"ทนายสุกิจ" ชี้คดี"สมีคำ"กระทำชำเราขาดอายุความแล้ว มั่นใจหากได้ว่าความโอกาสชนะคดีสูง โต้ผลดีเอ็นเอจากซิกการ์ยังไม่เคลียร์ ลั่นอดีตพระเณรคำไม่สูบบุหรี่ เผยหากวันหนึ่งสมีคำมามอบตัวแล้วถุยน้ำลายให้และนำไปตรวจสอบดีเอ็นเอและผลออกมาไม่ใช่ใครจะรับผิดชอบ
วันนี้ (22ส.ค.) นายสุกิจ พูนศรีเกษม ผู้ประสานงานอดีตพระเณรคำ ในฐานะนักกฎหมาย กล่าวถึงกรณีดีเอสไอระบุผลตรวจดีเอ็นเอจากซิการ์ ของอดีตพระเณรคำตรงกับเด็กชายต้องสงสัยว่าเป็นลูกของอดีตพระเณรคำว่า ตามหลักกฎหมายพนักงานสอบสวนมีหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่ได้มาดังกล่าวมีคนนำมาให้ แต่ที่ผ่านมามีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาเคยวิจนิจฉัยไว้ว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ศาลต้องรับฟังเสมอไป ขณะนี้ดีเอสไอระบุว่าคราบน้ำลายที่ซิการ์ ซึ่งจะพิสูจน์อย่างไรว่าเป็นของอดีตพระเณรคำ ถ้าซิการ์ได้มาจากพี่น้องของเด็กตรวจดีเอ็นเอก็ออกมาเหมือนกันตามหลักกรรมพันธ์หรือเผ่าพันธ์ จึงถือว่าเป็นการพิสูจน์ฝ่ายเดียว การแถลงอย่างนี้อันตรายมาก เพราะหากวันหนึ่งอดีตพระเณรคำมามอบตัวแล้วถุยน้ำลายให้ดีเอสไอนำไปตรวจสอบดีเอ็นเอ หากผลออกมาไม่ใช่ใครจะรับผิดชอบ
นักกฎหมายชื่อดังกล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นผ่านมากว่า 10 ปี ไม่มีร่องรอยที่จะใช้พิสูจน์ แม้จะอ้างว่ามีดีเอ็นเอจากซิการ์ก็ต้องดูว่าอดีตพระเณรคำสูบบุหรี่หรือไม่ เท่าที่ตนรู้มาอดีตพระเณรคำไม่สูบบุหรี่ มีแต่กินชานหมาก ซึ่งน้ำลายจากชานหมากมีอายุอยู่ไม่ใช่ผ่านมา 10 ปี น้ำลายยังอยู่อย่างนั้นต้องไปเขียนตำรากันใหม่ จากข้อมูลที่ตนทราบขณะนี้มั่นใจว่าคดีนี้ไม่ยาก โดยอยากให้จับตามองการไต่สวนของศาลจังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 9 ก.ย.ซึ่งทางฝ่ายผู้หญิงคู่กรณีมีการไปยื่นฟ้องคดีกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ข้อกล่าวหาเดียวกับที่ดีเอสไอดำเนินคดีในขณะนี้ว่า คดีมีมูลพอที่ศาลจะรับฟ้องหรือไม่ ซึ่งตนเห็นว่าคดีจะไม่มีมูลสูงมาก เพราะผ่านมากว่า 10 ปี ร่องรอยการถูกข่มขืนไม่มี
นายสุกิจ กล่าวอีกว่า ตนตั้งข้อสังเกตุว่าเรื่องนี้น่าจะขาดอายุความ เพราะขณะเกิดเรื่องประมวลกฎหมายอาญา กำหนดอายุความของคดีกระทำชำเราไว้ที่ 10 ปี แต่ต่อมามีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มโทษคดีกระทำชำเราให้หนักขึ้นถึงจำคุก 20 ปี พร้อมมีการเพิ่มระยะเวลาการหมดอายุความเป็น 15 ปี เมื่อปี 50 ซึ่งกฎหมายเขียนให้ใช้เรื่องอายุความขณะกระทำผิด ตนจึงเห็นว่าคดีกระทำชำเราฯ น่าจะขาดอายุความแต่ไม่อยากเปิดเผยรายละเอียดมาก ขณะนี้สังคมได้พิพากษาอดีตพระเณรคำไปแล้ว แต่ตนในฐานะนักกฎหมายอยากจะขอความเป็นธรรมให้กับอดีตพระเณรคำด้วย ส่วนเรื่องการจะเข้ามอบตัวของอดีตพระเณรคำหากข่าวออกมาอย่างนี้ไม่รู้ลูกศิษย์จะไปแนะนำอย่างไรอีก ซึ่งจะมีการยืนยันคำตอบว่าจะเข้ามอบตัวหรือไม่มายังตนในเช้าวันที่ 23 ส.ค.