xs
xsm
sm
md
lg

Good Morning News 01/04/56

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



  • ปธน. ไซปรัสให้คำมั่นว่าไซปรัสจะไม่ออกจากยูโรโซน และจะเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่ได้มีการทำข้อตกลงเพื่อช่วยเหลือทางการเงิน โดยธนาคารในประเทศกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในรอบ 2 สัปดาห์ แต่การทำธุรกรรมยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัด

  • ปริมาณเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ไซปรัสที่มาจากยูโรโซนเดือนก.พ. ลดลง 18จากเดือนก่อนหน้า บ่งชี้ถึงความกังวลเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีเงินฝากที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากไซปรัสได้เจรจาเกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือทางการเงินกับเจ้าหนี้ต่างประเทศ

  • IMF แนะนำฮังการีว่าควรระงับการลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยธนาคารกลางฮังการีได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ 5.00% เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากภาวะถดถอยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 4 ปี

  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นสู่ 78.6 สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 จาก 77.6 ในเดือน ก.พ. โดยปัจจัยหนุนมาจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในตลาดแรงงาน

  • สหรัฐ เปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลว่าเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือน ก.พ. การบริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงสุดตั้งแต่เดือน ก.ย.และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่งสัญญาณว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดูดีขึ้นในไตรมาสแรกปีนี้

  • รัฐบาลนครปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ประกาศมาตรการชะลอความร้อนแรงของอสังหาริมทรัพย์ เช่น 


1. คนโสดที่มีถิ่นถาวรในปักกิ่งและไม่เคยซื้อที่อยู่อาศัยในปักกิ่งมาก่อน ให้ซื้ออพาร์ทเมนท์ได้ 1 ยูนิต
2. ห้ามธนาคารต่างๆ ปล่อยเงินกู้แก่ชาวเซี่ยงไฮ้ที่จะซื้ออพาร์ทเมนท์เป็นครั้งที่ 3 ขึ้นไป
3. เพิ่มเงินดาวน์สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังที่สองและเก็บรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในอัตรา 20%

  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำลังพิจารณาซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเติม เช่น กองทุน ETF กองทุน REIT  จากที่เดิมซื้อแต่พันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

  • ยอดการผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นเดือน ก.พ. ลดลง 15.1เมื่อเทียบรายปี ลดลงต่อเนื่อง 6 เดือนติดกัน หลังจากนโยบายรัฐที่ให้เงินช่วยซื้อรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสิ้นสุดลงในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา

  • ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเดือน ก.พ. หดตัวลง 0.1จากเดือน ม.ค. หดตัวครั้งแรกในรอบ 3 เดือนจากความต้องการชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์รวมถึงจากปริมาณการผลิตชิ้นส่วนที่ใช้ในสมาร์ทโฟนและโทรศัพท์มือถือที่ส่งออกไปจีนและประเทศอื่นๆ ในอาเซียนปรับตัวลดลง

  • เกาหลีเหนือประกาศภาวะสงครามกับเกาหลีใต้แล้ว โดยเระบุในแถลงการณ์พิเศษว่า จะรบอย่างเต็มรูปแบบที่เหนือกว่าการรบในพื้นที่ หากเกาหลีใต้และสหรัฐยังคงทำกิจกรรมทางทหารรอบๆ เขตปลอดทหารระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้

  • ธปท. เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน ก.พ. อยู่ที่ 51.2 จาก 51.1 ในเดือนก่อนหน้า เพราะความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการดีต่อเนื่อง ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 9.5% แต่ลดลงจาก ม.ค. ที่ขยายตัว 22% จากยอดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ลดลงโดยเฉพาะในหมวดก่อสร้าง

  • ก.คลัง เพิ่มประมาณการณ์ GDP ปีนี้เป็นขยายตัว 5.3% จากเดิม 5.0% เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการเพิ่มรายได้ให้ประชาชน รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น แต่ลดเป้าหมายส่งออกปีนี้จาก 10.5% เหลือ 9% เพราะสัญญาณเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยง

  • เงินเฟ้อทั่วไปเดือน ก.พ. อยู่ที่ 3.23% ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่เป็น 3.39% เพราะราคาผักและผลไม้ลดลงเนื่องจากสภาพอากาศที่เหมาะสม ทำให้มีสินค้าเข้าสู่ตลาดมากขึ้น รวมถึงราคาพลังงานที่ชะลอตัวลง ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.57% จาก 1.59% ในเดือนม.ค.

  • การส่งออกเดือน ก.พ.ลดลง 4.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเดือน ม.ค.ขยายตัว 15.6% ในสินค้าประเภทยานยนต์ อิเล็คทรอนิกส์ และ สินค้าเกษตร ส่วนหนึ่งเพราะเดือน ก.พ. มีวันทำการน้อยกว่าปกติ ประกอบกับมีเทศกาลตรุษจีนและมาฆบูชา




  • SET Index ปิดที่ 1,561.06 จุด เพิ่มขึ้น 16.49 จุด หรือ +1.07% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 50,484.29 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 726.57 ล้าน โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน ซึ่งมีแรงหนุนจากตลาดสหรัฐที่กลับมาปิดบวก แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงความกังวลต่อปัญหาไซปรัสเริ่มลดลง

  • ผอ. ศสค. เปิดเผยว่า ยังไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่ในตลาดหุ้นไทยและภาคอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าที่ผ่านมาดัชนีจะมีการปรับขึ้นไปมากแต่ยังไม่มีสัญญาณที่จะเป็นอันตราย แต่คงต้องระวังหากราคาปรับขึ้นไปจนเกินปัจจัยพื้นฐาน




  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย เปลี่ยนแปลงในช่วง 0.00% - 0.05% มูลค่าการซื้อขายรวม 78,936 ล้านบาท สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูล


กำลังโหลดความคิดเห็น