โอกาสรายการทีวีไทยสู่สายตาคนทั่วโลกกำลังจะมา “อินเด็กซ์” คล้องแขน “วู้ดดี้” ผุดบริษัทร่วมทุนในชื่อ “บิ๊ก อีเว้นท์” ให้บริการ 3 ธุรกิจ ทั้งรายการทีวีหวังขายได้ในต่างประเทศ จัดอีเวนต์ของตัวเองเจาะคนต่างชาติ และรับจ้างจัดงานอีเวนต์สุดเจ๋งไม่เหมือนใคร มั่นใจสิ้นปีนี้โกยรายได้ร่วม 260 ล้านบาท
นายวุฒิธร มิลินทจินดา หรือวู้ดดี้ ประธาน บริษัท วู้ดดี้เวิลด์ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางคอนเทนต์ของไทยเชื่อว่านอนาคตอันใกล้จะเป็นที่ต้องการของต่างชาติ เนื่องจากปัจจุบันเอเชียกำลังมีการพัฒนาคอนเทนต์รายการต่างๆ ขึ้นมาจนเป็นที่ยอมรับและต้องการในต่างประเทศมากขึ้น ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ส่วนไทยเชื่อว่าจะได้รับความสนใจเช่นกันในอนาคต ดังนั้นเพื่อต้องการทำให้รายการทีวีของไทยได้ก้าวสู่ระดับโลกจึงต้องมีการพัฒนารูปแบบรายการให้น่าสนใจ
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ดังนั้นทางบริษัทฯ จึงได้จับมือกับทางบริษัท วู้ดดี้เวิลด์ จำกัด ร่วมทุนก่อตั้ง บริษัท บิ๊ก อีเว้นท์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท สัดส่วนการถือหุ้น 50% เท่าๆ กัน เพื่อมุ่งให้บริการ 3 ธุรกิจ คือ 1. Big content Big format คือ การสร้างสรรค์ผลิตรายการทีวีคุณภาพ และมีมาตรฐานระดับสากล ชูวัฒนธรรมเป็นตัวหลักในการดำเนินรายการ และต่างประเทศสามารถนำฟอร์แมทรายการไปทำต่อได้ เบื้องต้นปีนี้น่าจะทำได้ 2-3 รายการ นำเสนอทุกช่องฟรีทีวี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานีว่าจะมีเวลาให้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าหลังเกิดดิจิตอลทีวี ก็จะพัฒนารายการออกมาอย่างต่อเนื่อง
2. Big Platform คือ การสร้างสรรค์งานอีเวนต์ของตัวเองขึ้นมา โดยดึงเอาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของไทย สร้างสรรค์ให้เป็นงานระดับสากล ซึ่งจะจัดขึ้นทั้งในไทย และโรดโชว์ไปต่างประเทศเป็นลำดับต่อไป โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ชาวต่างชาติ เบื้องต้นวางไว้ 2 งาน คาดว่าปลายปีนี้ถ้าทันจะได้เห็นทั้ง 2 งาน แต่อย่างน้อยจะได้เห็นแน่ 1 งาน และ 3. Big creative thinking ในการรับจัดงานอีเวนต์และกิจกรรมทางการตลาด ที่แปลก แตกต่าง แหวกแนว และไม่เหมือนใคร เชื่อว่าจากทั้ง 3 ธุรกิจนี้ถึงสิ้นปีจะมีรายได้กว่า 260 ล้านบาท แบ่งเป็น Big content Big format 60-70% และที่เหลืออีก 30% มาจาก 2 ธุรกิจที่เหลือ
นายเกรียงไกรกล่าวต่อว่า ทั้ง 3 ธุรกิจที่ให้บริการครั้งนี้ มีเพียงธุรกิจที่ 3 ที่อาจจะทับซ้อนกับงานที่อินเด็กซ์ให้บริการอยู่ เพียงแต่แตกต่างกันที่ครีเอทีฟของการคิดงานเท่านั้น ซึ่งทางบริษัทฯ พร้อมที่จะใช้บริษัทนี้ต่อยอดกับธุรกิจเดิม โดยการจับมือกับพันธมิตรต่างประเทศทั้งพม่า และเวียดนาม ในการนำ 3 ธุรกิจนี้ไปทำตลาดต่อไป โดยเฉพาะรายการทีวีน่าจะเป็นธุรกิจที่บุกต่างประเทศได้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม รายได้จากบิ๊ก อีเว้นท์ จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยทำให้อินเด็กซ์รักษารายได้ไว้เท่าปีก่อนที่ 2,500 ล้านบาทได้ เนื่องจากปีนี้ไม่มีอีเวนต์ใหญ่ การรักษารายได้เท่าปีก่อนถือว่าดีมากแล้ว เพราะปีก่อนบริษัทเติบโตสูงถึง 40% ส่วนภาพตลาดอีเวนต์นั้นเชื่อว่าจะเติบโตลดลงถึง 10% จากการที่ไม่มีอีเวนต์ใหญ่ๆ นั่นเอง
นายวุฒิธร มิลินทจินดา หรือวู้ดดี้ ประธาน บริษัท วู้ดดี้เวิลด์ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางคอนเทนต์ของไทยเชื่อว่านอนาคตอันใกล้จะเป็นที่ต้องการของต่างชาติ เนื่องจากปัจจุบันเอเชียกำลังมีการพัฒนาคอนเทนต์รายการต่างๆ ขึ้นมาจนเป็นที่ยอมรับและต้องการในต่างประเทศมากขึ้น ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ส่วนไทยเชื่อว่าจะได้รับความสนใจเช่นกันในอนาคต ดังนั้นเพื่อต้องการทำให้รายการทีวีของไทยได้ก้าวสู่ระดับโลกจึงต้องมีการพัฒนารูปแบบรายการให้น่าสนใจ
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ดังนั้นทางบริษัทฯ จึงได้จับมือกับทางบริษัท วู้ดดี้เวิลด์ จำกัด ร่วมทุนก่อตั้ง บริษัท บิ๊ก อีเว้นท์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท สัดส่วนการถือหุ้น 50% เท่าๆ กัน เพื่อมุ่งให้บริการ 3 ธุรกิจ คือ 1. Big content Big format คือ การสร้างสรรค์ผลิตรายการทีวีคุณภาพ และมีมาตรฐานระดับสากล ชูวัฒนธรรมเป็นตัวหลักในการดำเนินรายการ และต่างประเทศสามารถนำฟอร์แมทรายการไปทำต่อได้ เบื้องต้นปีนี้น่าจะทำได้ 2-3 รายการ นำเสนอทุกช่องฟรีทีวี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานีว่าจะมีเวลาให้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าหลังเกิดดิจิตอลทีวี ก็จะพัฒนารายการออกมาอย่างต่อเนื่อง
2. Big Platform คือ การสร้างสรรค์งานอีเวนต์ของตัวเองขึ้นมา โดยดึงเอาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของไทย สร้างสรรค์ให้เป็นงานระดับสากล ซึ่งจะจัดขึ้นทั้งในไทย และโรดโชว์ไปต่างประเทศเป็นลำดับต่อไป โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ชาวต่างชาติ เบื้องต้นวางไว้ 2 งาน คาดว่าปลายปีนี้ถ้าทันจะได้เห็นทั้ง 2 งาน แต่อย่างน้อยจะได้เห็นแน่ 1 งาน และ 3. Big creative thinking ในการรับจัดงานอีเวนต์และกิจกรรมทางการตลาด ที่แปลก แตกต่าง แหวกแนว และไม่เหมือนใคร เชื่อว่าจากทั้ง 3 ธุรกิจนี้ถึงสิ้นปีจะมีรายได้กว่า 260 ล้านบาท แบ่งเป็น Big content Big format 60-70% และที่เหลืออีก 30% มาจาก 2 ธุรกิจที่เหลือ
นายเกรียงไกรกล่าวต่อว่า ทั้ง 3 ธุรกิจที่ให้บริการครั้งนี้ มีเพียงธุรกิจที่ 3 ที่อาจจะทับซ้อนกับงานที่อินเด็กซ์ให้บริการอยู่ เพียงแต่แตกต่างกันที่ครีเอทีฟของการคิดงานเท่านั้น ซึ่งทางบริษัทฯ พร้อมที่จะใช้บริษัทนี้ต่อยอดกับธุรกิจเดิม โดยการจับมือกับพันธมิตรต่างประเทศทั้งพม่า และเวียดนาม ในการนำ 3 ธุรกิจนี้ไปทำตลาดต่อไป โดยเฉพาะรายการทีวีน่าจะเป็นธุรกิจที่บุกต่างประเทศได้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม รายได้จากบิ๊ก อีเว้นท์ จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยทำให้อินเด็กซ์รักษารายได้ไว้เท่าปีก่อนที่ 2,500 ล้านบาทได้ เนื่องจากปีนี้ไม่มีอีเวนต์ใหญ่ การรักษารายได้เท่าปีก่อนถือว่าดีมากแล้ว เพราะปีก่อนบริษัทเติบโตสูงถึง 40% ส่วนภาพตลาดอีเวนต์นั้นเชื่อว่าจะเติบโตลดลงถึง 10% จากการที่ไม่มีอีเวนต์ใหญ่ๆ นั่นเอง