลอดเวลา”
“ถึงจริง...เราก็ขอกำลังเสริมไม่ได้แน่ ไม่มีหลักฐานอะไรไปยืนยันกับเขา”
“ผมเองก็ไม่อยากให้ขอกำลังเสริม เราไม่รู้ว่าใครในหน่วยเราจะคาบข่าวไปบอกพวกมันอีก”
“หรือเราจะลุยกันแค่สองคน”
จ่านิดดูนาฬิกา
“เหลืออีกไม่ถึงยี่สิบนาที”
“มันนัดกันที่ไหน”
จ่านิดเครียด
“สารวัตรคิดว่าทำไมผมถึงนัดสารวัตรมาแถวนี้ล่ะ”
จ่านิดกับธีรธรสบตากัน แล้วก็พยักหน้าว่าจะลุยด้วยกัน
ไศลาไปจ่ายตลาดกลับมาให้นิ่มนวลในครัว
“ไปซะนานเลยนะ คิดว่าจะไม่กลับมาแล้ว”
ไศลาปาดเหงื่อมองนาฬิกา
“ไศใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงเองนะคะ แล้วตลาดก็ไม่ได้ใกล้เลย นี่ถ้าไศไม่นั่งมอเตอร์ไซค์กลับ ก็คงทันกลับมาทำมื้อเช้าพอดี”
คนใช้คนอื่นแอบหัวเราะถูกใจคำพูดของไศลา
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดมาก ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ มาเอากุ้งนี่ไปล้าง แกะเปลือกเอาไส้ออกให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็เอาหน่อไม้ฝรั่งไปล้างแล้วก็หั่นให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็...”
ไศลาขัดขึ้น
“คุณนิ่มคะ เดี๋ยวไศจัดการกุ้งเสร็จแล้วจะมาถามอีกทีดีมั้ยคะว่าจะให้ทำอะไรต่อ ถ้าคุณนิ่มสั่งทีเดียวหมดแบบนี้ ไศจำไม่ได้หรอกค่ะ”
“ฮึ...ก็ตามใจ เบื่อจริงๆ พวกสมองน้อย อะไรนิดอะไรหน่อยก็จำไม่ได้”
ไศลาพยายามข่มความไม่พอใจเพราะไม่อยากมีปัญหา ระหว่างที่ล้างกุ้งไศลานึกอยากจะโทรหาดารณีขึ้นมาแต่พอล้างมือ จะหยิบโทรศัพท์ก็เป็นต้องโดนนิ่มนวลตวาด
“โอ๊ย...จะมาคุยธุรกิจร้อยล้านพันล้านอะไรกันตอนนี้จ๊ะ ไม่เห็นเหรอว่าเวลามันน้อยลงทุกทีแล้ว เร่งมือเข้าหน่อย เดี๋ยวจะไม่ทัน”
ไศลาโดนนิ่มนวลใช้ให้ทำนั่นทำนี่ตลอดเวลา จนไม่มีจังหวะหยิบโทรศัพท์มาโทรอีก
รถใหญ่สองคัน การลำเลียงของกันอยู่ คนที่ลำเลียงของต่างเเต่งชุดเหมือนพนักงานส่งอาหารสดตามร้านสุกี้ มีบางคนสวมหมวกกุ๊กแต่หน้าตาไม่น่าไว้วางใจ จ่านิด กับธีรธรย่องๆเข้ามา เขาแอบอยู่ เห็นแอล โอรส กุมหัวที่ยังคงมีเลือดไหลอยู่เข้าไปคุยกับพวกที่กำลังขนลังอาหารสดอยู่
“มันล่ะ แอล โอรส” จ่านิดกระซิบ
ธีรธรมองตาม
“ถ้างั้น...ที่เน วัดดาวเล่าให้จ่าฟัง ก็เป็นความจริง”
จ่านิดพยักหน้าเครียด สองคน มองทั่วๆว่าจะเอายังไงดี พวกมันบางคน แต่งเป็นคนขนของคุมเชิงอยู่ หลายคนเหมือนกัน คนหนึ่งเข้ามาทักแอล
“พี่แอล ไปโดนอะไรมา”
“ไอ้เนน่ะสิ...ไอ้ลูกโสเภณีนั่นแหละ เฮ้ย ยืมโทรศัพท์หน่อยสิ”
“แล้วโทรศัพท์พี่ล่ะ”
“ตังค์หมด ยังไม่ได้เติม”
สมุนเอาโทรศัพท์ส่งให้ แอลรับโทรศัพท์มา แล้วก็ถ่ายคลิปตัวเอง เดินพูดไปมา
“หวัดดี เพื่อนๆ โซเซียลเเคม ไอ้เน มึงด้วย เข้าใจป่ะ อะไรวะ อย่าให้เจอนะ ไม่ต้องมาทำเป็นท้า นัดมาเลยที่ไหน บางขวางป่ะ หรือที่ไหนก็ได้ ไม่เอา วัดดาว เข้าใจป่ะ วัดโอรสก็ได้ บางขวางล่อไปให้ตำรวจจับเหรอ”
ธีรธรกระซิบจ่านิดแบบอ่อนใจ
“ประเทศเราใช้ประโยชน์สามจีได้คุ้มจริง”
“เอาไงดี...ให้มันอัพโซเซียลแคมเสร็จก่อนมั้ย”
ธีรธรส่ายหน้า
“ผมขายหน้ามาครั้งนึงแล้ว คราวนี้ พวกมันขายหน้ามั่งดีกว่า”
ธีรธรกับจ่านิด เดินออกมาจากที่ซ่อน พวกที่ขนของอยู่ชะงัก แต่ก็พยายามทำไม่ให้มีพิรุธ จ่านิดกับธีรธร ทำเป็นเดินก้มหน้า เล่นเนทมือถือไปทางพวกมัน ต่างคนต่างคุมเชิงกัน แต่ทำเป็นปฏิบัติงานของตนอยู่ แอล ยังคงเลือดอาบอัพโซเซียลแคมอยู่
“มึงนะ ไอ้เน วัดดาว ทำเป็นมีเมียสวย เดี๋ยวเจอกัน เข้าใจป่ะ อ้าว..เนทหลุด สามจีอะไรว่ะ เปิดเครือข่ายอะไรเนี่ย”
แอลโวยวาย แล้วเดินมาหาธีรธร
“พี่...ขอยืมไอโฟนหน่อยดิ อัพเตตัสหน่อย”
“เอาสิครับ”
ธีธรทำเป็นจะส่งโทรศัพท์ให้ เเล้วเขาก็ล็อคคอแอลโอรสเอาเป็นที่กำบัง แล้วส่องปืนไปทางพวกที่ขนผักสดอยู่
“หยุดนะนี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
จ่านิด ส่ายปืนส่องไปทั่ว พวกที่ขนของอยู่ ยืนนิ่ง สบตากันเอาไงดี แอลตกใจ
“อะไรพี่ ใจป่ะเนี่ย ยืมโทรศัพท์แค่นี้ ควักปืนขู่”
จ่านิดตวาด
“ทุกคนอย่าขยับ”
แอลอึกอัก
“เขาขนผักกัน อะไรเนี่ย”
พวกที่ขนผักอยู่ สบตากัน แล้วก็พุ่งเข้าไปหยิบอาวุธออกมายิงสวนโดนแอลล้มลง
ธีรธร กับจ่านิด ยิงต่อสู้ โดยวิ่งหลบไป ซุ่มเก็บพวกที่ขนของทีละคน บางคนโดนยิงขา ยิงมือ บางคนโดนแอบจับมัด ติดกับลานจอด เป็นการต่อสู้ที่ไม่บุ่มบ่าม แต่คล้ายกับ จ่านิดและธีรธร โผล่มาจากมุมโน้นมุมนี้ จนพวกโจรที่เหลืออยู่ชักหนาวๆร้อนๆ บางคนถึงกับโยนปืนทิ้งแล้ววิ่งหนีไปดื้อๆก็มี แอลที่โดนยิงล้มไป ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย พยายามหยิบโทรศัพท์ของโจรที่หล่นอยู่ นอนอัพโซเซี่ยลแคม
“อะไรวะ เพื่อนๆโซเซี่ยลแคม ทำไมตำรวจทำเงี๊ยะ ดูดิ พวกเราตั้งเยอะแยะเก่งเกินไปแล้ว พวกเรา สู้มันเลย ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวยิงมัน เข้าใจป่ะ”
แอลเอากล้องโทรศัพท์ส่ายส่องไปทั่ว โจรบางคนที่ยังต่อสู้อยู่ไล่ยิงธีรธรที่เห็นแว๊บๆด้านหลัง กระสุนโดนแอล
“ยิงมันดิ ยิงแอลมัยวะ เข้าใจป่ะ โอ๊ย”
ธีรธร กับจ่านิด ที่ซุ่มอยู่คนละด้าน สบตากัน เมื่อเห็นว่าพวกมันสิ้นฤทธิ์หมดแล้ว เขาไปเปิดๆดูพวกถังแช่แข็งทั้งหมด ก็พบว่าเป็นยาเสพติดที่แพคอยู่ในพลาสติคอย่างดี แอลยังคงส่ายกล้องมือถือ วืดวาดไปทั่ว
“ดูดิ เพื่อนๆชาวโซเซียล เน วัดดาวสบายดีนะ เราคงติดคุกยาวแน่ๆ เข้าใจป่ะ”
ธีรธรกับจ่านิด เดินมา แล้วก็กระแทกหน้าแอล โอรสสลบไป
อ่านต่อหน้าที่ 3
กุหลาบไฟ ตอนที่ 2(ต่อ)
ดารณีนั่งใส่หูฟังๆ เพลงทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ทำให้ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ไม่ไกล รถชูชิตมาจอดหน้าบ้าน ชูชิตใบหน้าบวมปูด มีแผลแตกเลือดยังซิบ อรชร เทพ คง ลงจากรถ ชูชิตตรงเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางโกรธจัด
“พี่ชิต ไปทำอะไรมา ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้น” ดารณีหันไปเห็นสภาพชูชิตก็ตกใจ
ชูชิตกำลังเลือดขึ้นหน้า ไม่สนใจอะไรแล้วถามเสียงเข้ม
“ไศลาอยู่ไหน”
ดารณีอึ้งไม่เคยเห็นชูชิตเป็นแบบนี้มาก่อน
“พี่ชิตใจเย็นๆ อย่าแกล้งกันแบบนี้สิ ดากลัวนะ”
ชูชิตตวาด
“ฉันถามว่านังไศลาอยู่ที่ไหน...เทพ คง ค้นบ้านนี้ให้ทั่ว”
อรชรหันมาคาดคั้นดารณี
“แกก็บอกพี่ชิตไปสิว่าพี่ไศลาอยู่ที่ไหน เดี๋ยวก็เดือดร้อนหรอก”
“ก็ดาไม่รู้จริงๆ ว่าพี่ไศลาอยู่ที่ไหน ขนาดพี่ชิตเป็นแฟนแท้ๆ ยังไม่รู้เลย”
“เรื่องนั้นมันเป็นอดีตไปแล้วย่ะ ตอนนี้พี่ชิตเป็นของฉันคนเดียว”
ดารณีตกใจ
“นี่พี่สองคนร่วมกันหักหลังพี่ไศลาเหรอ โห...โคตรเลวเลยอ่ะ”
ดารณีโกรธจนน้ำตาคลอ
“พวกพี่สองคนตอบแทนความรักของพี่ไศลาแบบนี้เหรอ เลวเหมาะสมกันจริงๆ เลยเนอะ”
อรชรโกรธ
“นี่แกไม่มีสิทธิมาว่าฉันกับพี่ชิตนะ เด็กโง่ๆ อย่างแกจะไปรู้อะไร เอาแต่แบมือประจบขอเงินไปวันๆ”
“ก็ยังดีกว่าบางคนที่ต้องถึงกับเอาตัวเข้าแลก...แม้แต่กับแฟนพี่สาวแท้ๆ ของตัวเอง ไม่มียางอายเอาเสียเลย”
อรชรเข้าไปบีบคอดารณี
“มันจะมากไปแล้วนะดารณี ฉันบอกกี่ทีแล้วว่าอย่าลืมว่าตัวแกเองเป็นแค่น้องของฉัน ไม่ใช่แม่”
“ถ้าเลือกได้...ดาก็ไม่อยากมีพี่แบบนี้เหมือนกัน”
อรชรบีบคอดารณีแน่นขึ้น สีหน้าดารณีเริ่มอึดอัดเพราะหายใจไม่ออก
“งั้นวันนี้...ฉันจะเป็นพี่สาวที่แสนดีส่งแกกลับไปเลือกมาเกิดใหม่ก็แล้วกัน”
ชูชิตเข้ามาห้าม
“พอได้แล้วอร นี่ตั้งใจจะฆ่าน้องจริงๆ หรือไง”
อรชรคลายมือออกจากคอของดารณี
“ก็แค่อยากจะให้มันรู้บ้างว่าอย่ามาทำเป็นอวดเก่งกับอร”
เทพกับคงกลับมารายงานว่าไม่พบไศลาอยู่จริงๆ ชูชิตหันมาถามดารณี
“ดา พี่ไศลาไปไหน”
ดารณีเงียบ อรชรทนไม่ไหวเดินเข้าไปตบหน้าหนึ่งฉาด
“ไม่ได้ยินที่พี่ชิตถามหรือไง”
“ก็บอกไปแล้วว่าไม่รู้ๆ จะให้ตอบอะไรอีกล่ะ”
“พอๆ เลย ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว อร แล้วไศลามีเพื่อนที่ไหนอีกมั้ย”
อรชรพยายามนึก
“ไม่น่ามีนะ ก็เห็นมีแต่พี่ชิตคนเดียวนี่ล่ะ”
“งั้นเดี๋ยวเราลองแยกย้ายกันค้นหาเพื่อนหรือคนรู้จักของไศลาดูอีกที”
“งั้นเดี๋ยวอรขึ้นไปหาที่อยู่ญาติๆ ในห้องพี่ไศลาให้นะคะ”
ชูชิตพยักหน้า ดารณีมองชูชิตกับอรชรด้วยสายตารังเกียจ
ดารณีรอจังหวะที่ทุกคนวุ่นวายกับการค้นหา ค่อยๆ ไปหยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์บนโต๊ะ ดารณีได้จังหวะวิ่งหนีออกไปนอกบ้าน เกือบจะถึงประตูบ้านรั้ว ชูชิตทันสังเกตเห็นพอดี รีบออกตัววิ่งตามไป คงเห็นเหตุการณ์เข้าก็ยกปืนขึ้นมาเล็งตรงไปที่หลังของดารณี แล้วเหนี่ยวไก ปัง!
ดารณีโดนยิงเข้ากลางหลังทรุดฮวบลงไปนอนที่พื้น ชูชิตตกใจหันมาดู เห็นคงเป็นคนยิงดารณีออกมาจากในตัวบ้าน
“เฮ้ย ไอ้คง ยิงทำไมวะ”
อรชรเห็นเหตุการณ์จากบนบ้านก็ร้องไห้ วิ่งลงมาหาดารณีที่นอนจมกองเลือดอยู่
“ดา ทำใจดีๆ ไว้ ดาต้องไม่เป็นไรนะ พี่จะพาดาไปหมอ อดทนไว้นะ”
“พี่อร...พี่ไศลา ดากลัวไม่ได้เจอพี่ไศลา”
“เจอสิ...เดี๋ยวก็ได้เจอกัน พี่ไศลาต้องมาเฝ้าดาที่โรงพยาบาลอยู่แล้วไง”
ชูชิตเข้ามาประคองอรชร
“อร ไปกันเถอะ เดี๋ยวตำรวจแห่มาจะยุ่งกันใหญ่”
“พี่ชิต เราต้องพาดาไปหมอ พี่ชิตอุ้มดาไปหาหมอเร็ว”
“อร มันจะไม่ทันนะ เราต้องรีบไป”
อรชรยังไม่ยอมไป ชูชิตพยักหน้าให้เทพกับคงหิ้วปีกอรชรไปขึ้นรถ แล้วรีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ไศลาลุกขึ้นไปล้างมือในห้องน้ำ ระหว่างที่ล้างจู่ๆ สร้อยข้อมือหนังที่ใส่อยู่ก็ขาดหลุดจากมือไม่มีสาเหตุ เธอนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ช่วงเวลานั้น...ดารณีกำลังเห่อทำสร้อยข้อมือใส่ด้วยตัวเอง เลยทำมาใส่ให้ไศลาด้วย 1 เส้น
ดารณีบรรจงใส่สร้อยคอมือให้ไศลาด้วยตัวเอง
“พี่ไศลารู้มั้ยว่า...สร้อยข้อมือที่ดาทำให้เนี่ย ไม่ได้แค่สวยอย่างเดียวนะ ยังขลังด้วย”
ไศลาขำ
“ขลังยังไง ดาไปให้ใครปลุกเสกมาเหรอ”
“โอ๊ย...สร้อยเส้นเดียวแค่นี้ ดาปลุกเองก็ได้”
“...เหรอ เห็นปลุกตัวเองทุกเช้า ยังไม่ค่อยจะตื่นเลย”
“ไม่ใช่ละ สร้อยเส้นนี้นะ พี่ไศลาต้องใส่ไว้ตลอด จะได้เหมือนดาไปอยู่กับพี่ทุกที่ ไม่ห่างกันเลย ติดกันตื๊ดๆ”
ไศลาหยิกแก้มดารณีอย่างหมั่นเขี้ยว
“โห...น้องสาวใครเนี่ยน่ารักที่สุดเลย” ที่สองพี่น้องหัวเราะพร้อมกันอย่างมีความสุข
ไศลานึกถึงอดีต แล้วอดน้ำตาคลอเพราะคิดถึงน้องไม่ได้
รถธีรธรกับจ่านิด ขับสวนเข้ามาจอดแทนที่รถชูชิตพอดี ธีรธรเห็นร่างของดารณีนอนอยู่ที่ประตูรั้วก็รีบลงจากรถวิ่งไปหา เมื่อประคองตัวดารณีขึ้นมาจากพื้น เห็นเลือดออกจากหลังก็ตกใจมาก
“จ่าเรียกรถพยาบาลด่วน ดารณีถูกยิง”
จ่านิด ว. เรียกรถพยาบาล ดารณีลืมตามามอง
“พี่ไศลา...ดาเจ็บ”
“น้องดา อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ พี่ไศลาให้พี่ธีมารับแล้ว พี่ไศลารอน้องดาอยู่นะ”
“พี่ไศลา ดาง่วงจังเลย”
ดารณีนอนหายใจแผ่วลงๆ ธีรธรจับชีพจรของดารณีดู แล้วตัดสินใจปั๊มหัวใจทันที
“น้องดาอดทนไว้นะ เดี๋ยวจะได้เจอพี่ไศลาแล้ว”
“พี่ไศลา ดาจะไปเจอพี่ไศลา” ดารณีเพ้อแล้วนิ่งไป
ธีรธรพยายามปั๊มหัวใจ ผายปอดช่วยดารณีเต็มที่
ไศลาทำแผลเสร็จแล้วรีบโทรหาดารณีอีกครั้ง แต่ไม่มีคนรับสาย เธอกดโทรหาธีรธร เขาไม่รับสายเช่นกัน เธอเริ่มสังหรณ์ใจ....
ชูชิตนั่งกอดอรชรที่ยังร้องไห้อยู่เบาะหลัง มีเทพเป็นคนขับ คงนั่งคู่อยู่ข้างหน้า เปิดเพลง ผิวปากฟังเพลงอย่างสบายใจ จู่ๆ อรชรลุกขึ้นมาบีบคอคง
“แกยิงน้องฉันทำไม ฉันจะฆ่าแกๆ”
ชูชิตและคงพยายามช่วยกันแกะมืออรชรออกจนได้ แต่อรชรก็ยังกระหน่ำอาละวาดทุบตีคงไม่ยั้ง
เทพเริ่มขับรถเซไปมาเพราะอรชร คงทนไม่ไหวใช้ชกเข้าที่หน้าของอรชรเต็มๆ จนอรชรหน้าหงายหมดสติไป ชูชิตโมโห
“ไอ้คง นี่มันจะมากไปแล้วนะ”
ชูชิตโกรธจะควักปืนขึ้นมา แต่ก็ช้ากว่าคงที่ยกปืนขึ้นมาจ่อที่ชูชิตแล้ว
“อย่าลืมที่นายใหญ่สั่งสิครับคุณชูชิต”
ชูชิตโกรธมากแต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทิ้งตัวพิงเบาะมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างข่มใจตัวเอง
ธีรธรกับจ่านิดยืนมองบุรุษพยาบาลเข็นเตียงดารณีขึ้นรถโรงพยาบาล เสียงหวอของรถพยาบาลกลบเสียงสั่นจากโทรศัพท์มือถือของทั้งดารณีและธีรธร ทั้งคู่ยืนมองตามรถพยาบาลที่ขับออกไป สุทธิพงษ์เพิ่งนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาใกล้จะถึงบ้าน เขาเห็นสุทธิพงษ์ยืนคุยกับจ่านิดที่หน้าบ้าน
“นั่นมันตำรวจวันนั้นนี่หว่า ตามมาจนถึงบ้านได้ไงวะเนี่ย...พี่ๆ จอดตรงนี้เลย”
สุทธิพงษ์จ่ายเงินแล้วรีบไปหลบข้างทาง เพื่อแอบดูธีรธรกับจ่านิด
“แล้วนี่ผู้กองบอกคุณไศลาหรือยังครับ”
ธีรธรส่ายหน้าอย่างหนักใจ
“ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเริ่มยังไงดี”
“ถ้างั้นเรารีบไปกันดีกว่าครับ ดูเหมือนผู้กองจะมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ”
ธีรธรพยักหน้า แล้วเดินตามจ่านิดไปขึ้นรถ สุทธิพงษ์หันหลังเตรียมจะหนี แต่มาเจอแก๊งค์วัยรุ่น 3-4 คนยืนดักไว้
“ไอ้พงษ์ หายหน้าไปนานเลยนะคราวนี้ ค่าบอลที่ติดไว้จ่ายมาซะดีๆ”
สุทธิพงษ์ตกใจ
“เบาๆ หน่อยพี่ ผมหลบตำรวจอยู่”
นักเลงตบหัวสุทธิพงษ์อย่างแรง
“อย่ามามุก จ่ายมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นวันนี้...จัดหนัก”
“ตอนนี้ไม่มีจริงๆ พี่ ว่าจะมายืมน้อง ก็มาเจอตำรวจดักรอ ยังไม่ได้เข้าบ้านเลย”
นักเลงกระชากคอเสื้อสุทธิพงษ์ เสียงดัง
“ไม่มีค่าบอล แต่ซื้อยาเงินสด จะให้เชื่อยังไงวะ”
สุทธิพงษ์กลัวธีรธรจะได้ยิน ตัดสินใจวิ่งฝ่ากลางวงตั้งใจหนีไปก่อน นักเลงขวางไว้ได้ ผลักเขาจนล้มลงไปกับพื้น กลุ่มนักเลงตะลุมบอนใส่อย่างไม่ยั้ง เขาพยายามสู้แต่สู้ไม่ได้ ได้แต่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ธีรธรได้ยินเสียงสุทธิพงษ์ร้องก็รีบวิ่งมาดู มีจ่านิดวิ่งตามมา
“หยุดนะ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
นักเลงหันมาเห็นธีรธรกับจ่านิดก็รีบวิ่งหนีไป ธีรธรวิ่งมาถึงสุทธิพงษ์ที่คุดคู้อยู่ก็เข้าไปช่วยเหลือ
“เป็นไงบ้างน้อง”
สุทธิพงษ์หันมาเห็นธีรธร ต่างคนต่างจำกันได้ก็ตกใจ สุทธิพงษ์ตัดสินใจถีบธีรธรหงายหลังไป แล้วรีบยันตัวเองลุกขึ้น แล้ววิ่งหนีไปขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปทันที จ่านิดเข้ามาช่วยพยุงธีรธรให้ลุกขึ้น ธีรธรมองตามสุทธิพงษ์ไปอย่างเสียดายที่จับไม่ได้สักที
คงเดินออกมาโทรศัพท์ที่ตู้ข้างหน้าโชว์รูมของชูชิต แล้วกดเบอร์ปลายทางอย่างคุ้นเคย
“งานที่นายสั่งเรียบร้อยแล้วครับ”
“ดีมาก พรุ่งนี้จะโอนค่าจ้างให้ แล้วมีใครสงสัยอะไรมั้ย”
“ไม่มีเลยครับนาย”
“ระหว่างนี้ แกก็คอยตามดูพวกมันแล้วมารายงานฉันเป็นระยะ จนกว่าฉันจะมีงานใหม่ให้ทำ”
คงวางสายแล้วเดินออกจากตู้โทรศัพท์ กลับเข้าออฟฟิศชูชิตไปอย่างสบายใจ
ไศลาเดินรอธีรธรที่สนามหน้าบ้าน เห็นรถธีรธรเข้ามาก็รีบเดินไปรับ คิดว่าน้องๆ มาด้วย แต่ธีรธรลงจากรถมาคนเดียว เธองงๆ มองหาน้องๆ
“ไศลา... ผมมาคนเดียว”
ไศลามองหน้าธีรธรด้วยความหวาดหวั่น เริ่มกลัวสิ่งที่กำลังจะได้ยิน
“ดารณีโดนยิง ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”
ไศลาช็อคกับสิ่งที่ได้ยินตรงหน้า
“แล้วตอนนี้ดาเป็นยังไงบ้างคะ แล้วอรกับพงษ์ปลอดภัยหรือเปล่า”
ธีรธรเสียงอ่อย
“ผมยังไม่เจออรกับ...พงษ์ ส่วนดา หมอบอกว่ากระสุนถูกจุดสำคัญและเสียเลือดมาก เราอาจจะต้อง...เผื่อใจไว้”
ไศลาตกตะลึง เข่าอ่อนทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ธีรธรต้องประคองไว้
ไศลาร้องไห้
“ทำไมต้องเป็นดา ฉันไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว”
ธีรธรไม่รู้จะปลอบยังไง จึงดึงไศลาเข้ามากอดอย่างสงสารมาก
“ไม่เป็นไรนะไศลา ผมจะอยู่ข้างคุณเอง คุณต้องผ่านมันไปให้ได้นะ”
แต่ไศลาร้องไห้จนเป็นลมไปในอ้อมกอดของธีรธร
ดุลยศักดิ์นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในบ้าน เขาเปิดดูยูทูป เป็นภาพที่แอล โอรสถ่ายโดยกล้องมือถือ เห็นการทำงานของธีรธร กับจ่านิด ที่ทำลายการขนยาเสพติดในเครือข่ายของตนอยู่
“หมด หมด หมดกัน ไอ้พวกโง่ ทำอะไรกันอยู่ด้านหลัง ด้านหลัง มันอยู่ด้านหลัง ยิงกันเองอีก”
ดุลยศักดิ์ตะโกนใส่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กับเหตุการณ์ที่มันผ่านไปแล้ว
“หมด หมดกัน แบบนี้ มันก็ได้หน้า ดังกันข้ามคืนเลย”
ดุลยศักดิ์ ดูยอดวิวที่เพิ่มขึ้น เสียงแอล โอรส ครวญคราง รายงานเหตุการณ์ผ่านโซเชี่ยลแคมแบบสดๆ คงเดินก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์มาด้วย
“ไหนเอ็งบอกเรียบร้อยไง คุยโทรศัพท์ด้วยกันเมื่อกี๊ เอ็งบอกเรียบ ร้อยครับนายไง”
“ผมหมายถึงที่นายให้ผมไปจัดการน่ะ เรียบร้อย แต่การ ส่งยาที่ลานจอดผม..ไม่รู้เรื่องนะครับ”
“พวกแก๊งค์ต่างๆมันคงสมน้ำหน้ากันทั่ว ดูแล้วใช่มั้ย”
คงพยักหน้าเกรงๆ
“มีคนส่งลิงค์ แชร์มาให้แล้วครับ”
“คนทำพลาดจะได้รับผลยังไง” ดุลยศักดิ์ชักปืนขึ้นมา
“ผม..ผมไม่ได้ทำงานนั้นนะครับนาย”
ดุลยศักดิ์ถือปืนค้างหงุดหงิด เขาเก็บปืนเข้าลิ้นชัก
“มันแก้คืนเร็วจริงๆ”
“แถม มีคนของเรา ถ่ายทอดสดให้ด้วย”
ดุลยศักดิ์ชำเลืองมอง คงต้องหุบปาก
“คลิปนี่ ไปกี่ช่องทางแล้ว”
“คือ..เอ่อ กระจายครับ มีแค๊บภาพนิ่ง ไปลงอินสเตแกรมด้วย”
ดุลยศักดิ์อัดอั้นตันใจ กัดกรามแน่น
“แจ้งลบก็ไม่ได้ใช่มั้ย”
“ให้บอกว่าอะไรล่ะนาย เราเป็นเจ้าของยาที่โดนยึดไป เราเสียหายงั้นเหรอ” คงพูดอย่างเกรงๆใจนาย
“พวกมันไม่ตายดีแน่ๆ”
“ให้ผมไปจัดการมั้ยครับ”
ดุลยศักดิ์มองอย่างดูถูก
“ไม่ต้อง งานนี้ มันต้องเจอของใหญ่”
“นายจะใช้ใครครับ”
ดุลยศักดิ์ยิ้มร้าย
“โยคี ศิลาดำ !!”
อรชรหน้าฟกช้ำจากรอยหมัดของคงตาแดงก่ำ เพราะร้องไห้มาอย่างหนัก นั่งอยู่ที่หน้าห้องไอซียูที่สุทธิพงษ์สะบักสะบอมจากการถูกซ้อม เดินเข้ามานั่งข้างๆ สองพี่น้องนั่งตาลอยเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างคนสิ้นหวัง
“หมอเขาว่าไงบ้าง”
อรชรน้ำตาไหล
“โอกาสรอดไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่ดายังสู้อยู่ เหมือนรออะไรบางอย่าง”
“คงจะรอพี่ไศลา เขารักกันมาก”
อรชรเปลี่ยนสีหน้าเป็นโกรธ
“ก็ไม่ใช่เพราะความโง่ของพี่ไศลาเหรอ ดาถึงต้องเจ็บแบบนี้”
ในห้องรับแขก ธีรธรมือหนึ่งพัดให้ไศลา อีกมือถือยาดมจ่อไว้ที่จมูกของไศลา วงทองและนิ่มนวลนั่งมองอยู่ด้วย ทั้งคู่เห็นว่าธีรธรมองไศลาอย่างเป็นห่วง นิ่มนวลไม่พอใจอย่างมาก ธีรธรมองนาฬิกาเห็นว่าสองทุ่มแล้ว
“เดี๋ยวผมอุ้มไศลาขึ้นไปนอนบนห้องเลยดีกว่านะครับคุณแม่”
ธีรธรไม่ทันรอคำตอบจากวงทอง ลุกขึ้นอุ้มไศลาไปที่ห้องนอนทันที วงทองหันมาเห็นนิ่มนวลมองตามด้วยความเสียใจก็ลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยน
“หนูนิ่มอย่าคิดมากไปเลยนะลูก พี่ธีเขาก็คงดูแลไปตามหน้าที่การงาน”
“แต่นิ่มไม่เคยเห็นพี่ธี อ่อนโยนแบบนี้กับใครเลยนะคะคุณป้า”
วงทองจนด้วยคำพูด ได้แต่ลูบหัวปลอบใจนิ่มนวลด้วยความเห็นใจ
กลางป่าใหญ่...ไศลายืนอยู่หน้าศาลา ครู่หนึ่งนักพรตเมฆขาวเดินออกมา
“เอมา”
ไศลาก้มลงกราบนักพรตเมฆขาว
“ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องเตรียมตัว”
ไศลางง
“เตรียมตัว...เพื่ออะไรคะ”
นักพรตเมฆขาวเอาหัวไม้เท้าแตะไปที่กลางหน้าผากของไศลา กลางหน้าผากสว่างวาบขึ้นเป็นรูปดวงตาที่สามที่ยังปิดอยู่
“ผู้ถูกเลือกจะได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น เจ้าจงมีสติและปัญญามากพอที่จะจัดการกับสิ่งที่กำลัง
จะได้รับ”
ไศลารู้สึกเหมือนมีพลังงานพิเศษไหลเข้ามาในร่างกาย ทำให้รู้สึกสบายและฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูก
“ข้ามอบหมายเจ้าได้เพียงหน้าที่และวิชา สติและปัญญา เป็นสิ่งที่เจ้าจะต้องมีและฝึกฝนเพื่อไว้ใช้คุ้มครองตัว”
วันใหม่...ไศลาสะดุ้งตื่นขึ้น พบว่าตัวเองนอนหลับอยู่บนเบาะรถข้างๆธีรธรที่ จอดอยู่ในลานจอดโรงพยาบาล
“ถึงโรงพยาบาลแล้วครับ”
ไศลาซับเหงื่อ มองรอบกาย พะวงถึงความฝัน เธอจับหน้าผากตนเองเบาๆ
ธีรธรพาไศลามาเยี่ยมดารณี แต่ส่งแค่หน้าประตูห้องไอซียู ไศลาเดินเข้าไปตามลำพัง ดารณีนอนอยู่บนเตียง มีสายอะไรต่อมิอะไรระโยงรยางค์เต็มไปหมด เห็นสภาพน้องสาวคนเล็กแล้วไศลากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ก้มลงหอมหน้าผาก แล้วเอามือลูบแก้มน้องด้วยความรักและสงสารอย่างที่สุด
“เจ็บมากมั้ยดา”
น้ำตาของดารณีไหลออกมา ไศลาเอามือปาดน้ำตาให้
“พี่ไศอยู่นี่แล้วนะ พี่ไศมาหาดาแล้วนะ”
อรชรเดินเข้ามาเยี่ยมดารณีเหมือนกัน มองอย่างไม่พอใจ
“มาแล้วเหรอ พี่สาวคนโต ขนาดจะมาเยี่ยมน้อง ยังต้องพาผู้ชายใหม่มาด้วย”
ไศลาหันไปมอง
“พูดให้มันดีๆ นะอร มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด”
“แล้วคนที่นั่งรอพี่อยู่หน้าห้องคือใคร พี่กล้าบอกมั้ยล่ะว่าไม่ได้หายไปกับเขามา”
“มันยังไม่ถึงเวลาที่พี่จะต้องอธิบายอะไร ตอนนี้เราควรจะสนใจเรื่องของดามากกว่า”
“พี่ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเลย เพราะอรก็ไม่อยากฟัง สิ่งเดียวที่อรอยากให้พี่รู้ก็คือ...ที่ดาต้องเจ็บขนาดนี้ เป็นความผิดของพี่คนเดียวไ อรชรมองพี่สาวอย่างชิงชัง
ไศลาเดินร้องไห้ออกมาจากห้องไอซียู ธีรธรรีบลุกเดินไปหส
“คุณเป็นอะไรไป”
“มันเป็นความผิดของฉัน ฉันเป็นคนทำให้น้องต้องเจ็บแบบนี้ เรื่องทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉันคนเดียว”
“ไศลา ใจเย็นๆ คุณต้องตั้งสติก่อนนะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ”
“ไม่...ไม่จริง ฉันทำร้ายน้อง ฉันฆ่าน้อง...คุณรู้มั้ย ฉันฆ่าน้องตัวเอง”
ธีรธรเข้าไปกอดไศลาไว้
“ผมว่าวันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่า วันหลังค่อยมาเยี่ยมดารณีใหม่”
ธีรธรเข้าไปประคองพาไศลากลับบ้าน อรชรออกมายืนมองตามไศลากับธีรธรด้วยสายตาโกรธแค้น
เทพกับคงนั่งรอดุลยศักดิ์อยู่ที่ห้องรับแขก มีบอดี้การ์ดยืนเฝ้าอยู่ตามปกติ ครู่หนึ่ง ดุลยศักดิ์เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ประธาน นาถสุดา สาวสวย ที่ใช้อาชีพดาราบังหน้าเพื่อทำธุรกิจมืดตามคำสั่งของดุลยศักดิ์ ถือซองเอกสารสีน้ำตาลตามมายืนประกบ
“งานต่อไปของแกสองคน คือกำจัดนังไศลาซะ”
เทพกับคงหันมามองหน้ากันแบบว่างานนี้กินหมูแน่ๆ
“ไม่มีปัญหาครับนาย แล้วนายจะให้ลงมือเมื่อไหร่ครับ”
“ตอนนี้พวกตำรวจมันกันตัวนังไศลาไว้เป็นพยาน คงต้องรอให้เรื่องเงียบอีกพักใหญ่ ระหว่างนี้ ฉันจะส่งนาถสุดาไปประกบชูชิตที่บ้าน พวกแกสองคนช่วยดูแลด้วย”
นาถสุดาวางซองเอกสารให้เทพกับคงบนโต๊ะ
“นี่เป็นค่าจ้างงวดแรกของแกสองคน แล้วอย่าลืมว่าเรื่องนี้ให้ชูชิตรู้ไม่ได้เป็นอันขาด”
เทพกับคง ตอบรับพร้อมกัน
“รับนาย”
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ธีรธรลงจากรถแล้วรีบเดินมาประคองไศลาลงมา นิ่มนวลยืนรออยู่แล้ว
“อ้าว...มีอะไรหรือเปล่านิ่ม ทำไมต้องมายืนรอพี่ตรงนี้”
นิ่มนวลทำท่าจะพูด แต่หันไปมองเห็นไศลาเลยไม่พูด
“ไศลา เดี๋ยวคุณเข้าไปในบ้านก่อนนะ เดินไหวมั้ย” ธีรธรหันมาถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินไหว”
ไศลาเดินก้มตัวผ่านนิ่มนวลเข้าไปในบ้าน
“ว่าไงนิ่ม มีเรื่องอะไรเหรอ”
“พี่ธีคะ คุณหมอบอกว่าช่วงนี้คุณป้าอาการไม่ค่อยดีนะคะ นิ่มอยากให้พี่ธีเอาใจใส่ ให้เวลากับคุณป้ามากกว่านี้”
ธีรธรรู้สึกผิด
“ก็จริงของนิ่มนะ ช่วงนี้งานพี่มีแต่ปัญหา ทำให้พี่ไม่ค่อยมีเวลาให้คุณแม่เท่าไหร่ ยังดีที่มีนิ่มคอยดูแล พี่ต้องขอบคุณนิ่มมากนะ ที่ดูแลคุณแม่กับพี่อย่างดีมาโดยตลอด”
นิ่มนวลเขิน
“คุณป้าและพี่ธีถือเป็นผู้มีพระคุณของนิ่ม เป็นหน้าที่ที่นิ่มต้องดูแลเพื่อตอบแทนบุญคุณอยู่แล้วค่ะ”
ธีรธรเดินเข้ามาจับไหล่นิ่มนวลให้กำลังใจ
“พี่ไม่อยากให้นิ่มคิดอย่างนั้นนะ เพราะสำหรับพี่กับคุณแม่ นิ่มก็คือคนในครอบครัว”
นิ่มนวลเขินมาก
“นิ่มว่าพี่ธีเข้าไปทานข้าวดีกว่านะคะ ป่านนี้คุณป้าคงรอแย่แล้ว”
ธีรธรผายมือให้นิ่มนวลเดินนำไปก่อน แล้วชวนคุยไปตลอดทาง ทำให้นิ่มนวลมีความสุขมาก
อรชรลากกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นบน สุทธิพงษ์นั่งดูทีวีอยู่มองอย่างสงสัย
“พี่อรจะไปไหน”
“พี่จะย้ายไปอยู่บ้านพี่ชิต”
สุทธิพงษ์ปิดทีวี ลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปหยิบเป้สะพายออกมา
“พงษ์ไปด้วย”
“ใครอนุญาตให้พงษ์ไปกับพี่เนี่ย”
“ถ้าพี่อรไม่อยู่บ้านนี้ด้วยกัน พงษ์ก็ไม่อยู่”
อรชรงง
“เกี่ยวมั้ยเนี่ย”
สุทธิพงษ์เดินไปลากกระเป๋าอรชรหน้าตาเฉย
“จะไปเลยใช่มั้ย พงษ์จะได้ออกไปเรียกแท็กซี่”
“ยังไม่ได้ไปวันนี้ แค่เอาของลงมาเตรียมไว้เฉยๆ”
“อ้าว...แล้วก็ไม่บอก”
สุทธิพงษ์วางกระเป๋าอรชร ปลดเป้ที่สะพายลงวางไว้กับพื้น แล้วเปิดทีวีดูต่อ อรชรส่ายหัวด้วยความระอา
“พงษ์ แกนี่มันโคตรไร้แก่นสารเลย”
ธัรธรพาไศลา ไปทานอาหารที่บ้านวงทอง ทุกคนนั่งทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา ธีรธรตักอาหารให้แม่อย่างเอาอกเอาใจ วงทองมีความสุขมากที่ลูกชายกลับมาทานข้าวด้วย
“หนูนิ่มบอกพ่อธีหรือยังว่าอาทิตย์หน้าพี่กมลาจะลงมากรุงเทพ” วงทองพูดถึงลูกสาวคนโต
นิ่มนวลหันมายิ้มแย้มกับธีรธร
“ยังเลยค่ะคุณป้า นิ่มก็เพิ่งจะมีโอกาสได้คุยกับพี่ธีเยอะๆ ก็วันนี้เองล่ะค่ะ”
ธีรธรยิ้มรู้ทัน
“อะไรกันนิ่ม ได้ทีว่าพี่เลยเชียวนะ แล้วพี่พันธ์จะมาด้วยกันหรือเปล่าครับคุณแม่”
“ที่ต้องลงมาเพราะคุณพันธ์จะต้องมาหาหมอนั่นล่ะ วันที่พี่เขามา ถ้าพ่อธีไม่ติดอะไร แม่ก็อยากให้ช่วยไปรับพี่เขาด้วย ขาคุณพันธ์ยังไม่ค่อยดี ถ้าให้นั่งแท็กซี่มากันเอง กลัวจะลำบาก”
“ได้ครับคุณแม่ ให้นิ่มเตือนผมล่วงหน้าหน่อยก็แล้วกันนะครับ”
นิ่มนวลกระซิบเตือนวงทอง
“คุณป้าคะ แล้วเรื่องนั้นล่ะคะ”
วงทองทำทีเป็นนึกได้ รีบบอกลูกชาย
“อ้อ...มีอีกเรื่องนะพ่อธี ไม่รู้ว่าถ้าแม่พูดไปแล้วจะทำให้ลูกไม่พอใจหรือเปล่า”
ธีรธรจับมือแม่...
“อย่าคิดมากสิครับคุณแม่ ผมจะกล้าไม่พอใจคุณแม่ได้ยังไงกัน”
“คือ...ถ้าพี่กมลาเขามา แม่ก็คงจะต้องขอห้องจากหนูไศลาคืนให้พี่เขา”
“โธ่...คุณแม่ เรื่องแค่นี้เอง เราก็ให้ไศลาไปพักห้องรับแขกอีกห้องก็ได้นี่ครับ”
นิ่มนวลรีบขัด
“คงจะไม่ได้หรอกค่ะพี่ธี เพราะพี่กมลาบอกคุณป้าไว้ว่าเธอจะขอแยกห้องนอนกับพี่พันธ์ค่ะ”
นิ่มนวลตั้งใจมองหน้าไศลา
“เพราะฉะนั้น ห้องบ้านเราก็จะมีพอดี กับคนในครอบครัวของเราเท่านั้นค่ะ”
ธีรธรเริ่มไม่พอใจอาการของนิ่มนวลที่มีกับไศลา
“แต่...”
ไศลาขัดขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะคุณธี ฉันตั้งใจจะย้ายไปอยู่ที่อื่นเร็วๆ นี้เหมือนกัน คงจะทันก่อนพี่สาวคุณมา”
นิ่มนวลแอบยิ้มอย่างพอใจ ที่ทุกอย่างลงตัวเป็นไปตามแผน
“ไศลา คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ถ้าพี่กมลามา คุณก็แค่ย้ายไปนอนที่บ้านผม”
นิ่มนวลสวน
“ได้ยังไงล่ะคะพี่ธี ผู้หญิงจะย้ายไปอยู่ในบ้านผู้ชายสองต่อสอง”
วงทองเห็นด้วย
“นั่นสิพ่อธี มันจะดูไม่งามไปหน่อยมั้ยลูก”
“คุณแม่ครับ แต่ไศลามาอยู่ที่นี่ในฐานะพยานของผม ถ้าผมให้เธอไปอยู่ที่อื่น ใครจะรับรองความปลอดภัยให้เธอได้ล่ะครับ บ้านผมก็มีอีกตั้งสองห้องนอน อีกอย่างผมกับไศลาเราบริสุทธิ์ใจต่อกัน ถ้าคนจะมองไปในทางเสียหาย ผมก็คงห้ามความคิดแย่ๆ ของใครไม่ได้อยู่ดี”
ธีรธรตั้งใจมองไปที่นิ่มนวลซึ่งกำลังจะอ้าปากเถียง แต่คุณนายวงทองรีบตัดบทแก้สถานการณ์
“ถ้าอย่างนั้น...แม่ก็แล้วแต่พ่อธีแล้วกันนะ”
นิ่มนวลขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้
อ่านต่อหน้าที่ 4
กุหลาบไฟ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ในฝัน...ไศลาหลับนั่งสมาธิ อยู่ที่หน้าศาลาของนักพรตเมฆขาว นักพรตเมฆขาวปรากฏตัวยืนอยู่ตรงหน้าไศลา ยื่นไม้เท้าไปวางที่หัวของไศลาแล้วสวดมนต์พึมพำก่อนที่จะลากไม้เท้าลงมาที่ตาที่สามของไศลา
“เอมา อายตนะทั้งหกของเจ้าเปิดขึ้นแล้ว”
ไศลาลืมตาขึ้นพร้อมๆ กับตาที่สามกลางหน้าผาก ค่อยๆ เปิดขึ้นเปล่งเป็นแสงสีทองออกมา นักพรตเมฆขาวหยิบลูกประคำจากในย่ามแล้วโยนขึ้นฟ้า ลูกประคำวิ่งตรงขึ้นฟ้าแล้วตกลงหาไศลาด้วยความเร็ว พุ่งเข้าหาไศลาทุกทิศทาง
ไศลาใช้มือจับลูกประคำทั้งหมด ที่พุ่งเข้าหาตัวด้วยความเร็วจนได้หมดทุกลูก โดยไม่บาดเจ็บใดๆ นักพรตเมฆขาวลอยตัวไปยืนหน้าต้นใหญ่ต้นหนึ่ง
“เจ้าจงปาลูกประคำให้โดนตัวข้า”
นักพรตเมฆขาวหายตัวสลับไปมาระหว่างต้นไม้ต้นต่างๆ อย่างที่ตาเปล่าแทบมองไม่ทัน ตาที่สามของไศลาเปล่งเป็นแสงสีทองออกมาอีกครั้ง ไศลาขว้างลูกประคำใส่นักพรตเมฆขาวจนโดนต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังเป็นรูลูกประคำ บางต้นเล็กๆ ถึงกับโดนความเร็วของลูกประคำตัดจนขาดหักโค่นลงทันที ไศลาฝึกมองหานักพรตเมฆขาวจนสามารถขว้างลูกประคำโดนนักพรตเมฆขาวได้สำเร็จ
เช้าวันใหม่ ในห้องทำงานของเสริมพงษ์ จอโปรเจคเตอร์ ฉายวิดีโอ จากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านของไศลา เห็นรถชูชิตเข้ามาจอด มีชูชิต อรชร เทพ คงลงมาจากรถเดินเข้าไปในบ้านของไศลา ไม่กี่นาทีก็เห็นดารณีวิ่งออกมาที่ประตูรั้วและโดนยิงฟุบลงไป ชูชิต คงวิ่งตรงมาที่ดารณี อรชรและเทพตามมาทีหลัง และเห็นชูชิต เทพและคงพยายามลากอรชรที่โวยวายขึ้นรถหนีไป โดยมีรถของธีรธรและจ่านิดเข้ามาจอดแทนที่ เสริมพงษ์กดรีโมทหยุดเล่น
“งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้จ่านิด ที่ไปติดตั้งกล้องวงจรปิดได้ทันใช้งาน”
จ่านิดยิ้มรับ
“ด้วยความเคารพ ครับท่านผู้การ ไอ้ตอนติดผมเองก็ไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้เลยจริงๆ”
“แบบนี้ก็ชัดเจนว่าคนที่ยิงดารณีคือพวกของนายชูชิต เหลือแต่ต้องรู้ให้ได้ว่าคนร้ายคือใคร” ธีรธรบอกอย่างหนักใจ
“ใน 4 คนนี้นอกจากนายชูชิต คุณไศลารู้จักคนอื่นอีกมั้ย”
ไศลาที่นั่งเงียบอยู่นานแล้ว พยักหน้าทั้งน้ำตา
“ผู้หญิงที่มากับชูชิตคืออรชร...เป็นน้องสาวแท้ๆ ของฉันเอง”
ทุกคนในห้องได้ยินแล้วถึงกับอึ้งไป
“ขอดูวิดีโออีกครั้งได้มั้ยคะ”
เสริมพงษ์กดรีโมทเล่นซ้ำอีกครั้ง ไศลามองเห็นภาพช้ากระสุนพุ่งออกมา จากชั้นล่างออกมาหาดารณี เธอจึงหยิบรีโมทมากดเล่นซ้ำด้วยตัวเองอีกครั้ง
เสริมพงษ์ ธีรธร จ่านิดมองหน้ากันที่เห็นไศลามีอาการแปลกๆ
“วิถีกระสุนออกมาจากในบ้านชั้นล่าง”
ไศลาเดินไปชี้จุดที่กระสุนวิ่งออกมาจากในตัวบ้าน เสริมพงษ์ ธีรธร จ่านิดมองหน้ากันงงกว่าเดิมว่ารู้ได้ไง
“ลองซูมดูสิคะ”
เสริมพงษ์หยิบรีโมทขึ้นมากดซูมในระยะใกล้สุด ไศลาใช้นิ้วชี้ลากตามวิถีกระสุนออกมาจากตัวบ้านจนวิ่งไปที่หลังของดารณี ทุกคนเดินตามไปดูที่หน้าจอใกล้ๆ เห็นจุดเล็กวิ่งตามปลายนิ้วไศลาจริงๆ ด้วย
“คุณไศลาเห็นได้ยังไงครับเนี่ย” จ่านิดแปลกใจมาก
ธีรธรเดินออกไปนอกห้อง ครู่หนึ่งกลับมาพร้อมกับรูปตัวอย่างกระสุนปืนหลายแบบ เขากางรูปกระสุนปืนหลายแบบลงบนโต๊ะ
“ที่คุณเห็นเป็นกระสุนแบบไหน”
ไศลามองรูปกระสุนปืนทั้งหมด แล้วหยิบแผ่นหนึ่งขึ้นมา
“ถูกต้อง”
ทั้ง 3 คน สบตากันอย่างไม่เชื่อสายตาว่าไศลาจะเห็นจริงๆ
อรชรกับสุทธิพงษ์ขนของเข้ามาในบ้าน มีเทพกับคงเดินตามมาด้วย ชูชิตเดินลงมาจากข้างบนมองงงๆ
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
“ตั้งแต่วันนี้ไป อรจะย้ายมาอยู่ที่นี่...ในฐานะภรรยาคนเดียวของพี่ชิต”
ชูชิตเซ็งจนพูดไม่ออก สุทธิพงษ์เสริม
“พงษ์ก็เหมือนกัน แต่พงษ์ไม่ได้จะมาอยู่ฟรีๆ เหมือนพี่อรนะ พงษ์จะมาขอทำงานกับพี่ชิต”
อรชรหันไปค้อนสุทธิพงษ์ ชูชิตสงสัย
“แล้วพงษ์จะทำอะไร”
“ทำอะไรก็ได้ แล้วแต่พี่ชิตจะให้ทำ พงษ์ทำได้ทั้งนั้น เงินไม่เอาก็ได้ ขอแค่ข้าวกับ...ยาก็พอ”
เทพกับคงหัวเราะพร้อมกันอย่างสมเพช ชูชิตหันไปมองตาเขียวจนจ๋อยทั้งคู่
“เอาเลย ตามสบาย ใครอยากทำอะไร อยากอยู่ที่ไหนอยู่ เต็มที่”
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นชูชิตหันไปมอง
“นั่นใครจะย้ายมาอยู่ด้วยอีกล่ะ เทพ...ไปดูซิ”
เทพเดินออกไปดู ครู่หนึ่งเดินกลับเข้ามาพร้อมนาถสุดา และกระเป๋าเดินทาง สุทธิพงษ์กับอรชรตะลึงที่เห็นนาถสุดา
“พี่อร คนนี้ใช่ดาราที่ชื่อนาถสุดา อะไรนั่นใช่มั้ย” สุทธิพงษ์กระซิบกับอรชร
“นาถสุดา คุณมาทำไมที่นี่ นี่อย่าบอกนะว่า...เธอก็จะย้ายมาอยู่ที่นี่อีกคน”
ชูชิตมองกระเป๋าเดินทางของนาถสุดาอย่างงงๆ นาถสุดาไม่สนใจที่ชูชิตพูด
“เทพ มาเอากระเป๋าฉันขึ้นไปเก็บที”
เทพยกกระเป๋าของนาถสุดาเดินขึ้นไปชั้นบน นาถสุดาเดินตามไป เสียงโทรศัพท์มือถือของชูชิตดังขึ้น ชูชิตกดรับสาย
“สวัสดีครับนาย”
“ฉันเห็นว่าเมียแกหายไป เลยส่งนาถสุดาไปคอยดูแล หวังว่าแกคงจะชอบใจไม่น้อย” ดุลยศักดิ์หัวเราะชอบใจ คำพูดของตัวเอง
“ขอบพระคุณมากครับนาย แต่...”
ชูชิตยังไม่ทันจะพูดต่อ ดุลยศักดิ์ก็ตัดสายไปก่อน
“พี่ชิต ทำไมต้องให้นังดารานั่นมาอยู่ที่นี่ด้วย อรไม่ยอมนะ พี่ชิตต้องไล่มันไปเดี๋ยวนี้”
“โอ๊ย...อย่าวุ่นวายนักได้มั้ย คง...พาพงษ์ไปที่บ้านพักพนักงาน แล้วจัดการเรื่องห้องให้ด้วย”
คงพาพงษ์เดินแยกออกไป อรชรยืนเฉยเพราะงอน ชูชิตถอนใจอย่างเบื่อๆที่จะต้องมีเรื่องรำคาญใจ หยิบกระเป๋าอรชรเดินนำขึ้นไปข้างบน อรชรกระฟัดกระเฟียดเดินตามไปอย่างไม่พอใจ
ห้องพักดารณี ในโรงพยาบาล...ไศลาเอาวิทยุมาเปิดเพลงให้ดารณีฟัง แล้วเริ่มเช็ดตัวให้
“ดา พี่เปิดเพลงที่ดาชอบให้ฟังนะ ดาจะได้ไม่เหงา ถ้าดาเบื่อที่จะนอนเฉยๆ แล้ว ดาก็ตื่นมาคุยกับพี่นะ”
ไศลาจะหยุดพักเพื่อเช็ดน้ำตาและปรับอารมณ์ตัวเอง จับมือของดารณีขึ้นมาหอมด้วยความคิดถึง
“พี่รู้แล้วว่าใครเป็นคนทำให้ดาเจ็บ ดาไม่ต้องห่วงนะ พี่สัญญาว่าพวกมันจะต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกมันทำกับดาอย่างสาสมที่สุด”
ไศลาก้มลงไปหอมแก้ม น้ำตาดารณีไหลพราก...
เทพเคาะประตูห้อง นาถสุดาที่นอนอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ร้องถาม
“ใคร”
“เทพครับ ผมเอาอาหารเย็นมาให้”
นาถสุดาเดินไปเปิดประตู เห็นเทพยืนถือถาดอาหารอยู่หน้าห้อง
“วางไว้บนโต๊ะสิ”
เทพเดินถือถาดเข้ามาวางที่โต๊ะ นาถสุดาปิดประตูห้องนอนแล้วกดล็อค แล้วเข้ามากอดเทพจากข้างหลังด้วยความรัก...
“ดูแลดีขนาดนี้ ต้องมีรางวัลให้หน่อยแล้ว”
เทพหันหลังมากอดนาถสุดา เอานิ้วลูบแก้มด้วยความเสน่หา เขาก้มลงจะจูบ แต่นาถสุดาผลักตัวออกห่าง ก่อนจะเดินไปนอนรอบนเตียง มองเทพที่กำลังถอดเสื้ออยู่ตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ ด้านนอกอรชรยืนมองเทพที่หายเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตูเงียบอย่างเดาเหตุการณ์ออก
ค่ำคืนนั้น...ไศลานอนไม่หลับ ออกมาเดินเล่นชมจันทร์อยู่หน้าบ้านตามลำพัง ธีรธรเดินมาสูดอากาศเหมือนกันโดยบังเอิญ
“ไศลา”
ไศลาหันมาตามเสียงเรียก
“คุณก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ”
“ผมนั่งทำงานอยู่ เห็นว่าคืนนี้พระจันทร์สวย ก็เลยเดินออกมาดู”
“ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างคุณจะชอบชมจันทร์ ชมดาวเหมือนกัน”
“คุณไม่รู้อะไร ถ้าผมไม่เป็นตำรวจนะ ป่านนี้ก็คงเป็นนักดาราศาสตร์ไปแล้ว”
“หมายถึงเป็นหมอดูเหรอคะ” ไศลาแกล้งแหย่
“นั่นโหราศาสตร์ แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงนอนไม่หลับ”
“ฉันมีหลายอย่างให้ต้องคิดค่ะ ชีวิตฉันเหมือนเดินวนอยู่ในเขาวงกต เหมือนจะเจอทางออก แต่สุดท้าย...ก็กลายเป็นแค่ทางตัน”
“อย่าคิดมากไปเลย บางทีมันอาจจะแค่...ยังไม่ถึงวันของเรา”
“หรือเราก็อาจจะ...ไม่มีวันนั้นเลย”
“ไศลา คนเราต้องอยู่ได้ด้วยความหวังนะ”
ไศลาน้ำตาคลอ
“คนที่เจอแต่เรื่องดีๆ ในชีวิตอย่างคุณ ไม่แปลกหรอกค่ะ ที่จะมองว่าโลกนี้สวยงาม”
“ใครบอกว่าผมเจอแต่เรื่องดีๆ ผมเลือกจำแต่เรื่องดีๆ ต่างหาก”
“คุณอย่ามาเสียเวลาปลอบใจฉันเลย ฉันอยู่ลึกเกินกว่าที่คุณจะดึงไหว”
“จะไหวหรือไม่ไหว ผมสิ...ต้องเป็นคนกำหนด”
ไศลามองสบตาอย่างเข้าใจความรู้สึกของเขา
“ฉันรู้นะคะว่าคุณคิดยังไงกับฉัน เชื่อฉันเถอะ อย่าเสียเวลากับฉันเลย”
ไศลาเดินหันหลังจะกลับเข้าบ้าน
“ไศลา คุณจะไม่ให้โอกาสผมพิสูจน์หน่อยเหรอ”
“ถ้าฉันมีเวลาเหลือมากกว่านี้ ฉันก็อาจจะเลือกให้เป็นแบบนั้น”
ธีรธรมองไศลาที่เดินเข้าบ้านไปอย่างไม่หันหลังกลับมามองเขาอีก
เช้าวันใหม่...คุณนายวงทองกับนิ่มนวล นั่งทานข้าวต้มอยู่ที่โต๊ะอาหาร วงทองอิดโรยกว่าปกติ ตักข้าวต้มใส่ปากได้แค่คำเดียวก็วางช้อนไม่กินต่อ
“ฝืนทานอีกนิดนะคะ คุณป้าไม่ค่อยทานอะไรเลย เดี๋ยวร่างกายจะแย่ลงนะคะ”
วงทองส่ายหัว
“ป้าไม่อยากทาน รู้สึกเพลียๆ อยากจะนอน”
“ไม่อยากก็ต้องฝืนทานนะคะคุณป้า มาค่ะ เดี๋ยวนิ่มป้อนให้นะคะ”
“หนูนิ่ม ถ้าป้าเป็นอะไรไป ป้าฝากหนูนิ่มดูแลพ่อธีด้วยนะ”
“คุณป้าพูดอะไรอย่างนั้นล่ะคะ คุณป้ายังไม่เป็นอะไรไปหรอกค่ะ ยังแข็งแรงดีอยู่เลย”
ธีรธรเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่ ให้ผมป้อนนะครับ”
ธีรธรเข้าไปป้อนอาหารให้แม่อย่างเอาใจ
“ไศลายังไม่ลงมาเหรอ”
“ยังไม่เห็นเลยตั้งแต่เช้าค่ะ”
“ไม่สบายหรือเปล่า”
“ไม่ทราบค่ะ”
ธีรธรหันไปสั่งคนใช้
“จัน ขึ้นไปตามคุณไศลาให้ลงมาทานอาหารเช้ากับฉันหน่อย”
คนใช้เดินหายขึ้นบันไดไปแป๊บเดียว ก็ลงมารายงาน
“คุณธีคะ คุณไศลาเก็บเสื้อผ้าออกไปหมดแล้วค่ะ”
ธีรธรรีบขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูเข้าห้องไศลา แล้วเดินไปสำรวจที่ห้องน้ำก็ไม่มี เมื่อไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูก็พบว่าไศลาขนเสื้อผ้าออกไปหมดแล้ว เขาเดินลงมาจากข้างบนอย่างหงุดหงิด
“ไศลาไปไหน มีใครรู้บ้าง”
ทุกคนเงียบไม่มีใครตอบ ธีรธรคว้ากุญแจรถจะออกไปทันที
“นี่พี่ธีจะไปไหนคะ” นิ่มนวลรีบถาม
“พี่จะไปตามหาไศลา”
“พี่ธีจะไปตามหาเขาทำไมคะ เขาก็บอกอยู่แล้วว่าจะย้ายออก แค่ที่ไม่มีมารยาท ไม่รู้จักบุญคุณ นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไปก็แย่พออยู่แล้ว”
“นิ่มไม่ควรว่าไศลาแบบนั้นนะ นิ่มยังไม่รู้จักเขาดีพอ”
วงทองห้ามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“พอๆ กันทั้งคู่นั่นล่ะ จะมาเถียงกันเพราะคนอื่นทำไม”
“ผมขอตัวไปตามหาไศลาก่อนนะครับแม่”
ธีรธรหันหลังจะเดินออกไปทางประตู วงทองเป็นลมล้มฟุบไปบนโต๊ะอาหาร นิ่มนวลตกใจร้องกรี๊ดขึ้นมาดังลั่น ธีธรรีบเข้าไปประชิดตัวแม่ แล้วรีบอุ้มไปขึ้นรถขับไปโรงพยาบาลทันที
ไศลากลับมาที่บ้าน เดินเข้ามาในบ้านด้วยความหดหู่ มองไปทางไหนก็เห็นภาพตัวเองกับดารณีกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน เธอเดินขึ้นข้างบนในห้องตัวเอง แล้วก้มลงหยิบกล่องจากใต้เตียง แล้วหยิบปืนขนาด 11 มม.ที่วางอยู่ขึ้นมาดู สายตาโกรธแค้นชิงชัง
“ดาจะต้องไม่เจ็บฟรี”
ธีรธรกับนิ่มนวลพาวงทองมาถึงโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลรีบเอาเตียงมารับวงทองเข้าห้องฉุกเฉิน ระหว่างนั้น ธีรธรนึกถึงไศลาขึ้นมาได้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไศลาแต่ไม่ติด เพราะเธอปิดเครื่อง
“นี่พี่ธีอย่าบอกนะคะว่าโทรหายายนั่นตอนนี้” นิ่มนวลถามขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ธีรธรไม่ตอบ ทำเป็นไม่ได้ยิน
“ดูเหมือนพี่ธีจะห่วงผู้หญิงคนนั้นมากกว่าแม่ของตัวเองซะอีกนะคะ”
ธีรธรโมโห
“พี่บอกแล้วใช่มั้ย ถ้านิ่มไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า”
“แต่นิ่มไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ธีต้องเป็นห่วงเป็นใยเขาขนาดนี้ ญาติก็ไม่ใช่”
“พอเถอะนิ่ม อย่าให้พี่ต้องรู้สึกไม่ดีกับนิ่มมากไปกว่านี้เลยนะ”
ธีรธรเดินแยกไปนั่งอีกทางอย่างหงุดหงิด นิ่มนวลมองตามธีรธรแล้วแยกมานั่งน้ำตาคลออีกทางด้วยความเสียใจที่ธีรธรเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
ไศลาใส่หมวกดำ เสื้อแจคเก็คดำ กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ดูทะมัดทะแมงกว่าปกติ เดินออกจากบ้านแล้วนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างออกไปจากซอย สายของดุลยศักดิ์ที่ซ่อนตัวอยู่แถวนั้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรรายงานทันที
ชูชิตเพิ่งตื่น จะลุกไปอาบน้ำ แต่อรชรรั้งไว้ด้วยกอด เขาจะขัดขืนแต่สุดท้ายแพ้ทางกลับไปนัวเนียกันต่อ เสียงเคาะประตูดังขึ้น นาถสุดาแต่งตัวพร้อมจะออกไปข้างนอก ยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้อง ชูชิตพยายามผละตัวออกจากอรชรเพื่อไปเปิดประตู แต่อรชรไม่ยอมยั่วยวนหนักกว่าเก่า นาถสุดาได้ยินเสียงฉอเลาะของอรชรแล้วนึกหมั่นไส้ แกล้งทำเสียงหวาน
“ชูชิตคะ เปิดประตูให้นาถหน่อยสิคะ”
อรชรกลับเป็นฝ่ายผละออกจากชูชิตหุนหันลุกขึ้นมาเปิดประตูด้วยความโมโห
“มีธุระอะไรแต่เช้าไม่ทราบ”
นาถสุดาไม่สนใจอรชร ผลักประตูเข้าไปหาชูชิต
“เราต้องออกไปข้างนอกด้วยกัน ฉันให้เวลาเตรียมตัว 10 นาที อ้อ...เลือกชุดดีๆ หน่อยนะ”
นาถสุดาหันมามองอรชรหัวจรดเท้า
“เพราะรสนิยมของคุณ...ดูแย่ลงเยอะ”
นาถสุดาออกจากห้องไปแบบไม่สนใจอรชร ที่ยืนจ้องด้วยความโกรธอยู่ไม่มีตัวตน ชูชิตรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว อรชรมองอย่างคาดคั้น
“นี่พี่ชิตไม่ได้มีอะไรกับนังดารานั่นจริงๆ ใช่มั้ย”
ชูชิตส่ายหัวเซ็งๆ เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจ ทิ้งให้อรชรยืนฟึดฟัดอยู่คนเดียว
หมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ธีรธรกับนิ่มนวลรีบเข้าไปหา
“คุณหมอครับ คุณแม่ผมเป็นยังไงบ้างครับ”
“คนไข้มีอาการอ่อนเพลีย คาดว่าน่าจะเกิดจาก ความเครียดหรือพักผ่อนไม่เพียงพอนะครับตอนนี้
ปลอดภัยแล้ว แต่หมอขอแอดมิทคนไข้ไว้ก่อนนะครับ เพราะจากผลเลือดวันนี้...ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“ไม่ค่อยดียังไงคะคุณหมอ”
หมอมีสีหน้าหนักใจ
“โรคมะเร็งเม็ดเลือดที่คนไข้เป็นอยู่ได้กระจายเข้าสู่ตับ หมอเลยอยากขอตรวจให้ละเอียดอีกครั้งว่าเชื้อมะเร็งกระจายไปแค่ไหนแล้ว”
นิ่มนวลร้องไห้โผเข้ากอดธีรธรที่ยืนช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน
“อย่าลืมว่าตอนนี้กำลังใจคนไข้สำคัญที่สุดนะครับ หมอขอตัวก่อน”
ธีรธรกอดปลอบนิ่มนวลพร้อมๆ กับที่ต้องห้ามน้ำตาตัวเองไม่ให้ไหลออกมา
ไศลานั่งรถแท็กซี่มาจอดที่หน้าบ้านของชูชิต เมื่อเธอลงจากรถ แล้วรถแล่นจากไป มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับพุ่งเข้ามาจะชน ไศลากระโดดขึ้นข้ามหัวมอเตอร์ไซค์คันนั้นไปอย่างว่องไวผิดมนุษย์ ทำเอาไศลาตกใจความไวของตัวเอง
มอเตอร์ไซค์เลี้ยวกลับมาพุ่งเข้าจะชน ไศลาที่ยืนตั้งท่าอยู่กลางถนน รอมอเตอร์ไซค์มาในระยะประชิด ไศลากระโดดถีบคนขับมอเตอร์ไซค์จนล้มคว่ำไปไม่เป็นท่า ไศลาจะเดินตามไปหาคนขับที่นอนเจ็บอยู่ จู่ๆ ตาที่สามก็สว่างวาบขึ้น และได้ยินเสียงดารณีเรียก
“พี่ไศลา ช่วยดาด้วย”
ไศลาเปลี่ยนเป็นไปยกมอเตอร์ไซค์ขับออกไปทันที
นาถสุดานั่งรอชูชิตอย่างหงุดหงิด เทพยืนรออยู่ด้วย ชูชิตเดินลงมา อรชรเดินถือเสื้อสูทตามมาไม่ห่าง ชูชิตเดินมาตรงหน้านาถสุดาแล้วผายมือโชว์ชุดของตัวเองอย่างประชด
“ชุดนี้ดูดีพอมั้ยครับคุณซุปตาร์”
นาถสุดาสำรวจการแต่งตัวของชูชิตตั้งแต่หัวจรดเท้า
“โอเค ถือว่าพอใช้ได้ เทพ เตรียมรถ”
เทพพยักหน้าแล้วเดินออกไปตามคำสั่ง
“แล้วไอ้คงหายไปไหน”
“จะแห่กันไปทำไมเยอะแยะ” นาถสุดาย้อนถาม
“แล้วนี่คุณจะไม่บอกผมหน่อยเหรอว่าเราจะไปไหนกัน”
นาถสุดาเดินไปหยิบเสื้อสูทจากมืออรชรมาใส่ให้ชูชิตด้วยตัวเอง อรชรไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้
”ฉันนัดนักข่าวให้มาทำข่าว เปิดตัวแฟนหนุ่มนักธุรกิจดาวรุ่งของฉัน นายชูชิต เชิดชัญชาญ”
นาถสุดาส่งสายตามีชัยให้อรชร แล้วเดินควงชูชิตเดินออกไป อรชรยืนมองตามด้วยความแค้น
หน้าโรงพยาบาล...คงลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่หน้า รพ. แล้วรับโทรศัพท์
“ถึงแล้วครับ กำลังจะเข้าไปเดี๋ยวนี้”
คงกดวางสายแล้วเดินเข้าโรงพยาบาลไป ครู่หนึ่ง ไศลาขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าโรงพยาบาลเช่นกัน
พยาบาลและผู้ช่วยเข็นเตียงวงทองที่ยังหลับอยู่ ออกมาจากห้องฉุกเฉิน ธีรธรกับนิ่มนวลเดินเข้าไปหา
“ตอนนี้คุณหมอฉีดยานอนหลับให้คนไข้นะคะ เดี๋ยวผู้ช่วยจะพาคนไข้ไปห้องพักนะคะ”
“นิ่มไปที่ห้องพักกับคุณแม่ก่อนนะ พี่จะไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายก่อน”
นิ่มนวลพยักหน้าแล้วเดินตามเตียงวงทองไป ธีรธรแยกไปติดต่อเรื่องสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายที่เคาน์เตอร์การเงิน
ธีรธรรับเอกสารจากพนักงานมากรอก คงเดินผ่าน ระหว่างที่ธีรธรก้มหน้าก้มตากรอกเอกสารอยู่
ไศลาเดินผ่าน ตอนที่ธีรธรกรอกเสร็จพอดี เขาเห็นหลังไศลาแวบๆ รู้สึกคุ้นตารีบวิ่งตามไป เห็นว่าน่าจะใช่จึงร้องเรียกเสียงดัง
“ไศลา ไศลา...”
ไศลาได้ยินเสียงธีรธรก็รีบเร่งฝีเท้าเดินหนีทำเป็นไม่ได้ยิน คงได้ยินเหมือนกัน รีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
“ไศลา ผมรู้นะว่าเป็นคุณ” ธีรธรเสียงดังขึ้นอีก
พยาบาลเปิดประตูออกมาจากในห้อง
“คุณคะ ระวังเสียงดังรบกวนคนไข้ด้วยค่ะ”
ธีรธรชะงัก
“ขอโทษด้วยครับ”
ธีรธรหันมาอีกที ไศลาหายไปแล้ว เขาพยายามมองหา ก่อนจะวิ่งตามไปทางเดิม ไศลายืนแอบอยู่ในมุมหนึ่ง เห็นธีรธรวิ่งผ่านไป
คงเปิดประตูห้องหมาเลข 510 เข้าไป เห็นดารณีนอนให้ออกซิเจนอยู่บนเตียง เขาเดินตรงเข้าไปสำรวจรอบๆ เตียงแล้วยกมือตั้งท่าจะปลดสายออกซิเจนของดารณีออก เสียงพยาบาลเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาทันทีที่คงตกใจ หนีไปไหนไม่ทัน เปลี่ยนท่ามือเป็นเลยไปลูบหัวดารณี ทำเป็นห่วงใย
“ขออนุญาตวัดไข้ วัดความดันคนไข้หน่อยนะคะ”
คงยิ้มให้พยาบาล แล้วถอยหลังมายืนดูห่างๆ พยาบาลวัดไข้ วัดความดันให้ดารณี
ธีรธรตามหาไศลาอยู่ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น จึงหยุดกดรับสาย
“จ้ะนิ่ม ชั้น 5 ห้อง 514 โอเค พี่กำลังขึ้นไป”
ธีรธรกดวางสาย ในใจนึกเสียดายที่คลาดกับไศลาไปได้
พยาบาลตรวจทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย จึงเดินออกจากห้องดารณีไป คงเตรียมถอดสายออกซิเจนของดารณี ไศลาเปิดประตูเข้ามาเจอพอดี เธอพุ่งเข้าไปทั้งดึงมือทั้งผลักคงแต่แรงไม่พอ เลยกัดที่ต้นแขนของคงอย่างแรงจนคงต้องปล่อยมือออกจากสายออกซิเจน
คงสะบัดแขนจนหลุดจากปากของไศลา เห็นเธอเซถลาไปติดกำแพง แล้วดูที่แขนตัวเองเห็นว่าเป็นแผลได้เลือดก็โกรธจัดเข้ามาตบอย่างแรง ไศลาเลือดกบปากแต่ฮึดเข้าไปสู้ คงรวบข้อมือเธอแล้วเหวี่ยงไปปะทะกำแพงอย่างแรงจนทรุดลงกองกับพื้น คงหันหลังไปหาดารณี ไศลาพยายามลุกไปกระโดดขี่คอคง
คงที่พยายามจะปลดตัวไศลาออกจากหลัง
คงเปิดประตูห้องหมาเลข 510 เข้าไป เห็นดารณีนอนให้ออกซิเจนอยู่บนเตียง เขาเดินตรงเข้าไปสำรวจรอบๆ เตียงแล้วยกมือตั้งท่าจะปลดสายออกซิเจนของดารณีออก เสียงพยาบาลเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาทันทีที่คงตกใจ หนีไปไหนไม่ทัน เปลี่ยนท่ามือเป็นเลยไปลูบหัวดารณี ทำเป็นห่วงใย
“ขออนุญาตวัดไข้ วัดความดันคนไข้หน่อยนะคะ”
คงยิ้มให้พยาบาล แล้วถอยหลังมายืนดูห่างๆ พยาบาลวัดไข้ วัดความดันให้ดารณี
ธีรธรตามหาไศลาอยู่ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น จึงหยุดกดรับสาย
“จ้ะนิ่ม ชั้น 5 ห้อง 514 โอเค พี่กำลังขึ้นไป”
ธีรธรกดวางสาย ในใจนึกเสียดายที่คลาดกับไศลาไปได้
พยาบาลตรวจทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย จึงเดินออกจากห้องดารณีไป คงเตรียมถอดสายออกซิเจนของดารณี ไศลาเปิดประตูเข้ามาเจอพอดี เธอพุ่งเข้าไปทั้งดึงมือทั้งผลักคงแต่แรงไม่พอ เลยกัดที่ต้นแขนของคงอย่างแรงจนคงต้องปล่อยมือออกจากสายออกซิเจน
คงสะบัดแขนจนหลุดจากปากของไศลา เห็นเธอเซถลาไปติดกำแพง แล้วดูที่แขนตัวเองเห็นว่าเป็นแผลได้เลือดก็โกรธจัดเข้ามาตบอย่างแรง ไศลาเลือดกบปากแต่ฮึดเข้าไปสู้ คงรวบข้อมือเธอแล้วเหวี่ยงไปปะทะกำแพงอย่างแรงจนทรุดลงกองกับพื้น คงหันหลังไปหาดารณี ไศลาพยายามลุกไปกระโดดขี่คอคง
คงที่พยายามจะปลดตัวไศลาออกจากหลัง
ธีรธรโดนคงต่อยเป็นชุดจนเริ่มทรุด ไศลาที่นั่งก้มหน้าพิงกำแพงอยู่ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาพร้อมแสงสว่างจากตาดวงที่สาม เธอลุกขึ้นมากระโดดถีบสองเท้า เข้าที่ด้านข้างของคงจนกระเด็นไปกระแทกกำแพง แล้วตามไปกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วต่อยไม่ยั้ง คงตกใจควักปืนขึ้นมาจ่อตาที่สาม ไศลาผงะยกมือสองข้างขึ้นเหมือนจะยอมจำนน แต่เปลี่ยนเป็นจับปลายปืนหันออกไป ทั้งคู่แย่งปืนกันไปมาจนดันไศลาไปติดที่เตียงของดารณี ธีรธรพยายามจะเข้าไปช่วยแต่โดนคงถีบออกมา คงใช้ศอกกระแทกเข้าที่ตาที่สามของไศลาอย่างจัง เธอเจ็บจนต้องปล่อยมือถอยออกมา
แสงตาที่สามของไศลาวูบดับไป ไศลากลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม คงได้จังหวะกระตุกออกซิเจนของดารณีออกต่อหน้าต่อตาไศลาที่ตะลึง จะเข้ามาช่วยแต่โดนคงถีบกระเด็นออกไป ดารณีหายใจเริ่มกระตุก ธีรธรตรงเข้าไปจะช่วยดารณี แต่คงยกใช้เสาน้ำเกลือฟาดเข้าที่ตัวธีรธร
สายน้ำเกลือของดารณีโดนกระตุก เลือดพุ่งกระฉูด ไศลาร้องกรี๊ดรีบเข้าไปหาดารณี คงอาศัยจังหวะชุลมุนวิ่งออกประตูไป ดารณีกระตุกจนนิ่งไป ไศลาเห็นอย่างนั้นก็เป็นลมล้มพับ ธีรธรพุ่งเข้าไปช่วยประคอง
ไศลากลับมายืนอยู่กลางป่าอีกครั้ง กวาดสายตาไปรอบๆ พบว่ายืนอยู่บริเวณศาลาของนักพรตเมฆขาว
“พี่ไศลา”
ไศลาหันไปเห็นดารณีใส่ชุดขาวยืนอยู่ ก็ดีใจมาก สองพี่น้องวิ่งเข้ามากอดกันแน่นด้วยความคิดถึง
“ดาคิดถึงพี่ไศลาจังเลย”
“พี่ก็คิดถึงดา แต่ไม่เป็นไรนะ ต่อจากนี้ไป เราจะไม่ต้องห่างกันอีกแล้ว”
ดารณีกราบไศลา
“ดาขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานะพี่ไศลา”
สนามไดร์ฟกอล์ฟแห่งหนึ่ง...ดุลยศักดิ์ไดร์ฟกอล์ฟอย่างหงุดหงิดที่ตีไม่ได้ดังใจ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น บอดี้การ์ดหยิบขึ้นมาดูเบอร์แล้วเดินมายื่นให้อย่างนอบน้อม ดุลยศักดิ์รับมาฟังแล้วยิ้มพอใจ
“ทำได้ดีมาก อย่างนี้ต้องมีโบนัสพิเศษ รีบกลับไปรอชูชิตที่บ้าน ฉันมีอะไรสนุกๆ ให้แกทำอีกเยอะ”
ดุลยศักดิ์หัวเราะสะใจ ไดร์ฟกอล์ฟต่ออย่างอารมณ์ดีขึ้นมาผิดตา
ผู้ช่วยพยาบาลเข็นเตียงของไศลาและดารณีเข้าห้องฉุกเฉินไป ธีรธรวิ่งตามมาไม่ห่าง พยาบาลหยุดธีรธรไว้ที่หน้าห้อง เขาจึงได้แต่ชะงักอย่างมึนงงกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอเห็นเป็นนิ่มนวลโทรเข้า
กลางป่าใหญ่...ไศลานั่งกอดกับดารณีอยู่
“พี่ไศลา ดาต้องไปแล้วล่ะ”
ดารณีลุกขึ้นเดินหายไปในม่านหมอก
“ดา จะไปไหน รอพี่ด้วย”
ไศลารีบวิ่งตามไป แต่ไม่เจอดารณีแล้ว เธอร้องไห้อย่างเสียใจ
“ดาอยู่ไหน ดา อย่าทิ้งพี่ไป”
นักพรตเมฆขาวปรากฏตัวขึ้น
“คนเราเกิดมามีบุญกรรมติดตัวไม่เท่ากัน ต่างก็ต้องเดินไป ตามกรรมวาระของตน การยึดมั่นถือมั่นจะยิ่งทำให้เจ้าเป็นทุกข์”
ไศลาร้องไห้พนมมือ
“ให้ไศได้ไปอยู่กับน้องได้มั้ยคะ ไศไม่เหลือใครแล้ว ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไม”
“ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดของความทุกข์ จึงไม่ควรเลยที่เจ้าจะปรารถนาทางนั้น”
งานแถลงข่าวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง...บนเวทีจัดโต๊ะรอนาถสุดากับชูชิต กลุ่มนักข่าวยืนทานอาหารรออยู่คับคั่ง นักข่าวหญิงคนหนึ่งรายงานบรรยากาศในงานให้ตากล้องถ่าย...
“ตอนนี้นะคะ ก้อยก็ได้มาอยู่ในงานแถลงข่าวเปิดตัวคู่รักของนางเอกสุดฮอตตลอดกาล คุณนาถสุดา ชิดชนกค่ะ และขณะนี้คุณนาถและแฟนหนุ่มได้เดินทางมาถึงแล้วค่ะ”
นาถสุดาและชูชิตเดินเข้ามาในร้านอาหาร นักข่าวถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ ทั้งคู่จับมือกันเดินไปที่โต๊ะแถลงข่าวอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส เทพยืนเป็นบอดี้การ์ดอยู่ข้างเวที ชูชิตจะนั่งเก้าอี้ แต่นาถสุดาจิกแขนไว้หน้ายังยิ้ม แล้วส่งซิกส์ให้ชูชิตเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งก่อนตามมารยาท ชูชิตเลื่อนเก้าอี้ให้นาถสุดาแล้วนั่งลง
เขาเริ่มเหงื่อแตก ตื่นเต้นที่นักข่าวเยอะขนาดนี้ นาถสุดาหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับหน้าให้ บรรยากาศดูหวานชื่นมาก นักข่าวฮือฮาถึงความหวานของคู่รัก
นาถสุดาไหว้นักข่าวอย่างงาม ชูชิตไหว้ตามอย่างเก้อๆ เขินๆ
“สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นนาถต้องขอบคุณพี่ๆ สื่อนะคะ ที่สนใจมากันมากขนาดนี้ นาถตื้นตันมากจริงๆ ค่ะ”
“แหม...นางเอกระดับคุณนาถ ใครๆ ก็อยากได้ข่าวอยู่แล้วล่ะจ้ะ ขอเชิญชายผู้โชคดีแนะนำตัวหน่อยจ้ะ”
ชูชิตยิ้มให้ทุกคน
“สวัสดีครับ ผมชื่อชูชิต เชิดชัยชาญ เรียกง่ายๆ ว่าชิตก็ได้ครับ”
“ตอนนี้คุณชิตอายุเท่าไหร่ ทำงานอะไรครับ” นักข่าวอีกคนถาม
“อายุ 24 ปี ทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์ของตัวเองครับผม”
นักข่าวฮือฮากับประวัติของชูชิตที่ดูน่าสนใจมาก
“เอ๊ะ...อย่างนี้คุณชิตก็อายุอ่อนกว่าคุณนาถใช่มั้ยคะ”
นาถสุดาแกล้งเขิน พยักหน้า
“3 ปีค่ะ”
นักข่าวแซว
“คุณนาถก็อินกระแสรักเด็ก กับเขาเหมือนกันนะคะเนี่ย”
“นิดหน่อยค่ะพี่...พอกรุบกริบ”
นักข่าวฮาครืนพร้อมกัน
“แล้วทั้งคู่คบกันมานานแค่ไหนแล้วค่ะ”
“เอ่อ...ประมาณ 2 ปีครับ” ชูชิตอึกอักตอบไม่ค่อยถูก
“แล้วทำไมคุณนาถถึงเลือกคุณชูชิต ให้เป็นคนพิเศษครับ”
นาถสุดาอายๆ
จบตอนที่ 2