เปิดบริการแล้วศูนย์แฟชั่นค้าส่งครบวงจร 24 ชั่วโมงแห่งแรกของไทยใจกลางโบ๊เบ๊ เตรียมทุ่ม 200 ล้านจัดกิจกรรมดึงคนไทยเชื้อสายจีนย่านเยาวราช ราชวงศ์ วรจักร สวนมะลิ เข้าจับจ่ายใช้สอย ชูศักยภาพเด่นหลายด้านหนุนโครงการประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะที่จอดรถรองรับลูกค้ากว่า 850 คัน เผยสตาร์บัคส์พร้อมเปิดสาขาใหญ่สุดในประเทศไทยบนพื้นที่กว่า 600 ตารางเมตร
นายเสวก ศรีสุชาต ประธานกรรมการบริหารบริษัท บำรุงเมืองพลาซ่า จำกัด เปิดเผยถึงแนวคิดการเปิดศูนย์แฟชั่นค้าส่งครบวงจร 24 ชั่วโมง ภายใต้ชื่อ “โซโห” อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา บนพื้นที่ย่านใจกลางโบ๊เบ๊ (ติดโรงพยาบาลหัวเฉียว) ว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีศูนย์ค้าส่ง ค้าปลีก ตลอดจนชอปปิ้งมอลล์ต่างๆ เกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นศูนย์ค้าส่งแห่งใหม่จึงจำเป็นต้องมีจุดเด่นและสามารถตอบสนองความต้องการที่ยังขาดอยู่ในตลาดเพื่อความสำเร็จของโครงการในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ ศูนย์แฟชั่นค้าส่งครบวงจร “โซโห” จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองในทุกเรื่องที่ยังเป็นช่องว่างทางการตลาด นับตั้งแต่การกำหนด Brand Positioning ให้เป็นศูนย์กลางสตรีทแฟชั่นที่รวบรวมทุกแฟชั่นที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ทั้งเจป็อป เคป็อป ซีป็อป และเวิลด์ป็อป พน้อมทั้งยังรวบรวมร้านค้าส่งที่จำหน่ายสินค้าดังในแต่ละย่านการค้าของกรุงเทพฯ มาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ทั้งแฟชั่นราคาถูกในย่านโบ๊เบ๊ เสื้อผ้าแฟชั่นจากประตูน้ำ สินค้ากิฟต์ช็อปจากสำเพ็ง หรือของไอเดียเก๋ๆ จากจตุจักร โดยเน้นจุดเด่นคือการเปิดจำหน่ายตลอด 24 ชั่วโมง
“เป้าหมายสำคัญของการกำหนดให้โซโหเป็นศูนย์ค้าส่งตลอด 24 ชั่วโมงคือต้องการเป็นมิติใหม่ของการชอปปิ้งในกรุงเทพฯ เหมือนกับบางประเทศ เช่น เกาหลี สิงคโปร์ หรือแม้แต่ฝรั่งเศส ซึ่งผมเชื่อว่าโซโหมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมาก เนื่องจากทำเลที่ตั้งของโซโหซึ่งอยู่ใจกลางโบ๊เบ๊ก็มีการเริ่มซื้อขายกันตั้งแต่เวลา 24.00 น.อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าโซโหจะเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้ซื้อได้เข้ามาจับจ่ายเพิ่มขึ้น”
ประการสำคัญบริษัทได้มีการศึกษาและวิเคราะห์ตลาดในย่านนี้พบว่ามีกลุ่มอาคารค้าขายประมาณ 1,000 คูหา และแผงลอยประมาณ 3,000 ร้านค้า มีผู้เดินทางมาจับจ่ายใช้สอยเฉลี่ย 2 หมื่นคนต่อวัน คิดเป็นเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี
สำหรับกลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่นอกจากพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยแล้ว ยังมีชาวต่างชาติโดยเฉพาะในเอเชียคือ ลาว เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน นอกจากนั้นยังมีกลุ่มตะวันออกกลางซึ่งถือเป็นตลาดกลุ่มใหญ่มากที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย
บริษัทใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านบาทในการสร้างกิจกรรมตลอดทั้งปี เพื่อแนะนำโซโหให้เป็นที่รู้จักต่อกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้อาศัยในละแวกนี้ตั้งแต่ เยาวราช ราชวงศ์ วรจักร และสวนมะลิ ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนที่มีกำลังซื้อสูง รวมทั้งผู้ประกอบการในตลาดต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอย
“ภายหลังการเปิดตัวแล้วคาดว่าโซโหจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคไม่น้อย เนื่องจากถือเป็นครั้งแรกที่ร้านค้าดังย่านแหล่งค้าส่งจะขยับขึ้นมาอยู่ในห้างทั้งหมด โดยเบื้องต้นเราตั้งเป้าว่าจะมีผู้คนเดินทางเข้ามาจับจ่ายใช้สอยไม่ต่ำกว่า 5,000 คนต่อวัน โดยมีมูลค่าการซื้อขายเป็นเงินสะพัดสูงถึง 5,000 ล้านบาทภายในปี 2556”
สำหรับจุดเด่นสำคัญอีกด้านหนึ่งของโซโหคือเรื่องของที่จอดรถซึ่งสามารถรองรับได้ถึง 850 คัน บนอาคารสูง 16 ชั้นตกแต่งสไตล์โมเดิร์น คอนเทมโพลารี่ พื้นที่ประมาณ 6 ไร่ มีพื้นที่โครงการทั้งหมด 8.2 หมื่นตารางเมตร ซึ่งขณะนี้ได้มีผู้สนใจจองพื้นที่ทั้งโครงการแล้วประมาณ 80% โดยล่าสุดได้มีนักลงทุนจากประเทศจีนตัดสินใจเช่าพื้นที่ประมาณ 4,000 ตารางเมตรเพื่อดำเนินธุรกิจค้าส่งของเด็กเล่นและอื่นๆ
“เหตุที่เราได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการอย่างรวดเร็วเป็นเพราะปัจจัยเรื่องราคาค่าเช่าพื้นที่ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ถูกมากเมื่อเทียบกับศูนย์ค้าส่ง หรือศูนย์การค้าต่างๆ เนื่องจากเรากำหนดราคาเบื้องต้นเพียงตารางเมตรละ 700-2,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น ในขณะที่บางแห่งมีราคาสูงประมาณ 20,000-30,000 บาทต่อเดือน”
บริษัทได้ลงทุนก่อสร้างศูนย์แฟชั่นค้าส่งโซโหเป็นจำนวนเงินประมาณ 2,000 ล้านบาทเพื่อเปิดให้บริการด้านจับจ่ายใช้สอบตลอดเวลา 24 ชั่วโมงเป็นรายแรกของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ได้มีผู้สนใจจองพื้นที่ทั้งโครงการแล้วประมาณ 80% โดยนอกจากจะรวบรวมกลุ่มผู้ประกอบการค้าส่ง ค้าปลีก และผู้ต้องการขยายโอกาสทางการค้าเช่าพื้นที่แล้ว ยังมีธุรกิจต่างๆ ทั้งธนาคารพาณิชย์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านอาหารประเภทอินเตอร์แบรนด์สนใจเข้าร่วมโครงการแล้วเป็นจำนวนมาก อาทิ เคเอฟซี สเวนเซ่น พิซซ่า ฮัท เอ็มเคสุกี้ ฟูดแลนด์ และสตาร์บัคส์ซึ่งถือว่าเป็นสาขาใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ด้วยพื้นที่ 600 ตารางเมตร