ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”ลุ้นผลเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ตรวจโรงงานไก่ คาดมีข่าวดีไฟเขียวให้นำเข้าได้เร็วๆ นี้ ส่วนฟิลิปปินส์เตรียมส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจโรงงานเช่นกัน เชื่อหลังเลิกแบนไก่สดแช่แข็งไทยยอดส่งออกพุ่งแน่
นางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการผลักดันให้รัฐบาลญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เปิดตลาดไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง ให้กับไทยว่า ขณะนี้ เกาหลีใต้ได้แจ้งว่าจะจัดส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจโรงงานไก่ของไทยแล้ว และหากตรวจสอบเสร็จก็จะแจ้งผลให้ทราบต่อไป ส่วนญี่ปุ่นได้แจ้งว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาช่วงเวลาที่จะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจโรงงานไก่ของไทย แต่เชื่อว่าคงในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ การมาตรวจโรงงานไก่ของไทยดังกล่าว เป็นผลมาจากการที่กรมฯ ได้ร่วมกับกรมปศุสัตว์ ในการผลักดันให้ทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเคยเป็นตลาดส่งออกไก่สดของไทยยกเลิกการห้ามนำเข้า หลังจากที่ไทยปลอดจากไข้หวัดนก และสหภาพยุโรป (อียู) ก็ได้ยกเลิกการห้ามนำเข้าและไทยสามารถส่งออกไก่สดไปอียูได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2555
“กรมฯ เชื่อว่า ในเร็วๆ นี้คงได้รับข่าวดี เพราะจากการพูดคุยหารือ มีแนวโน้มที่ทั้ง 2 ประเทศจะยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่สดจากไทยแน่ และหากยกเลิกการห้ามนำเข้า ก็จะทำให้ไทยส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งได้เพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมา ไทยเคยส่งไก่สดไปยังญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้กว่าปีละ 1.75 แสนตัน และนำรายได้เข้าประเทศได้ปีละกว่าหมื่นล้านบาท”นางปราณีกล่าว
นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ ยังได้แจ้งว่าจะส่งคณะเจ้าหน้าที่มาตรวจโรงงานไก่แปรรูปในไทยอีกครั้งในเร็วๆ นี้ เพื่อตรวจสอบว่าโรงงานไก่แปรรูปของไทย 7 แห่งที่ฟิลิปปินส์ได้เคยเดินทางมาตรวจโรงงานไปแล้วเมื่อปี 2551 และได้รับใบรับรองสถานที่การผลิต แต่ยังไม่มีการลงนามในใบรับรองดังกล่าว ซึ่งฟิลิปปินส์จะมาตรวจว่าโรงงานดังกล่าวยังมีอยู่จริงหรือไม่ แล้วจึงจะออกประกาศให้โรงงานดังกล่าวส่งออกสินค้าไปยังฟิลิปปินส์ได้
สำหรับสถานการณ์การส่งออกไก่และผลิตภัณฑ์ของไทยในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายขยายตัวที่ 12% คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,239.68 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมีปริมาณการส่งออก 5 แสนตัน โดยในช่วง 10เดือนของปี 2555 (ม.ค.-ต.ค.) มีการส่งออกแล้วทั้งสิ้นกว่า 4.61 แสนตัน มูลค่า 1,863 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 12% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แยกเป็นไก่สดแช่แข็ง (รวมไก่หมักเกลือ) 9 หมื่นตัน และไก่แปรรูป 3.71 แสนตัน
ทั้งนี้ การส่งออกไก่สดแช่แข็ง (รวมไก่หมักเกลือ) ขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 2.5 เท่า เป็นผลมาจากประเทศที่เคยมีมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกสดจากไทย ได้ยกเลิกมาตรการแล้ว เช่น สหภาพยุโรป รัสเซีย และแอฟริกาใต้ เป็นต้น
นางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการผลักดันให้รัฐบาลญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เปิดตลาดไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง ให้กับไทยว่า ขณะนี้ เกาหลีใต้ได้แจ้งว่าจะจัดส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจโรงงานไก่ของไทยแล้ว และหากตรวจสอบเสร็จก็จะแจ้งผลให้ทราบต่อไป ส่วนญี่ปุ่นได้แจ้งว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาช่วงเวลาที่จะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจโรงงานไก่ของไทย แต่เชื่อว่าคงในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ การมาตรวจโรงงานไก่ของไทยดังกล่าว เป็นผลมาจากการที่กรมฯ ได้ร่วมกับกรมปศุสัตว์ ในการผลักดันให้ทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเคยเป็นตลาดส่งออกไก่สดของไทยยกเลิกการห้ามนำเข้า หลังจากที่ไทยปลอดจากไข้หวัดนก และสหภาพยุโรป (อียู) ก็ได้ยกเลิกการห้ามนำเข้าและไทยสามารถส่งออกไก่สดไปอียูได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2555
“กรมฯ เชื่อว่า ในเร็วๆ นี้คงได้รับข่าวดี เพราะจากการพูดคุยหารือ มีแนวโน้มที่ทั้ง 2 ประเทศจะยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่สดจากไทยแน่ และหากยกเลิกการห้ามนำเข้า ก็จะทำให้ไทยส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งได้เพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมา ไทยเคยส่งไก่สดไปยังญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้กว่าปีละ 1.75 แสนตัน และนำรายได้เข้าประเทศได้ปีละกว่าหมื่นล้านบาท”นางปราณีกล่าว
นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ ยังได้แจ้งว่าจะส่งคณะเจ้าหน้าที่มาตรวจโรงงานไก่แปรรูปในไทยอีกครั้งในเร็วๆ นี้ เพื่อตรวจสอบว่าโรงงานไก่แปรรูปของไทย 7 แห่งที่ฟิลิปปินส์ได้เคยเดินทางมาตรวจโรงงานไปแล้วเมื่อปี 2551 และได้รับใบรับรองสถานที่การผลิต แต่ยังไม่มีการลงนามในใบรับรองดังกล่าว ซึ่งฟิลิปปินส์จะมาตรวจว่าโรงงานดังกล่าวยังมีอยู่จริงหรือไม่ แล้วจึงจะออกประกาศให้โรงงานดังกล่าวส่งออกสินค้าไปยังฟิลิปปินส์ได้
สำหรับสถานการณ์การส่งออกไก่และผลิตภัณฑ์ของไทยในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายขยายตัวที่ 12% คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,239.68 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมีปริมาณการส่งออก 5 แสนตัน โดยในช่วง 10เดือนของปี 2555 (ม.ค.-ต.ค.) มีการส่งออกแล้วทั้งสิ้นกว่า 4.61 แสนตัน มูลค่า 1,863 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 12% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แยกเป็นไก่สดแช่แข็ง (รวมไก่หมักเกลือ) 9 หมื่นตัน และไก่แปรรูป 3.71 แสนตัน
ทั้งนี้ การส่งออกไก่สดแช่แข็ง (รวมไก่หมักเกลือ) ขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 2.5 เท่า เป็นผลมาจากประเทศที่เคยมีมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกสดจากไทย ได้ยกเลิกมาตรการแล้ว เช่น สหภาพยุโรป รัสเซีย และแอฟริกาใต้ เป็นต้น
