xs
xsm
sm
md
lg

เอเยนต์โตโยต้าลุยเบเกอรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เบเกอรีญี่ปุ่นแข่งดุ “เอ-1” หันปักหมุดลุยต่างประเทศ เน้นร่วมทุน ล่าสุดจับมือนักลงทุนในไทย เท 60 ล้านบาท เปิดตัวร้านเบเกอรีในชื่อ “กูเต้” ประเดิม 2 สาขาแรกที่พิมาน 49 และบีทีเอสเอกชัย หวังขยายให้ได้ 18 สาขาในปีหน้า หลังจากนั้นขอการเติบโตปีละ 20% พร้อมขยายสาขาต่อเนื่อง 5-6 สาขาต่อปี

นายโมโตโนบุ ยานาอิ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ-วัน อินเตอร์เนชันแนล โฮล์ดิ้งส์ จำกัด เจ้าของแบรนด์ร้านเบเกอรี A-1 Bakery จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเบเกอรี่ขนมปังในประเทศญี่ปุ่นถือว่าสูงมาก ทั้งในแง่ของจำนวนร้านค้าที่เปิด กลยุทธ์การขายทั้งด้านราคาและสร้างความแตกต่าง โดยเฉพาะกลุ่มเบเกอรี่ที่ขายแบบโฮลด์เซลจะครองตลาดได้มากกว่าแบบรีเทล หรือแบบร้านเบเกอรีโดยเฉพาะ ส่งผลให้ปัจจุบันเอ-วันมีจำนวนสาขาที่เปิดในญี่ปุ่นอยู่เพียง 15 สาขา ประกอบด้วยแบรนด์ เอ-1 มี 5 สาขา และกูเต้ 10 สาขา ซึ่งเป็นกูเต้มีความเป็นพรีเมียมกว่า จากที่เคยขยายสาขามากสุดในญี่ปุ่นถึง 30 สาขา

ดังนั้น แผนการดำเนินงานของเอ-1 หลังจากนี้จะมุ่งเน้นขยายธุรกิจไปต่างประเทศเป็นหลัก ที่ผ่านมาได้เข้าไปเปิดตลาดที่ฮ่องกง โดยมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 60 สาขา กับร้านเบเกอรีทั้งหมด 5 แบรนด์ เช่น กูเต้, เอ-1 และบาเลนเซีย เป็นต้น ล่าสุดปีนี้มองเห็นศักยภาพประเทศไทยว่านิยมหันมารับประทานขนมปังและเบเกอรี่มากขึ้น จึงได้ทุ่มทุนกันทั้งหมด 3 ฝ่าย คือ เอ-1, ทุนไทยโดยนายสมศักดิ์ วงศ์จันทร์เพ็ญ ซึ่งเป็นเอเยนต์ขายรถยนต์โตโยต้า และเชฟทาเคชิ ชิบาตะ ภายใต้ชื่อบริษัท กูเท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับแบรนด์ “กูเต้ เบเกอรี่” หลังจากนั้นอีก 2-3 ปี เอ-1 พร้อมที่จะขยายไปยังประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นลำดับต่อไปในลักษณะร่วมทุนเช่นกัน

ด้านนายสมศักดิ์ วงศ์จันทร์เพ็ญ กรรมการบริหาร บริษัท กูเท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารร้านเบเกอรีสไตล์ญี่ปุ่น “กูเต้” กล่าวต่อว่า การร่วมทุนครั้งนี้กลุ่มไทนถือหุ้น 60% และกลุ่มญี่ปุ่นถือหุ้นรวมกัน 40% ภายใต้ทุนจดทะเบียนบริษัทที่ 60 ล้านบาท เบื้องต้นใช้ไป 30 ล้านบาท สำหรับลงทุนด้านครัวกลางไปแล้ว ที่เหลือจะใช้ขยายสาขา เบื้องต้นปีนี้ต้องการเปิดที่ 8 สาขา แบ่งเป็นรูปแบบร้านและเอ็กเพรส 4 สาขาเท่าๆ กัน ล่าสุดเปิดให้บริการแล้ว 2 สาขา คือ แฟลกชิพสโตร์ที่โครงการพิมาน 49 สุขุมวิท 49 และร้านรูปแบบเอ็กซ์เพรสที่บีทีเอสเอกมัย ภายใต้งบการตลาด 5% ของยอดขาย เชื่อว่าถึงสิ้นปีจะมีรายได้กว่า18 ล้านบาท และในปีหน้าจะขยายสาขาให้ครบ 18 สาขา หลังจากนั้นต่อปีจะขยายสาขาเพิ่มปีละ 5-6 สาขา ส่วนรายได้เชื่อว่าจะเติบโตในอัตรา 15-20% ต่อปี

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทำเลการขยายสาขานั้นจะมุ่งเน้นพื้นที่ที่มีศักยภาพ รวมถึงเส้นรถไฟฟ้า ส่วนในห้างสรรพสินค้ายังไม่ต้องการเข้าไปเปิด เนื่องจากมองว่ามีข้อจำกัดทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่สูง ทั้งค่าตบแต่งร้าน การเข้างานของพนักงานที่จำกัด รวมถึงสัญญาที่ทำให้การขยายสาขาเป็นไปได้ช้า จึงมุ่งขยายสาขาแบบสแตนด์อะโลนเป็นหลัก


กำลังโหลดความคิดเห็น