ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค.พุ่งสูงสุดรอบ 15 เดือน ได้รับอานิสงส์เศรษฐกิจโต ท่องเที่ยวบูม จับตา 3 ปัจจัยเสี่ยงฉุด การเมืองป่วน-ขึ้นค่าแรง 300-ค่าครองชีพ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ธ.ค. 2555 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และทุกรายการยังเพิ่มสูงสุดในรอบ 15 เดือน นับตั้งแต่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 80.2 เพิ่มจาก 79.1 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบัน 62.4 เพิ่มจาก 61.4 และดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต 86.1 เพิ่มจาก 85 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ 70.6 เพิ่มจาก 69.4 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางาน 71.7 เพิ่มจาก 71.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต 98.3 เพิ่มจาก 96.8
ปัจจัยบวกที่ทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับประมาณการเติบโตเศรษฐกิจในปี 2555 เพิ่มจาก 5.7% มาอยู่ที่ 5.8% และปี 2556 เติบโตที่ 4.6% รวมทั้งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยด้านท่องเที่ยว ที่คาดว่าทั้งปี 2555 จะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว 21.5 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 20 ล้านคน และมีรายได้เข้าประเทศสูงถึง 8 แสนล้านบาท ตลอดจนราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศยังทรงตัว และการส่งออกในเดือน พ.ย. 2555 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 26%
ส่วนปัจจัยลบที่บั่นทอนความเชื่อมั่นยังมาจากปัญหาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะนี้สาธารณะยุโรปที่ยังมีการฟื้นตัวไม่ชัดเจน รองลงมาเป็นความกังวลเกี่ยวกับการเลิกจ้างงานหลังมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจกลายเป็นชนวนให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองในอนาคต และปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มมีสัญญาณขาขึ้นและมีโอกาสเข้าใกล้ระดับปกติภายในสิ้นปีนี้ แต่ต้องจับตาความเสี่ยง ใน 3 ปัจจัยที่อาจกระทบให้ความเชื่อมั่นทรุดตัวลงได้ คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ประชาชนยังมีความกังวล จนทำให้ความเชื่อมั่นทางการเมืองในอนาคตลดลง รองลงมาเป็นผลกระทบต่อการขึ้นค่าแรง 300 บาท อาจทำให้โรงงานปิดกิจการจนก่อให้เกิดการว่างงาน และหางานยาก ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพ ราคาสินค้าแพงที่คนยังคงกังวลสูงอยู่
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2556 คาดว่าจะเติบโตได้ดี โดยเดิมมองว่าจะขยายได้ 4.5-5% แต่หลังจากทิศทางเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และพื้นฐานเศรษฐกิจในประเทศยังแข็งแกร่ง น่าจะทำให้จีดีพีโตเกิน 5% ได้ โดยในช่วงครึ่งปีแรกจะมีแรงสนับสนุนจากการบริโภคภายในที่ขยายตัวได้ 4-5% และการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 24 ล้านคน สร้างรายได้ 1 ล้านล้านบาทเป็นตัวขับเคลื่อน ส่วนในครึ่งปีหลังจะมีการลงทุนจากภาครัฐบาลมูลค่า 5 แสนล้านบาท รวมถึงการส่งออกที่จะฟื้นตัวเข้ามาชดเชยช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ธ.ค. 2555 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และทุกรายการยังเพิ่มสูงสุดในรอบ 15 เดือน นับตั้งแต่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 80.2 เพิ่มจาก 79.1 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบัน 62.4 เพิ่มจาก 61.4 และดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต 86.1 เพิ่มจาก 85 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ 70.6 เพิ่มจาก 69.4 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางาน 71.7 เพิ่มจาก 71.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต 98.3 เพิ่มจาก 96.8
ปัจจัยบวกที่ทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับประมาณการเติบโตเศรษฐกิจในปี 2555 เพิ่มจาก 5.7% มาอยู่ที่ 5.8% และปี 2556 เติบโตที่ 4.6% รวมทั้งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยด้านท่องเที่ยว ที่คาดว่าทั้งปี 2555 จะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว 21.5 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 20 ล้านคน และมีรายได้เข้าประเทศสูงถึง 8 แสนล้านบาท ตลอดจนราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศยังทรงตัว และการส่งออกในเดือน พ.ย. 2555 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 26%
ส่วนปัจจัยลบที่บั่นทอนความเชื่อมั่นยังมาจากปัญหาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะนี้สาธารณะยุโรปที่ยังมีการฟื้นตัวไม่ชัดเจน รองลงมาเป็นความกังวลเกี่ยวกับการเลิกจ้างงานหลังมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจกลายเป็นชนวนให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองในอนาคต และปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มมีสัญญาณขาขึ้นและมีโอกาสเข้าใกล้ระดับปกติภายในสิ้นปีนี้ แต่ต้องจับตาความเสี่ยง ใน 3 ปัจจัยที่อาจกระทบให้ความเชื่อมั่นทรุดตัวลงได้ คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ประชาชนยังมีความกังวล จนทำให้ความเชื่อมั่นทางการเมืองในอนาคตลดลง รองลงมาเป็นผลกระทบต่อการขึ้นค่าแรง 300 บาท อาจทำให้โรงงานปิดกิจการจนก่อให้เกิดการว่างงาน และหางานยาก ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพ ราคาสินค้าแพงที่คนยังคงกังวลสูงอยู่
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2556 คาดว่าจะเติบโตได้ดี โดยเดิมมองว่าจะขยายได้ 4.5-5% แต่หลังจากทิศทางเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และพื้นฐานเศรษฐกิจในประเทศยังแข็งแกร่ง น่าจะทำให้จีดีพีโตเกิน 5% ได้ โดยในช่วงครึ่งปีแรกจะมีแรงสนับสนุนจากการบริโภคภายในที่ขยายตัวได้ 4-5% และการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 24 ล้านคน สร้างรายได้ 1 ล้านล้านบาทเป็นตัวขับเคลื่อน ส่วนในครึ่งปีหลังจะมีการลงทุนจากภาครัฐบาลมูลค่า 5 แสนล้านบาท รวมถึงการส่งออกที่จะฟื้นตัวเข้ามาชดเชยช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว