ส่งออก ม.ค.ประเดิมโต 16.09% แต่นำเข้าพุ่งแรง 40.87% ทำขาดดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ “วัชรี” เผยเป็นเพราะนำเข้าทองคำ-เครื่องบินเพิ่ม หากหักออกจะขาดดุลแค่ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ยันไม่น่าห่วง เชื่อเป็นการนำเข้าวัตถุดิบ สินค้าทุนมาผลิต มั่นใจทั้งปีโต 8-9%
นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือน ม.ค. 2556 มีมูลค่า 18,269 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.09% การนำเข้ามีมูลค่า 23,755.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 40.87% ทำให้ขาดดุลการค้า 5,486.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการส่งออกในเดือน ม.ค.ที่ขยายตัวได้ดีและมีมูลค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.ปีที่ผ่านๆ มา แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการส่งออกเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และคาดว่าไตรมาส 1 ปีนี้ การส่งออกจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่าการส่งออกเฉลี่ยทั้งปี 2556 จะเป็นไปตามเป้าหมาย คือขยายตัว 8-9% มูลค่า 247,000-250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนการขาดดุลการค้าที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น หากหักการนำเข้าสินค้าเครื่องบินที่มีมูลค่านำเข้าสูงถึง 600 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้าทองคำที่มีมูลค่า 2,700 พันล้านเหรียญสหรัฐ การขาดดุลการค้าจะเหลือเพียง 2,150 ล้านเหรียญสหรัฐ และในจำนวนนี้พบว่าส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้ากลุ่มทุนและวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตสินค้า การขาดดุลการค้าจึงไม่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นการนำเข้าเพื่อการส่งออกในอนาคต อีกทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่าก็มีส่วนทำให้มีการนำเข้าสู่ขึ้น
สำหรับตลาดส่งออกที่สำคัญ พบว่าตลาดหลัก เพิ่มขึ้น 15.5% โดยญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 7.3% สหรัฐฯ 16.7% สภาพยุโรปเดิม 15 ประเทศ 24.5% ตลาดศักยภาพสูง เพิ่มขึ้น 22.2% โดยอาเซียน (9ประเทศ) 18% จีน 19.4% เอเชียใต้ 7.9% เฉพาะอินเดียเพิ่มขึ้น 5.9% ฮ่องกง 74.1% เกาหลีใต้ 24.7% ส่วนตลาดอื่นๆ ภาพรวมลดลง 73.4% โดยสวิสเซอร์แลนด์ลดลง 88.5%
ส่วนสินค้าส่งออกที่สำคัญ พบว่า หมวดสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 7.2% โดยสินค้าข้าวเพิ่มขึ้น 31.3% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 26.5% อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป 17.1% ขณะที่สินค้ายางพาราลดลง 2.7% น้ำตาลลดลง 36.6% หมาวดสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ เพิ่มขึ้น 20.9% โดยเครื่องอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น 20.8% เครื่องใช้ไฟฟ้า 20.5% ยานยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ 40.3% เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก 22.8% สิ่งทอ 12.8% วัสดุก่อสร้าง 103% ขณะที่สินค้าส่งออกลดลง ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับลดลง 53.1% แยกเป็นทองคำยังไม่ขึ้นรูป ลดลง 94.9% อัญมณี-ทองคำ เพิ่มขึ้น 15.3%
ทางด้านการนำเข้าในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ได้แก่ หมวดเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้น 61% แบ่งเป็น น้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 42.4% น้ำมันสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 135.1% ก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 190.6% มวดสินค้าทุน เพิ่มขึ้น 36.4% แบ่งเป็น เครื่องจักร 18.7% เครื่องจักรไฟฟ้า 27.5% เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ 35.8% หมวดวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 37.4% แบ่งเป็น เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ เพิ่มขึ้น 112% เฉพาะทองคำเพิ่มขึ้น 132.9% เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เพิ่มขึ้น 13.9% เคมีภัณฑ์ 23.1% หมวดอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 22.7% แบ่งเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 6.5% ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม 23.7% หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง เพิ่มขึ้น 70.3% แบ่งเป็น ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์เพิ่มขึ้น 76.4% รถยนต์นั่ง 48.9% รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก เพิ่มขึ้น 32% หมวดอาวุธ ยุทธปัจจัยและสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น 87.8%
นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือน ม.ค. 2556 มีมูลค่า 18,269 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.09% การนำเข้ามีมูลค่า 23,755.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 40.87% ทำให้ขาดดุลการค้า 5,486.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการส่งออกในเดือน ม.ค.ที่ขยายตัวได้ดีและมีมูลค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.ปีที่ผ่านๆ มา แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการส่งออกเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และคาดว่าไตรมาส 1 ปีนี้ การส่งออกจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่าการส่งออกเฉลี่ยทั้งปี 2556 จะเป็นไปตามเป้าหมาย คือขยายตัว 8-9% มูลค่า 247,000-250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนการขาดดุลการค้าที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น หากหักการนำเข้าสินค้าเครื่องบินที่มีมูลค่านำเข้าสูงถึง 600 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้าทองคำที่มีมูลค่า 2,700 พันล้านเหรียญสหรัฐ การขาดดุลการค้าจะเหลือเพียง 2,150 ล้านเหรียญสหรัฐ และในจำนวนนี้พบว่าส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้ากลุ่มทุนและวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตสินค้า การขาดดุลการค้าจึงไม่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นการนำเข้าเพื่อการส่งออกในอนาคต อีกทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่าก็มีส่วนทำให้มีการนำเข้าสู่ขึ้น
สำหรับตลาดส่งออกที่สำคัญ พบว่าตลาดหลัก เพิ่มขึ้น 15.5% โดยญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 7.3% สหรัฐฯ 16.7% สภาพยุโรปเดิม 15 ประเทศ 24.5% ตลาดศักยภาพสูง เพิ่มขึ้น 22.2% โดยอาเซียน (9ประเทศ) 18% จีน 19.4% เอเชียใต้ 7.9% เฉพาะอินเดียเพิ่มขึ้น 5.9% ฮ่องกง 74.1% เกาหลีใต้ 24.7% ส่วนตลาดอื่นๆ ภาพรวมลดลง 73.4% โดยสวิสเซอร์แลนด์ลดลง 88.5%
ส่วนสินค้าส่งออกที่สำคัญ พบว่า หมวดสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 7.2% โดยสินค้าข้าวเพิ่มขึ้น 31.3% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 26.5% อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป 17.1% ขณะที่สินค้ายางพาราลดลง 2.7% น้ำตาลลดลง 36.6% หมาวดสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ เพิ่มขึ้น 20.9% โดยเครื่องอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น 20.8% เครื่องใช้ไฟฟ้า 20.5% ยานยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ 40.3% เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก 22.8% สิ่งทอ 12.8% วัสดุก่อสร้าง 103% ขณะที่สินค้าส่งออกลดลง ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับลดลง 53.1% แยกเป็นทองคำยังไม่ขึ้นรูป ลดลง 94.9% อัญมณี-ทองคำ เพิ่มขึ้น 15.3%
ทางด้านการนำเข้าในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ได้แก่ หมวดเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้น 61% แบ่งเป็น น้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 42.4% น้ำมันสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 135.1% ก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 190.6% มวดสินค้าทุน เพิ่มขึ้น 36.4% แบ่งเป็น เครื่องจักร 18.7% เครื่องจักรไฟฟ้า 27.5% เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ 35.8% หมวดวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 37.4% แบ่งเป็น เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ เพิ่มขึ้น 112% เฉพาะทองคำเพิ่มขึ้น 132.9% เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เพิ่มขึ้น 13.9% เคมีภัณฑ์ 23.1% หมวดอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 22.7% แบ่งเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 6.5% ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม 23.7% หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง เพิ่มขึ้น 70.3% แบ่งเป็น ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์เพิ่มขึ้น 76.4% รถยนต์นั่ง 48.9% รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก เพิ่มขึ้น 32% หมวดอาวุธ ยุทธปัจจัยและสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น 87.8%
