แม่บ้านร้องจ๊าก! รายวัน ล่าสุดหมูขยับเพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 140 บาทแล้ว แถมมีโอกาสขึ้นถึง 150 บาทแน่หลังจำนวนหมูลด ต้นทุนเลี้ยงพุ่ง ต้องขึ้นราคาหมูเป็น ชี้พาณิชย์เบรกราคาอาหารหมูขึ้น แต่ความจริงคุมไม่ได้ หนักไปกว่านั้น ไข่ไก่ขยับราคาซ้ำอีก “วิบูลย์ลักษณ์” ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจตลาด ขู่หากขายเกินราคาแนะนำฟันไม่เลี้ยง
นายกิดดิวงศ์ สมบุญธรรม ที่ปรึกษาผู้ประกอบการเลี้ยงสุกรอาเซียน เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาเนื้อหมูยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้อีกไปจนถึงเทศกาลตรุษจีน โดยขณะนี้ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มอยู่ที่ กก.ละ 65 บาท และอาจจะปรับขึ้นอีก กก.ละ 5 บาท ไปเป็น กก.ละ 70 บาท ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายหมูเนื้อแดงตามตลาดสดปรับขึ้นอีก 10 บาท จาก กก.ละ 130 บาท เป็น 140 บาท ส่วนราคาเนื้อหมูที่บางตลาดพุ่งไปถึง กก.ละ 150 บาท หากไม่ใช่เนื้อหมูสันใน หรือหมูคุณภาพสูงถือว่าเป็นการฉวยขึ้นราคาเกินจริง จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลไม่ให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภค
สาเหตุที่ราคาเนื้อหมูปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาจากหลายปัจจัย ทั้งปริมาณเนื้อหมูที่ออกสู่ตลาดมีปริมาณลดลงหลังจากเกิดปัญหาโรคระบาดตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.ปีที่แล้ว ส่งผลให้ผลผลิตเนื้อหมูที่ออกมาขณะนี้ต่ำกว่าความต้องการผู้บริโภค 5-10% หรือมีหมูออกมาเฉลี่ยวันละ 4 หมื่นกว่าตัว ประกอบกับใกล้ถึงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นฤดูกาลที่หมูราคาขึ้นเนื่องจากต้องนำไปประกอบเป็นเครื่องเซ่นไหว้จำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากต้นทุนการเลี้ยงของเกษตรกรเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม กก.ละ 59-60 บาท เพิ่มเป็น กก. 62 บาท เพราะต้นทุนอาหารเลี้ยงหมูปรับขึ้นตั้งแต่จากปลายปีที่แล้ว จากเดิมเฉลี่ย กก.ละ 10-11 บาท เพิ่มเป็น กก.ละ 12-13 บาท หลังจากกากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งราคาอาหารสัตว์ที่ปรับเพิ่มขึ้น กก.ละ 1 บาท จะทำให้ต้นทุนการเลี้ยงหมูเป็นเพิ่มตัวละ 300 บาท
“ที่กรมการค้าภายในออกมาให้ข้อมูลว่าผู้ผลิตอาหารสัตว์จะตรึงราคาอาหารเลี้ยงหมูออกไปเพื่อช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรนั้นยังไม่ได้ผล เพราะแม้ราคาตั้งหรือราคาหน้าถุงจะไม่ปรับขึ้น แต่ราคาในตลาดที่ซื้อขายกันจริงปรับขึ้นไปแล้ว 3-10%” นายกิดดิวงศ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ราคาหมูเนื้อแดง (เนื้อไหล่และสะโพก) ตามตลาดสดกรุงเทพฯ และปริมณฑล และในต่างจังหวัด เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ กก.ละ 135-140 บาท สูงกว่าราคาแนะนำที่กรมการค้าภายในกำหนดไว้ให้ขายไม่เกิน กก.ละ 119 บาท หรือแม้แต่ในห้างค้าปลีกรายใหญ่ที่กรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือให้จำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก ก็มีราคาสูงขึ้นเกินกว่าราคาแนะนำทั้งนั้น
ทั้งนี้ จากการสำรวจยังพบว่า ราคาไข่ไก่ได้ปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยไข่ไก่เบอร์ 3 อยู่ที่ฟองละ 3.15-3.25 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วง 2-3 วันก่อนอยู่ที่ 3.05-3.15 บาท ไข่ไก่เบอร์ 2 อยู่ที่ฟองละ 3.3-3.4 บาท เพิ่มจาก 3.2-3.3 บาท ส่วนไข่ไก่เบอร์ 0 อยู่ที่ฟองละ 3.8-3.9 บาท เพิ่มจาก 3.7-3.8 บาท
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสำรวจราคาหมูในตลาดที่มีการร้องเรียนว่าจำหน่ายเกินกว่าราคาแนะนำที่กรมฯ กำหนด หากพบว่ามีการจำหน่ายเกินราคาจะมีการตักเตือนก่อน แต่หากยังทำผิดซ้ำขายเกินราคาแนะนำที่กรมฯ กำหนด จะใช้มาตรการกฎหมายเข้าจัดการ มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542
“ราคาเนื้อหมูมีการปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มที่ต้องเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้เกษตรกรขาดทุน แต่หากเป็นเนื้อหมูส่วนไหล่และสะโพกไม่ตัดแต่งราคาจะไม่เกินกว่าราคาแนะนำที่กรมฯ กำหนดแน่นอน หากเกินกว่านั้นต้องไปพิจารณาว่าเป็นเนื้อหมูที่มีการตัดแต่ง ราคาอาจสูงกว่าราคาเนื้อหมูไม่ตัดแต่งประมาณ 5-10 บาท แต่หากเป็นหมูอนามัยที่มีการเลี้ยงพิเศษ ราคาจะสูงกว่าเนื้อหมูปกติเพราะไม่ได้มีการควบคุมราคา และเชื่อว่าราคาเนื้อหมูไม่น่าจะปรับขึ้นถึง กก.ละ 140 บาท ซึ่งหากเกินถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนมาก” น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว
นายกิดดิวงศ์ สมบุญธรรม ที่ปรึกษาผู้ประกอบการเลี้ยงสุกรอาเซียน เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาเนื้อหมูยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้อีกไปจนถึงเทศกาลตรุษจีน โดยขณะนี้ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มอยู่ที่ กก.ละ 65 บาท และอาจจะปรับขึ้นอีก กก.ละ 5 บาท ไปเป็น กก.ละ 70 บาท ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายหมูเนื้อแดงตามตลาดสดปรับขึ้นอีก 10 บาท จาก กก.ละ 130 บาท เป็น 140 บาท ส่วนราคาเนื้อหมูที่บางตลาดพุ่งไปถึง กก.ละ 150 บาท หากไม่ใช่เนื้อหมูสันใน หรือหมูคุณภาพสูงถือว่าเป็นการฉวยขึ้นราคาเกินจริง จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลไม่ให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภค
สาเหตุที่ราคาเนื้อหมูปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาจากหลายปัจจัย ทั้งปริมาณเนื้อหมูที่ออกสู่ตลาดมีปริมาณลดลงหลังจากเกิดปัญหาโรคระบาดตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.ปีที่แล้ว ส่งผลให้ผลผลิตเนื้อหมูที่ออกมาขณะนี้ต่ำกว่าความต้องการผู้บริโภค 5-10% หรือมีหมูออกมาเฉลี่ยวันละ 4 หมื่นกว่าตัว ประกอบกับใกล้ถึงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นฤดูกาลที่หมูราคาขึ้นเนื่องจากต้องนำไปประกอบเป็นเครื่องเซ่นไหว้จำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากต้นทุนการเลี้ยงของเกษตรกรเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม กก.ละ 59-60 บาท เพิ่มเป็น กก. 62 บาท เพราะต้นทุนอาหารเลี้ยงหมูปรับขึ้นตั้งแต่จากปลายปีที่แล้ว จากเดิมเฉลี่ย กก.ละ 10-11 บาท เพิ่มเป็น กก.ละ 12-13 บาท หลังจากกากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งราคาอาหารสัตว์ที่ปรับเพิ่มขึ้น กก.ละ 1 บาท จะทำให้ต้นทุนการเลี้ยงหมูเป็นเพิ่มตัวละ 300 บาท
“ที่กรมการค้าภายในออกมาให้ข้อมูลว่าผู้ผลิตอาหารสัตว์จะตรึงราคาอาหารเลี้ยงหมูออกไปเพื่อช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรนั้นยังไม่ได้ผล เพราะแม้ราคาตั้งหรือราคาหน้าถุงจะไม่ปรับขึ้น แต่ราคาในตลาดที่ซื้อขายกันจริงปรับขึ้นไปแล้ว 3-10%” นายกิดดิวงศ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ราคาหมูเนื้อแดง (เนื้อไหล่และสะโพก) ตามตลาดสดกรุงเทพฯ และปริมณฑล และในต่างจังหวัด เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ กก.ละ 135-140 บาท สูงกว่าราคาแนะนำที่กรมการค้าภายในกำหนดไว้ให้ขายไม่เกิน กก.ละ 119 บาท หรือแม้แต่ในห้างค้าปลีกรายใหญ่ที่กรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือให้จำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก ก็มีราคาสูงขึ้นเกินกว่าราคาแนะนำทั้งนั้น
ทั้งนี้ จากการสำรวจยังพบว่า ราคาไข่ไก่ได้ปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยไข่ไก่เบอร์ 3 อยู่ที่ฟองละ 3.15-3.25 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วง 2-3 วันก่อนอยู่ที่ 3.05-3.15 บาท ไข่ไก่เบอร์ 2 อยู่ที่ฟองละ 3.3-3.4 บาท เพิ่มจาก 3.2-3.3 บาท ส่วนไข่ไก่เบอร์ 0 อยู่ที่ฟองละ 3.8-3.9 บาท เพิ่มจาก 3.7-3.8 บาท
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสำรวจราคาหมูในตลาดที่มีการร้องเรียนว่าจำหน่ายเกินกว่าราคาแนะนำที่กรมฯ กำหนด หากพบว่ามีการจำหน่ายเกินราคาจะมีการตักเตือนก่อน แต่หากยังทำผิดซ้ำขายเกินราคาแนะนำที่กรมฯ กำหนด จะใช้มาตรการกฎหมายเข้าจัดการ มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542
“ราคาเนื้อหมูมีการปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มที่ต้องเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้เกษตรกรขาดทุน แต่หากเป็นเนื้อหมูส่วนไหล่และสะโพกไม่ตัดแต่งราคาจะไม่เกินกว่าราคาแนะนำที่กรมฯ กำหนดแน่นอน หากเกินกว่านั้นต้องไปพิจารณาว่าเป็นเนื้อหมูที่มีการตัดแต่ง ราคาอาจสูงกว่าราคาเนื้อหมูไม่ตัดแต่งประมาณ 5-10 บาท แต่หากเป็นหมูอนามัยที่มีการเลี้ยงพิเศษ ราคาจะสูงกว่าเนื้อหมูปกติเพราะไม่ได้มีการควบคุมราคา และเชื่อว่าราคาเนื้อหมูไม่น่าจะปรับขึ้นถึง กก.ละ 140 บาท ซึ่งหากเกินถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนมาก” น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว