xs
xsm
sm
md
lg

ผักไทยเฮ! อียูลดระดับตรวจเข้มหลังแทบไม่พบสารตกค้าง คาดยอดส่งออกกลับมาโตกระฉูดแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พาณิชย์” เผยอียูลดระดับความเข้มงวดตรวจสอบผักสดจากไทย หลังตรวจพบสารพิษตกค้างน้อย คาดช่วยให้ยอดส่งออกเพิ่มขึ้นแน่ ส่วนญี่ปุ่นเพิ่มคุมเข้มตรวจสอบสารพิษจากเชื้อรา-โลหะหนัก เน้นสินค้าข้าว ข้าวสาลี และข้าวบาร์เลย์

นางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการยุโรปมีมติเห็นชอบให้ลดระดับการสุ่มตรวจหาสารฆ่าแมลงตกค้างในผักกลุ่มถั่วฝักยาว มะเขือม่วง และพืชตระกูลกะหล่ำที่นำเข้าจากไทย ให้เหลือเพียง 20% ของปริมาณสินค้าทั้งล็อต จากเดิมที่สุ่มตรวจสารพิษตกค้างที่ 50% เพราะผลการสุ่มตรวจในช่วงที่ผ่านมาแทบไม่พบสารพิษตกค้างในสินค้าดังกล่าวจากไทย โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2556 เป็นต้นไป ส่วนสินค้าอื่นๆ ทั้งโหระพา และผักชี ยังคงสุ่มตรวจสอบสารพิษตกค้างที่ 20% และสุ่มตรวจเชื้อซาลโมเนลลาในโหระพา ผักชี และสะระแหน่ ที่ 10% ขณะที่พริกไทยสุ่มตรวจสารพิษตกค้างที่ 10%

ทั้งนี้ ไทยส่งออกผักสดแช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ไปยังสหภาพยุโรป (อียู) มีมูลค่าเฉลี่ย 3 ปี (ปี 2552-2554) มูลค่า 36 ล้านเหรียญสหรัฐ และการส่งออกตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. 2555 มีมูลค่า 27.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2554 ประมาณ 8.7% ซึ่งแม้มูลค่าการส่งออกจะลดลง แต่จากการที่อียูได้ปรับลดการสุ่มตรวจผักของไทย แสดงให้เห็นว่าอียูมีความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของไทย ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับต่อมาตรการดังกล่าวของอียู ที่ผ่านมาไทยได้จัดทำระบบแก้ไขปัญหาด้านศัตรูพืช โดยออกมาตรการควบคุมพิเศษระบบบัญชีรายชื่อโรงคัดบรรจุพืชผักก่อนการส่งออกไปอียู โดยล่าสุดในเดือน พ.ย. 2555 มีโรงคัดบรรจุของไทยที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของอียูแล้ว 20 ราย

นางปราณีกล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศปรับปรุงการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าธัญพืช ประกอบด้วย ข้าว ข้าวสาลี และข้าวบาร์เลย์ ซึ่งกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ค้าขายสินค้าเกษตรของรัฐเป็นผู้นำเข้า โดยได้ปรับปรุงการตรวจสอบสินค้าข้าว ประกอบด้วย การเฝ้าระวังสารพิษจากเชื้อรา และการปนเปื้อนของโลหะหนัก โดยประเทศผู้ส่งออกที่ถูกเฝ้าระวัง ได้แก่ สหรัฐฯ ไทย ออสเตรเลีย จีน และเวียดนาม

ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ตรวจพบสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงที่เกินระดับที่อนุญาตให้ใช้ได้ในข้าวจากเวียดนาม จีน พม่า และอินเดีย จึงเพิ่มการเฝ้าระวังการนำเข้าข้าวจากประเทศเหล่านี้ โดยการปรับจำนวนตัวอย่างที่จะนำไปตรวจสอบ จากเดิมกำหนดไว้ที่การนำเข้าทุก 1,000 ตัน เป็นทุก 400 ตัน และให้มีการตรวจสอบก่อนการนำเข้า แต่การปรับจำนวนตัวอย่างดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงการนำเข้าข้าวจากสหรัฐฯ ไทย และออสเตรเลีย เพราะมีความน่าเชื่อถือในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยสูง

ในปี 2554 ญี่ปุ่นนำเข้าข้าวรวม 580,946 ตัน โดยนำเข้าจากไทย ซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าสำคัญอันดับ 2 จำนวน 174,540 ตัน รองจากสหรัฐฯ ที่มีการนำเข้ารวม 335,640 ตัน และในปี 2555 (เดือน ม.ค.-ก.ย.) ญี่ปุ่นนำเข้าข้าวจากไทยแล้ว 124,620 ตัน หรือ 29.02% ของปริมาณการนำเข้าข้าวโดยรวม ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญในการเฝ้าระวังในเรื่องการปนเปื้อนของข้าวที่ส่งออกไปยังญี่ปุ่น เพื่อรักษาตลาดและเพิ่มโอกาสการขยายส่วนแบ่งตลาดข้าวนำเข้าในประเทศญี่ปุ่นอย่างยั่งยืน
กำลังโหลดความคิดเห็น