xs
xsm
sm
md
lg

Good Morning News 11/02/56

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



  • บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณสำหรับช่วง 7 ปีข้างหน้าแล้ว โดยร่างงบประมาณปี 2557-2563 ของ 27 ชาติสมาชิกยุโรป ได้กำหนดให้มีการจำกัดรายจ่ายที่ 9.59 แสนล้านยูโร ลดลงจากข้อเสนอเดิมที่ 1.04 ล้านล้านยูโร และน้อยกว่าวงเงิน 9.94 แสนล้านยูโรในงบประมาณฉบับปัจจุบัน ถ้าหากร่างงบประมาณนี้ได้รับอนุมัติจากรัฐสภายุโรป จะถือเป็นการลดรายจ่ายลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการจัดทำงบประมาณของกลุ่มอียูขึ้น


  • การส่งออกของเยอรมนีในเดือนธ.ค.55 เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือนก่อนหน้า แต่หดตัวลง 6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลอดปี 55 มูลค่าการส่งออกของเยอรมนีขยายตัว 3.4% อยู่ที่ 1.097 ล้านล้านยูโร เป็นสถิติสูงสุดใหม่เนื่องจากเยอรมนีสามารถส่งออกไปประเทศนอกภูมิภาคยุโรปได้ดีขึ้น ช่วยชดเชยผลกระทบจากการส่งออกที่ลดลงกับประเทศในยูโรโซน


  • ก.พาณิชย์สหรัฐรายงานยอดขาดดุลการค้าเดือนธ.ค.55 ปรับตัวลดลงมากกว่าที่ตลาดคาด เป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี โดยยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 20.7% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 3.85 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากยอดนำเข้าปิโตรเลียมลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ในขณะที่มูลค่าการส่งออกปิโตรเลียมทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้ยอดขาดดุลการค้าตลอดทั้งปี 55 ลดลง 3.5% จากปี 54 อยู่ที่ระดับ 5.4 แสนล้านดอลลาร์


  • นายคิคูโอะ อิตาวา หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เรียกร้องให้ธนาคารกลางเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านนโยบายการเงินให้สนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% และป้องกันการแข็งค่าของเงินเยนขึ้นอีกรอบ ทั้งนี้ นายอิตาวาเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่คาดว่าจะได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการฯธนาคารกลางแทนนายมาซาอากิ ชิรากาวา ซึ่งจะลาออกจากตำแหน่งในเดือนมีนาคมนี้


  • รมต.การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเสนอให้ความช่วยเหลือแก่ซาอุดิอาระเบียในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในประเทศ ทั้งนี้ซาอุดิอาระเบียมีแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายแห่งเพื่อตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและเพื่ออนุรักษ์แหล่งทรัพยากรน้ำมัน โดยคาดว่าจะก่อสร้างเตาปฏิกรณ์จำนวน 16 แห่งภายในปี 2573 เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการไฟฟ้า 20% ของปริมาณการใช้ทั้งหมด


  • จีนแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นประเทศผู้ค้า (ยอดส่งออกรวมกับยอดนำเข้า) รายใหญ่ที่สุดของโลกเป็นครั้งแรกในปี 55 โดยการค้าของจีนมีมูลค่าทั้งสิ้น 3.867 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.2% จากปีก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการค้ารวมของสหรัฐอยู่ที่ 3.863 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3.5%


  • สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.56 ขยายตัว 2.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนธ.ค.55 ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.ปรับตัวลง 1.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากที่ลดลง 1.9% ในเดือนธ.ค. บ่งชี้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนกำลังเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ


  • ธนาคารกลางจีนได้มอบหมายให้ธนาคารอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ICBC) สาขาสิงคโปร์ทำหน้าที่เป็นเคลียริ่ง แบงก์ สำหรับการทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินหยวนในสิงคโปร์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้สิงคโปร์พัฒนาประเทศสู่การเป็นศูนย์ซื้อขายเงินหยวนในต่างประเทศ นอกจากสิงคโปร์แล้ว ยังมีฮ่องกงและลอนดอนที่พยายามจะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางเงินหยวนในต่างประเทศเช่นกัน


  • ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีและเงินเฟ้อลง โดยคาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 56 จะอยู่ที่ 2.5% ต่ำกว่าการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าเมื่อเดือนพ.ย.ที่ 2.75% ส่วนอัตราเงินเฟ้อ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3% จนถึงเดือนมิ.ย. 56 ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าที่ 3.25% โดยปัจจัยที่ทำให้ปรับลดการคาดการณ์ครั้งนี้เนื่องจากการลงทุนนอกธุรกิจเหมืองยังคงไม่มีความชัดเจน ตลาดแรงงานที่อ่อนตัว และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย


  • ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ได้ให้คำมั่นที่จะช่วยเหลือพม่าในด้านการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในแง่ของเทคโนโลยี การเงิน การสื่อสาร และพลังงาน ซึ่งประกอบด้วย การพัฒนาพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำในพม่าซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญ การใช้ประโยชน์น้ำจืดจากแม่น้ำ 3 สายหลักของพม่า การเก็บกักน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้า การก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างอินเดีย-พม่า-ไทย รวมทั้งการก่อสร้างสะพามข้ามแม่น้ำโขงระหว่างลาว-พม่า เป็นต้น• ก.พาณิชย์เปิดเผยนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าไทยปี 2556 ใน 6 ด้าน ได้แก่ 1.ดูแลค่าครองชีพ ด้วยโครงการธงฟ้ามากขึ้น 2.ยกระดับราคาสินค้าเกษตรด้วยโครงการจำนำข้าว 3.ส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ในภาวะที่ค่าแรงปรับขึ้นเป็น 300 บาท 4.สนับสนุนสินค้าศิลปหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) สู่สากล 5.ผลักดันและสร้างความเชื่อมั่นการส่งออก 6.ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในตลาดอาเซียน โดยจัดตั้งศูนย์ AEC เพื่อให้บริการทั้งในด้านข้อมูล คำแนะนำ และแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาด AEC


  • ไทยและสาธารณรัฐโมซัมบิกเตรียมลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านพลังงาน (MOU) ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า โดยกลุ่ม ปตท. และกฟผ. จะศึกษาการลงทุนสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) โรงไฟฟ้า และโรงงานปิโตรเคมีในโมซัมบิก และส่งกลับมาเป็นวัตถุดิบของไทย ส่วนฝ่ายไทยจะให้ความช่วยเหลือในการช่วยพัฒนาบุคลากรด้านพลังงานให้แก่โมซัมบิก ปัจจุบันโมซัมบิก มีปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองสุงสุดในโลกที่ 60 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และมีการใช้ก๊าซฯ 8 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน




  • SET Index ปิดตลาดที่ 1,497.30 จุด ลดลง 2.51 จุด หรือ -0.17% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 56,717 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,569 ล้านบาท ยังคงขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ชะลอตัวลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียและยุโรปตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นได้แก่ กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ส่วนหุ้นมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ (Big Cap) ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง




  • Marc Faber ให้สัมภาษณ์ โดยเขาคิดว่าราคาทองคำจะขึ้นในระยะยาวเนื่องจาก1. ฐานเงิน (Monetary base) ในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 10 เท่าตั้งแต่ปี 1990 และน่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ถึงจุดหนึ่งจะต้องทำให้เกิดเงินเฟ้อขึ้นไม่ว่าจะเป็น Consumer price หรือ Investment Assets price ถ้าเทียบกับฐานเงินที่เพิ่มขึ้นแล้ว ราคาทองคำ ณ ตอนนี้ก็ไม่ได้ถือว่าแพง2. ในภาวะเงินฝืด ทองคำจะถูกเทขายอย่างหนัก แต่ด้วยนโยบายขยายฐานเงินของธนาคารกลางจะไม่ทำให้เกิดภาวะเงินฝืด และนโยบายดังกล่าวไม่น่าจะสิ้นสุดลงในทันทีทันใด3. เหตุการณ์ที่ทองคำถูกขายหนักอย่างในช่วง 1980s และ 1990s นั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก เพราะระดับ Real Interest rates ในช่วงนั้นสูงมาก ในขณะที่ปัจจุบันนี้ Real Interest rates ติดลบ และน่าจะ ติดลบไปอีกนาน


ถ้าราคาทองคำลงต่อ Marc Faber บอกว่าเขาจะไม่ขายทองคำแต่จะรอซื้อเพิ่ม เพราะแนวทางการลงทุนของเขาจะกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ 4 อย่าง อย่างละ 25% เท่าๆ กัน คือ หุ้น พันธบัตรและเงินสด ทองคำ และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการกระจายสินทรัพย์แบบนี้ ช่วงเวลาที่หุ้นและอสังหาฯ ราคาขึ้น ทองคำและพันธบัตรมักจะราคาลง ในทางกลับกัน ถ้าหุ้นและอสังหาฯ ราคาลง ราคาทองคำและพันธบัตรมักจะขึ้น จึงเป็นการจัดพอร์ตที่ hedge ความเสี่ยงของราคาไปในตัว และเขาเชื่อว่า ถ้าราคาทองคำลดลงอีก $50-100/oz. จะถือว่าถูกขายมากเกินไป และจะรอซื้อเพิ่ม

  • Mark Mobius เชื่อว่า ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อาจจะเป็นขาขึ้นได้ในระยะยาว เนื่องจากความต้องการสินค้าของประเทศตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องตามเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน เช่น การเพิ่มขึ้นของปริมาณรถยนต์ โลหะที่ใช้ในการจับสารพิษเพื่อไม่ให้ปล่อยไปในอากาศ (Catalytic Converter) อย่าง Platinum หรือ Palladium น่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นมาก หรือการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์นั้นต้องใช้ทองแดงเพื่อเป็นส่วนประกอบในสายไฟ เป็นต้น ในขณะที่ด้าน Supply นั้นกลับหายากมากขึ้นหรือมีต้นทุนในการนำมาใช้ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าแรง ค่าสัมปทาน เป็นต้น ดังนั้น เมื่อเกิดความไม่สมดุลระหว่าง Demand-Supply จึงทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีโอกาสปรับขึ้นได้ในระยะยาว


   สำหรับโลหะทองคำ Mark Mobius เชื่อว่าราคาทองคำมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ ด้วยผลจากนโยบายอัดฉีดเม็ดเงิน ความนิยมที่เพิ่มขึ้นจากประชาชนในประเทศตลาดเกิดใหม่นิยมเก็บสะสมทองคำเพื่อเป็นการรักษา Wealth ของตนเอง รวมทั้งยังมีการซื้อเก็บจากธนาคารกลางต่างๆ ด้วย
   สรุป ตราบเท่าที่ประเทศตลาดเกิดใหม่อย่าง จีน หรืออินเดีย ยังมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เชื่อได้ว่าความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทุกชนิดจะปรับขึ้นด้วยกันทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่าความต้องการสินค้านั้นๆ มันเพิ่มขึ้นด้วยหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น