“สรจักร” รับข้อเสนอสหภาพฯ การบินไทยปรับขึ้นเบี้ยขยันเป็น 500 ล้านบาท พร้อมเปิดข้อมูลตัวเลขผลประกอบการให้ดู แต่ต้องรอลุ้นบอร์ดประชุม 8 ก.พ.พร้อมกับปรับเงินเดือน ด้านสหภาพฯ ยัน “อำพน” ต้องลาออกจากประธานบอร์ด ยันประท้วงอีกหาก 8 ก.พ.ไม่มีอะไรคืบหน้า พร้อมกดดันลดเบี้ยประชุมและปันผลบอร์ดเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายบริษัทและหันมาให้ความสำคัญต่อพนักงานที่ทำงานหนัก ด้านสรจักรยันมีแผนรองรับหากเกิดเหตุประท้วงซ้ำ ยันจะไม่กระทบผู้โดยสารอีก
นายสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับสหภาพแรงงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมาว่า สหภาพฯ ได้รับทราบตัวเลขผลประกอบการของการบินไทยในปี 2555 และรางวัลจัดสรรเงินประจำปีแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้เนื่องจากยังไม่ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยในการหารือทางสหภาพฯ ได้เรียกร้องให้ฝ่ายบริหารเพิ่มวงเงินเบี้ยขยันให้พนักงานทั้ง 26,000 คน จากที่คณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทยอนุมัติไว้ที่ 200 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท ซึ่งทางฝ่ายบริหารรับนำข้อเสนอบอร์ดพิจารณาต่อไป แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับบอร์ดว่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้หรือไม่
“ตอนนี้ตอบไม่ได้ว่าจะสามารถนำเรื่องเข้าที่ประชุมบอร์ดครั้งต่อไปได้เลยหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของนายอำพน กิตติอำพน ประธานบอร์ดจะพิจารณา แต่สหภาพฯ ต้องการให้นำเข้าเลย ซึ่งเบี้ยขยันการบินไทยจะให้พนักงานเป็นประจำทุกปี โดยบางปีประมาณ 200 ล้านบาท บางปี 300 ล้านบาท โดยตามปกติจะให้แต่ละหน่วยธุรกิจของการบินไทยเป็นคนพิจารณาให้พนักงานในแต่ละหน่วยโดยคิดคำนวณจากการจัดทำตัวชี้วัด (KPI) ในการทำงานของแต่ละคนเป็นหลัก และจะเกลี่ยให้แก่พนักงานทุกคน ซึ่งฝ่ายบริหารจะต้องคำนวณตัวเลขที่จะจ่ายให้พนักงานทุกคนก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด” นายสรจักรกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของเงินเดือนให้ปรับเพิ่ม 7.5% ตามที่ตกลงกันไว้ โดยให้เฉพาะพนักงานในระดับ 1-7 เท่านั้น โดยยืนยันว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินปันผลที่จะต้องให้ผู้ถือหุ้น และได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวไปแล้ว แต่จะกระทบกระแสเงินสดบ้างเท่านั้นเอง ขณะที่การเอาผิดพนักงานที่หยุดประท้วงนั้น ได้มีการตกลงกันไว้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 19 มกราคมที่ผ่านมาแล้วว่าถ้ากลับเข้าทำงานตามปกติในวันอาทิตย์ที่ 20 มกราคมจะไม่มีการลงโทษกัน แต่หากในอนาคตมีอะไรที่มากกว่าที่ตกลงกันไว้อีกก็ค่อยพิจารณาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทางสหภาพฯ ได้รับปากกับฝ่ายบริหารว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวจนกว่าจะมีการประชุมบอร์ดครั้งต่อไป ในขณะเดียวกัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ให้นโยบายว่า หากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นอีก ทางฝ่ายบริหารต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ ซึ่งมาตรการรองรับนั้นมีอยู่แล้ว เช่น พนักงานในส่วน outsource และการ outsource job ด้วย ยืนยันว่าจะไม่ทำให้ผู้ใช้บริการของการบินไทยได้รับความเดือดร้อนอีก และจะดำเนินการทุกอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นในการใช้บริการการบินไทยต่อไป
“ต้องขอโทษที่ทำให้ผู้โดยสารเดือดร้อน และล่าช้าไปกว่าที่กำหนด ส่วนค่าเสียหายที่เกิดขึ้นยังตอบไม่ได้เพราะเพิ่งเกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อ 2-3 วันที่แล้วเท่านั้น โดยยืนยันว่าในเดือนกุมภาพันธุ์นี้ ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรักก็จะออกแคมเปญบางอย่างมาตอบแทนผู้โดยสารที่ยังใช้บริการการบินไทยอย่างต่อเนื่อง” นายสรจักรกล่าว
นายสรจักรกล่าวว่า ฝ่ายบริหารเข้าใจมุมมองสหภาพฯ ที่ต้องการดูแลพนักงาน และคงไม่ว่าทางสหภาพฯ เพราะอยู่ฝั่งเดียวกัน พนักงานที่มีอยู่ประมาณ 2.6 หมื่นคนถือว่ากินข้าวหม้อเดียวกัน และต้องการเห็นความเจริญของการบินไทยทั้งสิ้น โดยฝ่ายบริหารมีอำนาจแค่ไหนก็คงจะทำได้แค่นั้น ส่วนอำนาจอื่นที่มากกว่านั้นก็คงจะเป็นเรื่องของบอร์ดที่จะพิจารณาต่อไป
ด้านนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันที่ 21 มกราคมได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการสหภาพฯ ซึ่งมีมติในการเจรจากับนายสรจักร เพื่อให้ผู้บริหารชี้แจงรายได้และกำไรสุทธิของบริษัท ณ สิ้นปี 2555 มีเท่าไร เนื่องจากขณะนี้รายได้ที่บริษัทรายงานไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังไม่รวมรายได้ของไตรมาส 4/2555 จึงถือว่ารายได้และผลกำไรของบริษัทยังไม่เป็นที่สุด แต่นายอำพน ในฐานะประธานบอร์ด กลับประกาศอย่างเป็นทางการกับพนักงานว่า การบินไทยมีกำไรสุทธิที่ 7,000 ล้านบาทเทียบเท่ากับปี 2552 บริษัทจะจ่ายเงินโบนัสให้พนักงานในอัตรา 1 เดือน ส่วนเงินเดือนจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีการปรับขึ้นหรือไม่ หากขึ้นจะไม่เกิน 4% ซึ่งสหภาพฯ เห็นว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเพราะขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการออกมา
โดยสหภาพฯ จะเสนอนายสรจักรให้เสนอบอร์ดปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานตามหลักเกณฑ์ของบริษัท คือ พนักงานชั้นดีทุ่มเททำงานให้องค์กร ไม่มีประวัติทำผิด ถูกตั้งคณะกรรมการสอบ ไม่ลา ไม่มาสาย และไม่ขาดงานต้องได้ปรับขึ้นเงินเดือน 7.5% โดยพนักงานเข้าใจได้ว่าบริษัทเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นดี เกณฑ์การปรับขึ้นเงินเดือนต้องผ่านมติบอร์ด หากนายอำพนยังปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวคงมีความเคลื่อนไหวในระดับที่รุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ สหภาพฯ ต้องการให้บอร์ดปรับลดโบนัสที่ต้องจ่ายให้บอร์ดจาก 0.5% ของกำไรสุทธิ เหลือ 0.2% ของผลกำไรสุทธิก็พอแล้ว เพราะอัตรา 0.5% สูงเกินไป อีกทั้งต้องการให้นายอำพนแสดงความรับผิดชอบที่นำความลับของบริษัทออกมาเปิดเผยด้วยการลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดการบินไทย และรับฟังข้อเสนอของพนักงานทั้งองค์กร เนื่องจากพนักงานทุกคนทำงานบอร์ดจึงนั่งอยู่บนเก้าอี้ได้
นายแจ่มศรีกล่าวว่า เบื้องต้นจะคุยกับพนักงานให้รอดูการทำงานของฝ่ายบริหารจนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 56 หากไม่สามารถผลักดันเรื่องเข้าที่ประชุมบอร์ดได้ก็จะรวมตัวกันประท้วงอีกครั้ง และในวันที่ 22 มกราคม เวลาประมาณ 17.00 น.จะเข้าพบนายอำพน กิตติอำพนเพื่อยื่นข้อเสนอให้ลาออกและปรับลดค่าใช้จ่ายของบอร์ดลง ยืนยันว่าการเสนอให้นายอำพนลาออกเพราะจะสร้างบรรทัดฐาน คือ ไม่มีกำไร ไม่ขึ้นเงินเดือน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะองค์กรอื่นขึ้นกันทั้งสิ้น และต้องแยกระหว่างผลประกอบการกับกำไร พนักงานดี ไม่ลา ไม่ขาด ก็ควรได้รับผลตอบแทนที่ดีด้วย
นายสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับสหภาพแรงงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมาว่า สหภาพฯ ได้รับทราบตัวเลขผลประกอบการของการบินไทยในปี 2555 และรางวัลจัดสรรเงินประจำปีแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้เนื่องจากยังไม่ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยในการหารือทางสหภาพฯ ได้เรียกร้องให้ฝ่ายบริหารเพิ่มวงเงินเบี้ยขยันให้พนักงานทั้ง 26,000 คน จากที่คณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทยอนุมัติไว้ที่ 200 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท ซึ่งทางฝ่ายบริหารรับนำข้อเสนอบอร์ดพิจารณาต่อไป แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับบอร์ดว่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้หรือไม่
“ตอนนี้ตอบไม่ได้ว่าจะสามารถนำเรื่องเข้าที่ประชุมบอร์ดครั้งต่อไปได้เลยหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของนายอำพน กิตติอำพน ประธานบอร์ดจะพิจารณา แต่สหภาพฯ ต้องการให้นำเข้าเลย ซึ่งเบี้ยขยันการบินไทยจะให้พนักงานเป็นประจำทุกปี โดยบางปีประมาณ 200 ล้านบาท บางปี 300 ล้านบาท โดยตามปกติจะให้แต่ละหน่วยธุรกิจของการบินไทยเป็นคนพิจารณาให้พนักงานในแต่ละหน่วยโดยคิดคำนวณจากการจัดทำตัวชี้วัด (KPI) ในการทำงานของแต่ละคนเป็นหลัก และจะเกลี่ยให้แก่พนักงานทุกคน ซึ่งฝ่ายบริหารจะต้องคำนวณตัวเลขที่จะจ่ายให้พนักงานทุกคนก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด” นายสรจักรกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของเงินเดือนให้ปรับเพิ่ม 7.5% ตามที่ตกลงกันไว้ โดยให้เฉพาะพนักงานในระดับ 1-7 เท่านั้น โดยยืนยันว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินปันผลที่จะต้องให้ผู้ถือหุ้น และได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวไปแล้ว แต่จะกระทบกระแสเงินสดบ้างเท่านั้นเอง ขณะที่การเอาผิดพนักงานที่หยุดประท้วงนั้น ได้มีการตกลงกันไว้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 19 มกราคมที่ผ่านมาแล้วว่าถ้ากลับเข้าทำงานตามปกติในวันอาทิตย์ที่ 20 มกราคมจะไม่มีการลงโทษกัน แต่หากในอนาคตมีอะไรที่มากกว่าที่ตกลงกันไว้อีกก็ค่อยพิจารณาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทางสหภาพฯ ได้รับปากกับฝ่ายบริหารว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวจนกว่าจะมีการประชุมบอร์ดครั้งต่อไป ในขณะเดียวกัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ให้นโยบายว่า หากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นอีก ทางฝ่ายบริหารต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ ซึ่งมาตรการรองรับนั้นมีอยู่แล้ว เช่น พนักงานในส่วน outsource และการ outsource job ด้วย ยืนยันว่าจะไม่ทำให้ผู้ใช้บริการของการบินไทยได้รับความเดือดร้อนอีก และจะดำเนินการทุกอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นในการใช้บริการการบินไทยต่อไป
“ต้องขอโทษที่ทำให้ผู้โดยสารเดือดร้อน และล่าช้าไปกว่าที่กำหนด ส่วนค่าเสียหายที่เกิดขึ้นยังตอบไม่ได้เพราะเพิ่งเกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อ 2-3 วันที่แล้วเท่านั้น โดยยืนยันว่าในเดือนกุมภาพันธุ์นี้ ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรักก็จะออกแคมเปญบางอย่างมาตอบแทนผู้โดยสารที่ยังใช้บริการการบินไทยอย่างต่อเนื่อง” นายสรจักรกล่าว
นายสรจักรกล่าวว่า ฝ่ายบริหารเข้าใจมุมมองสหภาพฯ ที่ต้องการดูแลพนักงาน และคงไม่ว่าทางสหภาพฯ เพราะอยู่ฝั่งเดียวกัน พนักงานที่มีอยู่ประมาณ 2.6 หมื่นคนถือว่ากินข้าวหม้อเดียวกัน และต้องการเห็นความเจริญของการบินไทยทั้งสิ้น โดยฝ่ายบริหารมีอำนาจแค่ไหนก็คงจะทำได้แค่นั้น ส่วนอำนาจอื่นที่มากกว่านั้นก็คงจะเป็นเรื่องของบอร์ดที่จะพิจารณาต่อไป
ด้านนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันที่ 21 มกราคมได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการสหภาพฯ ซึ่งมีมติในการเจรจากับนายสรจักร เพื่อให้ผู้บริหารชี้แจงรายได้และกำไรสุทธิของบริษัท ณ สิ้นปี 2555 มีเท่าไร เนื่องจากขณะนี้รายได้ที่บริษัทรายงานไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังไม่รวมรายได้ของไตรมาส 4/2555 จึงถือว่ารายได้และผลกำไรของบริษัทยังไม่เป็นที่สุด แต่นายอำพน ในฐานะประธานบอร์ด กลับประกาศอย่างเป็นทางการกับพนักงานว่า การบินไทยมีกำไรสุทธิที่ 7,000 ล้านบาทเทียบเท่ากับปี 2552 บริษัทจะจ่ายเงินโบนัสให้พนักงานในอัตรา 1 เดือน ส่วนเงินเดือนจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีการปรับขึ้นหรือไม่ หากขึ้นจะไม่เกิน 4% ซึ่งสหภาพฯ เห็นว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเพราะขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการออกมา
โดยสหภาพฯ จะเสนอนายสรจักรให้เสนอบอร์ดปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานตามหลักเกณฑ์ของบริษัท คือ พนักงานชั้นดีทุ่มเททำงานให้องค์กร ไม่มีประวัติทำผิด ถูกตั้งคณะกรรมการสอบ ไม่ลา ไม่มาสาย และไม่ขาดงานต้องได้ปรับขึ้นเงินเดือน 7.5% โดยพนักงานเข้าใจได้ว่าบริษัทเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นดี เกณฑ์การปรับขึ้นเงินเดือนต้องผ่านมติบอร์ด หากนายอำพนยังปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวคงมีความเคลื่อนไหวในระดับที่รุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ สหภาพฯ ต้องการให้บอร์ดปรับลดโบนัสที่ต้องจ่ายให้บอร์ดจาก 0.5% ของกำไรสุทธิ เหลือ 0.2% ของผลกำไรสุทธิก็พอแล้ว เพราะอัตรา 0.5% สูงเกินไป อีกทั้งต้องการให้นายอำพนแสดงความรับผิดชอบที่นำความลับของบริษัทออกมาเปิดเผยด้วยการลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดการบินไทย และรับฟังข้อเสนอของพนักงานทั้งองค์กร เนื่องจากพนักงานทุกคนทำงานบอร์ดจึงนั่งอยู่บนเก้าอี้ได้
นายแจ่มศรีกล่าวว่า เบื้องต้นจะคุยกับพนักงานให้รอดูการทำงานของฝ่ายบริหารจนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 56 หากไม่สามารถผลักดันเรื่องเข้าที่ประชุมบอร์ดได้ก็จะรวมตัวกันประท้วงอีกครั้ง และในวันที่ 22 มกราคม เวลาประมาณ 17.00 น.จะเข้าพบนายอำพน กิตติอำพนเพื่อยื่นข้อเสนอให้ลาออกและปรับลดค่าใช้จ่ายของบอร์ดลง ยืนยันว่าการเสนอให้นายอำพนลาออกเพราะจะสร้างบรรทัดฐาน คือ ไม่มีกำไร ไม่ขึ้นเงินเดือน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะองค์กรอื่นขึ้นกันทั้งสิ้น และต้องแยกระหว่างผลประกอบการกับกำไร พนักงานดี ไม่ลา ไม่ขาด ก็ควรได้รับผลตอบแทนที่ดีด้วย