xs
xsm
sm
md
lg

101 ปฏิบัติการพลิกชีวิต ตอนที่ 42 "ชีวิตหลังเกษียณ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

     ถ้าการทำงานคือการก้าวย่างสู่โลกใหม่ของเด็กที่เพิ่งจบการศึกษา ชีวิตหลังเกษียณก็คงจะเป็นการก้าวสู่โลกใหม่อีกโลกหนึ่งเหมือนกันสำหรับคนที่มีอายุ 60 ปี และกำลังจะเดินไปถึงจุดนั้นในปลายเดือนกันยายนที่จะมาถึงนี้     
 
     มีใครสักคนบอกไว้ว่า บางครั้งแรงบันดาลใจเล็กๆอาจนำมาซึ่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ขอเพียงคุณกล้าที่จะเริ่มต้นนับหนึ่งจากก้าวเล็กๆที่ละก้าว ในที่สุดมันอาจนำมาซึ่งสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตของคุณและอีกหลายๆคน เช่นเดียวกับผม
 
     สิ่งที่ยากที่สุด ก่อนที่ผมเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงชีวิต เพื่อให้หลุดพ้นจากหายนะที่มาจากปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ คือ การเอาชนะจิตใจตัวเองให้มีความกล้า ขอเพียงอย่ากลัวที่จะเริ่มก้าวเดินออกไป ก้าวลงสู่สนาม เล่นด้วยตัวเอง
 
     ขอเพียงเปลี่ยนมุมมองของความคิด คิดบวกให้เป็น ฝันให้ยิ่งใหญ่ และศรัทธาในสิ่งนั้น ถึงแม้ระหว่างทางจะมีอุปสรรค แต่ อุปสรรคไม่ใช่ร่องรอยแห่งความล้มเหลว แต่เป็นริ้วรอยแห่งความสำเร็จ  
 
     หากคุณมุ่งมั่นในพันธะสัญญาทางจิตใจของคุณ เมื่อชีวิตของคุณก้าวเดินมาถึงจุดหนึ่ง ความสุขในชีวิตจะเกิดขึ้นเมื่อคุณมีอิสรภาพทางการเงิน และเมื่อคุณมีการวางแผนเตรียมการให้กับชีวิตมาอย่างดี คุณจะสนุกกับชีวิตหลังเกษียณ เพราะรู้แน่ชัดแล้วว่า ชีวิตของการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งชีวิต ควรจะมาถึงจุดที่จะพักผ่อน ปล่อยให้เงินที่เก็บหอมรอมริบมาอย่างมีวินัย ที่มีอยู่ใน “กองทุนเพื่อความมั่งคั่ง” เริ่มทำงานแทนเรา เพื่อช่วยให้มีชีวิตในบั้นปลายอย่างมีความสุข
 
     ต่างกับคนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่รู้จะวางตัวอย่างไร เมื่อต้องถอด “หัวโขน”ที่เคยใส่ไว้ บนตำแหน่งหน้าที่การงานในอดีต หลายคนปรับตัวเองไม่ได้ เมื่อไม่มีบริวารแวดล้อมเหมือนเมื่อก่อน พยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อไขว่คว้าหาตำแหน่งใหม่รองรับ เพราะรู้สึกตัวเองยังมีคุณค่า และกลัวที่จะไม่สนุกกับชีวิตหลังเกษียณที่ดูเหมือนเป็น”คนไร้ค่า”ในสังคม ไม่อยากกลับไปนั่งเลี้ยงหลาน หรือ ปลูกต้นไม้ เลี้ยงปลา หรือหางานอดิเรกอื่นๆทำ
 
     สำหรับคนที่ก้าวเดินมาตามเส้นทางของการเปลี่ยนแปลงชีวิต นอกเหนือไปจากการเตรียมพร้อมในเรื่องของเงินๆทองๆเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ต้องพึ่งลูกหลานจนรู้สึกเป็นภาระหรือ “กาฝาก”ของสังคมแล้ว ถ้าไม่อยากลำบาก ผมอยากแนะนำให้เตรียมความพร้อมอีก 2 เรื่องเอาไว้แต่เนิ่นๆอีกด้วย คือ เรื่องที่อยู่อาศัย และ สุขภาพ
 
     สิ่งที่หลายคนมักจะลืมนึกไปถึง คือการเตรียมความพร้อมเรื่องที่พักอาศัย เพื่อมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามวัย ซึ่งควรจะโยกย้ายมาอยู่ที่ชั้นล่างของบ้านเพื่อความสะดวก ทำให้คุณอาจจะต้องสร้างบ้าน หรือปรับปรุงบ้านใหม่ให้เรียบร้อยเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
 
     ขณะเดียวกัน ควรมีการเตรียมความพร้อมเรื่องสุขภาพ โดยมั่นใจว่า มีการเตรียมหลักประกันด้านสุขภาพเอาไว้อย่างดี ซึ่งหากไม่มีหลักประกันที่ได้รับจากภาครัฐ ก็ควรจะมีกรมธรรม์ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือ เลวร้ายที่สุดก็ต้อง มีการกันเงินบางส่วนเอาไว้เวลาฉุกเฉิน นอกเหนือจาก เงินต้นที่เราสะสมเอาไว้ในกองทุนเพื่อความมั่งคั่ง เพราะรายจ่ายที่สำคัญมากหลังเกษียณ คือ รายจ่ายในการดูแลสุขภาพ
 
     ที่สำคัญคือ คุณต้องระมัดระวังที่จะไม่ปล่อยให้มีหนี้สิน หรือ ก่อหนี้สินใหม่ๆโดยเด็ดขาด เพราะต้องไม่ลืมว่า โอกาสในการหารายได้จากการทำงานของคุณนั้นแทบจะหมดลงแล้ว คุณจึงจำเป็นต้องใช้เงินที่คุณได้ออมและลงทุนเอาไว้ทั้งหมดเพื่อเลี้ยงชีพในแต่ละเดือน และยังต้องมีเม็ดเงินเหลือมากพอที่จะปล่อยให้เงินทำงานแทนเราต่อไป 
 
     สำหรับบางคนที่เป็นอาจจะอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง จากประสบการณ์ที่หล่อหลอมมาหลายสิบปีของการทำงาน มันอาจจะทำให้ คุณยังมีคุณค่าพอที่จะมีบางองค์กรว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา หรือผันตัวเองไปเป็นอาจารย์พิเศษในสถาบันการศึกษาบางแห่ง ซึ่งนอกจากจะเป็นงานอดิเรกที่น่าสนใจแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ให้อีกทางหนึ่งด้วย
 
     บางคนอาจจะไม่ได้รับโอกาสแบบนั้น แต่หากคิดว่าตัวเองยังมีคุณค่า และอยากจะทำงานบางอย่างเพื่อตอบแทนให้กับสังคม ก็สามารถที่จะอุทิศเวลาบางส่วน เพื่อสนับสนุนองค์กรสาธารณะประโยชน์บางแห่ง ตามความถนัดของตัวเอง แต่หากเป็นคนที่ไม่ชอบสังคมก็อาจจะหันมาให้ความสนใจกับครอบครัว ลูกๆหลานๆมากขึ้น
 
     นอกเหนือไปจาก การเตรียมความพร้อมในเชิงรูปธรรม ที่เราดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับ ความพร้อมในเรื่องเงินๆทองๆแล้ว สำหรับคนสูงวัย ก็ควรเตรียมความพร้อมในด้านจิตใจเอาไว้ด้วย  
 
     การเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้มีความสำคัญมาก เพราะคงไม่มีประโยชน์อะไร ถึงแม้จะมีความพร้อมทั้งในเรื่องเงิน แต่กลับต้องเป็น ผู้สูงวัยที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวในสังคม ไม่มีทั้ง คู่ชีวิต ญาติมิตร เพื่อนฝูง และบริวาร
 
     หากเราเปรียบเทียบว่า เมื่อเราเกิดมา เรามีตัวเราเองเป็น “ทุน”ชีวิต และได้รับการหล่อหลอมอบรมดูแลมาโดยบุพพการี และครูบาอาจารย์ จนสามารถที่จะจบการศึกษาไปทำงานหาเลี้ยงชีพมาได้ จนชีวิตล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย
 
     นอกเหนือจาก สินทรัพย์ในรูปของตัวเงินหรือทรัพย์สมบัติต่างๆ ที่ทำให้เราสร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของเรา เพื่อให้มีความมั่งคั่งในชีวิตได้แล้ว สินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดที่จะติดตัวเราไปจนวันตายก็คือ สินทรัพย์ในด้านจิตใจ หรือ “บุญบารมี” ที่เราสะสมมาตลอดชีวิต จากการต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ที่เราต้องระวังรักษาไว้ให้ดี เพื่อเป็นทุนเอาไว้ใช้ในชาตินี้ หรือชาติหน้าหากมีจริง
 
     สิ่งที่อันตรายอย่างมากสำหรับบางคน โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานของภาครัฐ หรือ เอกชนก็ตาม ก็คือ “การเสียคนตอนแก่” เพราะบางครั้ง สู้สะสมความดีมาตลอดชีวิตของการทำงาน แต่เมื่อถึงบั้นปลายของชีวิต เนื่องจากไม่ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องเงินๆทองๆเอาไว้ดีพอ ก็อาจจะตัดสินใจผิดๆ ทำร้ายชื่อเสียงของตัวเองลงไป เพียงเพราะหวังใน“ลาภ ยศ สรรเสริญ” ที่เป็นเพียง “มายา”ทำให้หลายคนอาจจะต้องสูญเสียชื่อเสียงในช่วงบั้นปลายของการทำงานอย่างน่าเสียดาย
 
     สำหรับคนที่ยังไม่เกษียณอายุ แต่เหลือเวลาอีกไม่มากนัก นอกเหนือจากการเตรียมพร้อมในการสร้างความมั่งคั่งในเรื่องเงินๆทองๆ เพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงินในช่วงบั้นปลายของชีวิตแล้ว อย่าลืมสร้างความมั่งคั่งให้กับจิตใจตัวเอง โดยการทำหน้าที่ของแต่ละคนให้ดีที่สุด เพื่อฝากผลงานของตัวเองเอาไว้ให้คนข้างหลังเขาได้กล่าวถึงอย่างชื่นชม ดีกว่าที่จะให้ใครต่อใครเขาสาปแช่งตามหลัง
 
     การสะสมความดี ทั้ง คิดดี พูดดี และ กระทำดี ย่อมทำให้ เราเป็นที่รักของทุกๆคนที่ ยังไม่สายจนเกินไป หากจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองในเรื่องนี้ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมเรื่องเงินๆทองๆตั้งแต่วันนี้ ถึงแม้จะไม่มีใครมาตัดสิน แต่เราก็สามารถรับรู้ด้วยใจตัวเองเมื่อวันนั้นมาถึง
 
     บางครั้งอิสรภาพทางการเงินที่เราได้มา อาจจะไม่มีความหมายเลย หากเรายังไม่สามารถจะก้าวไปถึงการมี อิสรภาพทางจิตใจ ที่สามารถปล่อยวางได้อย่างมีความสุข จริงไหมครับ!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น