“บิค” ชูแผนบุกอินโดจีนรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี 58 แต่งตั้งหัวเรือใหญ่ดูการตลาด ปูพรมลุย 5 ประเทศ เร่งสยายปีกตะวันออกกลาง แอฟริกา หนีวิกฤตตลาดเครื่องเขียนอเมริกา-ยุโรปตลาดไม่โต หวัง 5 ปีรายได้เอเชียพุ่งจากหลักเดียวเป็น 10-15% ส่วนรายได้ไทยสิ้นปีนี้กวาด 200 ล้านบาท โต 12%
นายมาร์ค วัล แด เวียร์เดิล ผู้จัดการทั่วไปผลิตภัณฑ์บิค ภูมิภาคอินโดจีน ผู้นำเข้าและจำหน่ายปากกาบิค เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทประกาศยุทธศาสตร์ดำเนินการตลาดเชิงรุกในทวีปเอเชีย ล่าสุดบริษัทได้แต่งตั้งตนเมื่อเดือนสิงหาคม เพื่อมาดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปในภูมิภาคอินโดจีน โดยดูแลการตลาดในประเทศไทย พม่า ลาว เวียดนาม เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 และขณะที่บริษัทแม่อยู่ระหว่างพิจารณาขยายตลาดอื่นๆ เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย รวมทั้งขยายตลาดในตะวันออกกลาง แอฟริกา ฯลฯ
โดยขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในพม่า คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ไตรมาสแรกของปีหน้า และประเทศลาวในช่วงไตรมาสที่ 2 ส่วนในกัมพูชาและเวียดนามนั้นบริษัทมีตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้วร่วม 30 ปี ทั้งนี้ปัจจัยที่บริษัทรุกตลาดเอเชีย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโต จากจำนวนประชากรร่วม 50% จากทั่วโลก
ขณะที่ตลาดในอเมริกาและยุโรปแทบไม่มีการเติบโต เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มองค์กรชะลอการซื้อสินค้า
บริษัทตั้งเป้าการรุกตลาดอาเซียน 5 ประเทศ ในปีหน้านี้เติบโต 60% และสัดส่วนรายได้เพิ่มจากตัวเลขหลักเดียว เป็น 10-15% ในอีก 5 ปีข้างหน้า จากปีนี้ตั้งเป้ามีรายได้ 3ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม และกัมพูชา ราว 10ล้านยูโร สำหรับแผนการตลาดในไทย เน้นออกคอลเลกชันใหม่ หรือกระทั่งการสินค้ารุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน 2-3 ซีรีส์ต่อปี และนำเข้าแบรนด์ใหม่ระดับพรีเมียม “SAGARAS” เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มวัยทำงานรุ่นใหม่ และนักศึกษา ล่าสุดได้ซื้อไลเซนส์เฟอร์รารี 3 ปี เพื่อนำโลโก้ม้าลำพอง เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเฟอร์รารีมาสกรีนบนปลอกปากกา
ประเดิมเปิดตัวปากกาเชฟเฟอร์ เฟอร์รารี ซีรีส์แรกในช่วงปลายปีนี้ ต้อนรับในช่วงไฮซีซันหรือเทศกาลส่งท้ายปลายปีต้อนรับปีใหม่ โดยไตรมาส 4 มียอดขายสัดส่วน 40% เนื่องจากลูกค้านิยมซื้อไปเป็นของขวัญรับปีใหม่ อย่างไรก็ตาม การนำไลเซนส์มาทำตลาด 3 ปี คาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายในปีหน้านี้เติบโต 10% ส่วนแผนขยายช็อปในห้างสรรพสินค้าเพิ่ม 5-10 สาขาต่อปี จากปัจจุบันมีทั้งหมด 17 สาขา ขณะที่ปีหน้าวางงบการตลาด 100 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มปากกาบิค 40 ล้านบาท ปากกาเชฟเฟอร์ 30 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตลาดเครื่องเขียนมูลค่า 1,500 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แบ่งเป็นปากการะดับพรีเมียมมูลค่า 700 ล้านบาท และปากกาสำหรับใช้ทุกวัน 800 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีส่วนแบ่ง 6% ตั้งเป้า 2-3 ปีมีส่วนแบ่ง 10% โดยเชฟเฟอร์มีส่วนแบ่ง 15% ในตลาดปากกาพรีเมียม เป็นอันดับ 2 ของตลาด ส่วนปาร์คเกอร์เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 25-30% สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 11-12% หรือ 150-200 ล้านบาท
แบ่งเป็น ปากกา 60-70% มีดโกน 25-26% ที่เหลืออีก 5-15% เป็นไฟแช็ก และปีหน้าตั้งเป้าโต 12-15%
นายมาร์ค วัล แด เวียร์เดิล ผู้จัดการทั่วไปผลิตภัณฑ์บิค ภูมิภาคอินโดจีน ผู้นำเข้าและจำหน่ายปากกาบิค เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทประกาศยุทธศาสตร์ดำเนินการตลาดเชิงรุกในทวีปเอเชีย ล่าสุดบริษัทได้แต่งตั้งตนเมื่อเดือนสิงหาคม เพื่อมาดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปในภูมิภาคอินโดจีน โดยดูแลการตลาดในประเทศไทย พม่า ลาว เวียดนาม เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 และขณะที่บริษัทแม่อยู่ระหว่างพิจารณาขยายตลาดอื่นๆ เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย รวมทั้งขยายตลาดในตะวันออกกลาง แอฟริกา ฯลฯ
โดยขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในพม่า คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ไตรมาสแรกของปีหน้า และประเทศลาวในช่วงไตรมาสที่ 2 ส่วนในกัมพูชาและเวียดนามนั้นบริษัทมีตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้วร่วม 30 ปี ทั้งนี้ปัจจัยที่บริษัทรุกตลาดเอเชีย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโต จากจำนวนประชากรร่วม 50% จากทั่วโลก
ขณะที่ตลาดในอเมริกาและยุโรปแทบไม่มีการเติบโต เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มองค์กรชะลอการซื้อสินค้า
บริษัทตั้งเป้าการรุกตลาดอาเซียน 5 ประเทศ ในปีหน้านี้เติบโต 60% และสัดส่วนรายได้เพิ่มจากตัวเลขหลักเดียว เป็น 10-15% ในอีก 5 ปีข้างหน้า จากปีนี้ตั้งเป้ามีรายได้ 3ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม และกัมพูชา ราว 10ล้านยูโร สำหรับแผนการตลาดในไทย เน้นออกคอลเลกชันใหม่ หรือกระทั่งการสินค้ารุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน 2-3 ซีรีส์ต่อปี และนำเข้าแบรนด์ใหม่ระดับพรีเมียม “SAGARAS” เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มวัยทำงานรุ่นใหม่ และนักศึกษา ล่าสุดได้ซื้อไลเซนส์เฟอร์รารี 3 ปี เพื่อนำโลโก้ม้าลำพอง เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเฟอร์รารีมาสกรีนบนปลอกปากกา
ประเดิมเปิดตัวปากกาเชฟเฟอร์ เฟอร์รารี ซีรีส์แรกในช่วงปลายปีนี้ ต้อนรับในช่วงไฮซีซันหรือเทศกาลส่งท้ายปลายปีต้อนรับปีใหม่ โดยไตรมาส 4 มียอดขายสัดส่วน 40% เนื่องจากลูกค้านิยมซื้อไปเป็นของขวัญรับปีใหม่ อย่างไรก็ตาม การนำไลเซนส์มาทำตลาด 3 ปี คาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายในปีหน้านี้เติบโต 10% ส่วนแผนขยายช็อปในห้างสรรพสินค้าเพิ่ม 5-10 สาขาต่อปี จากปัจจุบันมีทั้งหมด 17 สาขา ขณะที่ปีหน้าวางงบการตลาด 100 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มปากกาบิค 40 ล้านบาท ปากกาเชฟเฟอร์ 30 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตลาดเครื่องเขียนมูลค่า 1,500 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แบ่งเป็นปากการะดับพรีเมียมมูลค่า 700 ล้านบาท และปากกาสำหรับใช้ทุกวัน 800 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีส่วนแบ่ง 6% ตั้งเป้า 2-3 ปีมีส่วนแบ่ง 10% โดยเชฟเฟอร์มีส่วนแบ่ง 15% ในตลาดปากกาพรีเมียม เป็นอันดับ 2 ของตลาด ส่วนปาร์คเกอร์เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 25-30% สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 11-12% หรือ 150-200 ล้านบาท
แบ่งเป็น ปากกา 60-70% มีดโกน 25-26% ที่เหลืออีก 5-15% เป็นไฟแช็ก และปีหน้าตั้งเป้าโต 12-15%