ธุรกิจค้าปลีกปี 2556 ส่อแววสดใส คาดเติบโต 15% ทะลุ 150,000 ล้านบาท เหตุกำลังซื้อเติบโต ผู้ประกอบการแข่งขันสูง
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในปี 2556 ว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่คาดว่าปีนี้ตลาดรวมค้าปลีกไทยจะมีการเติบโตประมาณ 10-15% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 140,000-150,000 ล้านบาท จากปี 2555 ที่มีมูลค่ารวม 140,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่ธุรกิจค้าปลีกมีความสดใสอย่างมาก
แนวโน้มของค้าปลีกในปีนี้มองว่าจะมีการเติบโตในทุกโมเดล และมีแนวโน้มที่จะแข่งขันกันอย่างรุนแรงต่อเนื่อง เพราะมีค้าปลีกรายใหม่จากต่างประเทศเข้ามาเปิดสาขาในไทยเพื่อแข่งขันกับค้าปลีกของคนไทยมากขึ้น ไม่วาจะเป็นกลุ่มลอว์สันที่จะเข้ามาร่วมทุนกับทางเครือสหพัฒน์รุกธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์ เป็นต้น จึงทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งปรับตัวรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ภาพรวมค้าปลีกดีเป็นผลมาจากการที่ราคาพืชผลทางการเกษตรมีราคาดีขึ้น ทั้งอ้อย ข้าว มันสำปะหลัง จึงทำให้ภาคเกษตรมีกำลังซื้อมากขึ้น ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวก็ยังเติบโตดีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวมากขึ้น ทำให้ภาคค้าปลีกในแหล่งท่องเที่ยวขยายตัวดีขึ้น
ในแง่ของกำลังซื้อก็ยังเติบโตดีขึ้นด้วย สินค้าฟุ่มเฟือยก็ยังมีโอกาสในการขายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไอที เป็นต้น ขณะที่กลุ่มอาหารนั้นก็เป็นไปตามปกติ ไมได้เติบโตมากเท่าใด
อย่างไรก็ตาม ทิศทางราคาสินค้าในปีนี้ยังคาดการณ์ลำบากว่าจะเป็นอย่างไร เพราะต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยหากราคาน้ำมันในปีนี้ยังสูงขึ้นต่อเนื่องก็อาจมีผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงได้ รวมทั้งต้องติดตามผลจากนโยบายค่าแรง 300 บาททั่วประเทศด้วยจะกระทบต่อภาคธุรกิจเอสเอ็มอีเพียงใด
ขณะที่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 58 นั้น นายสุวิทย์เชื่อว่า จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของไทยแน่นอน เพราะขนาดของตลาดรวมจะใหญ่มากขึ้นจากเดิมที่ตลาดไทยมีประชากรเพียง 60 กว่าล้านคน ก็จะรวมกันทำให้ปริมาณประชากรมากขึ้นเป็น 600 กว่าล้านคน เป็นตลาดที่ใหญ่มากขึ้น จากประเทศ 10 ประเทศในอาเซียนที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทำให้ธุรกิจค้าปลีกมีโอกาสขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในอนาคต
ด้านนายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกปี 2556 คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ 8-9% อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และผลจากการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาททั่วประเทศ ส่งผลดีต่อประชากรที่มีกำลังซื้อมากขึ้น และออกมาใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 5% ซึ่งที่ผ่านมาภาคค้าปลีกมักจะเติบโตมากกว่าจีดีพีประมาณ 3-4%
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในปี 2556 ว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่คาดว่าปีนี้ตลาดรวมค้าปลีกไทยจะมีการเติบโตประมาณ 10-15% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 140,000-150,000 ล้านบาท จากปี 2555 ที่มีมูลค่ารวม 140,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่ธุรกิจค้าปลีกมีความสดใสอย่างมาก
แนวโน้มของค้าปลีกในปีนี้มองว่าจะมีการเติบโตในทุกโมเดล และมีแนวโน้มที่จะแข่งขันกันอย่างรุนแรงต่อเนื่อง เพราะมีค้าปลีกรายใหม่จากต่างประเทศเข้ามาเปิดสาขาในไทยเพื่อแข่งขันกับค้าปลีกของคนไทยมากขึ้น ไม่วาจะเป็นกลุ่มลอว์สันที่จะเข้ามาร่วมทุนกับทางเครือสหพัฒน์รุกธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์ เป็นต้น จึงทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งปรับตัวรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ภาพรวมค้าปลีกดีเป็นผลมาจากการที่ราคาพืชผลทางการเกษตรมีราคาดีขึ้น ทั้งอ้อย ข้าว มันสำปะหลัง จึงทำให้ภาคเกษตรมีกำลังซื้อมากขึ้น ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวก็ยังเติบโตดีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวมากขึ้น ทำให้ภาคค้าปลีกในแหล่งท่องเที่ยวขยายตัวดีขึ้น
ในแง่ของกำลังซื้อก็ยังเติบโตดีขึ้นด้วย สินค้าฟุ่มเฟือยก็ยังมีโอกาสในการขายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไอที เป็นต้น ขณะที่กลุ่มอาหารนั้นก็เป็นไปตามปกติ ไมได้เติบโตมากเท่าใด
อย่างไรก็ตาม ทิศทางราคาสินค้าในปีนี้ยังคาดการณ์ลำบากว่าจะเป็นอย่างไร เพราะต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยหากราคาน้ำมันในปีนี้ยังสูงขึ้นต่อเนื่องก็อาจมีผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงได้ รวมทั้งต้องติดตามผลจากนโยบายค่าแรง 300 บาททั่วประเทศด้วยจะกระทบต่อภาคธุรกิจเอสเอ็มอีเพียงใด
ขณะที่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 58 นั้น นายสุวิทย์เชื่อว่า จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกของไทยแน่นอน เพราะขนาดของตลาดรวมจะใหญ่มากขึ้นจากเดิมที่ตลาดไทยมีประชากรเพียง 60 กว่าล้านคน ก็จะรวมกันทำให้ปริมาณประชากรมากขึ้นเป็น 600 กว่าล้านคน เป็นตลาดที่ใหญ่มากขึ้น จากประเทศ 10 ประเทศในอาเซียนที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทำให้ธุรกิจค้าปลีกมีโอกาสขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในอนาคต
ด้านนายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกปี 2556 คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ 8-9% อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และผลจากการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาททั่วประเทศ ส่งผลดีต่อประชากรที่มีกำลังซื้อมากขึ้น และออกมาใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 5% ซึ่งที่ผ่านมาภาคค้าปลีกมักจะเติบโตมากกว่าจีดีพีประมาณ 3-4%
