ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยผลตรวจดีเอ็นเอเด็กชายวัย 11 ปี ของหญิงที่อ้างมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “สมีคำ” จนมีลูกด้วยกัน ชี้ผลตรวจยืนยันชัดเป็นลูก “สมีฉาว” ดีเอสไอจ่อแถลง 3 โมงวันนี้ พร้อมท้า “สุริ” น้องชายเข้าตรวจดีเอ็นเอ!
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (22ส.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ นพ.เอนก ยมจินดา ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้เปิดเผยผลตรวจดีเอ็นเอเด็กชายวัย 11 ขวบ ที่เกิดจากหญิงที่อ้างว่ามีสัมพันธ์กับนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระวิรพล ฉัตติโก (หลวงปู่เณรคำ) โดยยืนยันผลตรวจดีเอ็นเอเด็กตรงกับดีเอ็นเอของอดีตเณรคำจริง
ขณะเดียวกัน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้รายงานผลตรวจวัตถุพยานทั้งเส้นผม ชานหมากวัตถุมงคลปลุกเสก และซิการ์ที่สูบแล้วของอดีตพระเณรคำ ที่นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส่งมาให้ดีเอสไอตรวจสอบเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของอดีตเณรคำมามอบให้พนักงานสอบสวนของดีเอสไอเพื่อส่งต่อให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อเชื่อมโยงหาความเป็นพ่อแม่ลูกกันนั้น ผลจากการตรวจซิการ์ซึ่งมีน้ำลายของผู้สูบ ปรากฏว่าเมื่อนำมาประกบผลตรวจดีเอ็นเอกับที่ทางสถาบันฯ ได้ผลตรวจดีเอ็นเอของผู้หญิงที่อ้างว่ามีลูกกับอดีตพระเณรคำมาก่อนหน้านี้แล้ว พบว่าเป็นพ่อแม่ลูกกัน ทั้งนี้ ในน้ำลายจะมีเซลล์กระพุ้งแก้ม ซึ่งมีนิวเคลียสหรือไข่แดงที่เป็นโปรตีนของดีเอ็นเออยู่ และผลการตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีดังกล่าวเชื่อถือได้ถึง 99.99 เปอร์เซ็นต์
จึงค่อนข้างชัดเจนว่าอดีตเณรคํามีความสัมพันธ์หญิงดังกล่าวจริง และถือเป็นพ่อลูกกับเด็กชายคนดังกล่าว โดยรายละเอียดทั้งหมดจะเปิดเผยในการแถลงข่าววันนี้ เวลา 15.00 น. อย่างไรก็ตาม หากนายสุริ สุขผล น้องชายอดีตเณรคำที่เคยอ้างเป็นผู้มีสัมพันธ์กับหญิงคนดังกล่าวต้องการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อให้ความเป็นธรรมและแสดงความบริสุทธิ์ใจทั้งสองฝ่ายก็สามารถเข้าขอตรวจได้เช่นกัน
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า หากผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอชัดเจนว่าอดีตพระเณรคำเป็นพ่อเด็ก ย่อมจะส่งผลให้มีความผิดในคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี แม้ว่าจะโดยยินยอมหรือไม่ก็ตาม ส่วนกรณีที่มีการยกเหตุหญิงคนดังกล่าวมีสามีใหม่แล้วนั้น ไม่เป็นผลกระทบต่อรูปคดี เพราะกรณีนี้เป็นความผิดสำเร็จแล้ว แต่สิ่งที่จะต้องมาพิจารณากันคือ เรื่องอัตราโทษและอายุความในคดีดังกล่าว นอกจากนี้ ในส่วนของความผิดด้านพระวินัยก็จะมีผลให้อาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นสงฆ์มานานแล้วนับตั้งแต่ที่ได้เสพเมถุน