ASTVผู้จัดการายวัน - “บีเจซี” ปรับยุทธศาสตร์รุกธุรกิจค้าปลีก เลิกเทกโอเวอร์ หันมาสร้างแบรนด์แทน เล็ง 3 ธุรกิจหลักก่อน ค้าปลีก “คอนวีเนียนสโตร์-ร้านขายยา-เครื่องใช้ไฟฟ้า” ประเดิมบีเจซีสมาร์ท คอนวีเนียนสโตร์รุกแบบออนไลน์ผ่านสแกนบาร์โค้ดแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายพิษณุ พงษ์วัฒนา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายธุรกิจค้าปลีก บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการรุกธุรกิจค้าปลีกของบริษัทฯ ได้ปรับใหม่โดยจะหันมาเป็นผู้พัฒนาระบบค้าปลีกขึ้นมาเอง จากเดิมที่จะใช้วิธีการเข้าไปซื้อแบรนด์เดิมที่มีอยู่ในท้องตลาดอยู่แล้ว เพราะขณะนี้บริษัทมีความพร้อมแล้วทั้งระบบการทำงาน ระบบไอที รวมทั้งบุคลากรในการทำธุรกิจค้าปลีก
“ตอนนั้นที่เราสนใจเข้าประมูลซื้อค้าปลีกต่างๆ ทั้งคาร์ฟูร์ และแฟมิลี่มาร์ทในไทย เป็นเพราะว่าแบรนด์เหล่านั้นเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้จักดีอยู่แล้ว เราไม่ต้องมาสร้างแบรนด์ใหม่ เมื่อเราจะเข้าสู่ธุรกิจนี้ แต่ตอนนี้เราปรับแผนใหม่แล้วเรามีความพร้อมที่จะสร้างแบรนด์ร้านค้าปลีกของตัวเองเข้ามาทำตลาดในทุกรูปแบบที่มีความแตกต่างจากรูปแบบเดิมของคู่แข่งในท้องตลาด” นายพิษณุกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางแผนรุกใน 3 ค้าปลีกหลักก่อน คือ ค้าปลีกสินค้าทั่วไป ค้าปลีก ร้านขายยา และค้าปลีกร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่บริษัทไม่สนใจธุรกิจค้าปลีกรูปแบบดิสเคานต์สโตร์หรือรูปแบบขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นเซกเมนต์ที่มีการแข่งขันรุนแรง และแบรนด์เดิมที่อยู่ในตลาดมีความแข็งแกร่งมาก
โดยบริษัทฯ วางโมเดลไว้ 3 แบบ คือ มัลติบิซิเนส มัลติฟอร์แมต และมัลติคันทรี โดยจะลงทุนทั้งในประเทศและขยายไปต่างประเทศด้วย ซึ่งให้ความสนใจในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลักก่อน
ทั้งนี้ โมเดลแรกที่จะเริ่มก่อน คือ ค้าปลีกสินค้า ทั่วไปร้านสะดวกซื้อ หรือคอนวีเนียนสโตร์ชื่อ “บีเจซี สมาร์ท” ซึ่งกลยุทธของบริษัทได้พัฒนาการบริการให้มีความแตกต่างไปจากคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด โดยเราไม่เน้นการขยายสาขาที่เป็นหน้าร้านจำนวนมากเพราะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดร้านสะดวกซื้อและส่วนใหญ่ผู้เล่นรายเดิมในตลาดก็ยึดทำเลหลักดีๆ ไปแทบจะหมดแล้ว แต่เราจะเน้นการขายในรูปแบบออนไลน์ผ่านการสแกนบาร์โค้ดผ่านบีเจเซีสมาร์ท
แต่ในเบื้องต้นบริษัทฯจะทำการเปิดให้บริการทั้งรูปแบบร้านและช่องทางออนไลน์ควบคู่กันไปก่อนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยการลงทุนเปิดร้านนั้นคงต้องเปิดครั้งเดียวไม่ต่ำกว่า 100 สาขา พื้นที่เฉลี่ย 70 ตารางเมตรต่อสาขา ลงทุนเฉลี่ย 2-3 ล้านบาทต่อสาขา มีสินค้าจำหน่ายภายในร้านประมาณ 8,000 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าในเครือบริษัท
ขณะที่รูปแบบการทำที่ไม่ใช่เปิดสาขานั้น ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ผ่านคิวอาร์โค้ด หรือการใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นสมาร์ทโฟนใช้สแกนบาร์โค้ดบริเวณบอร์ดจำหน่ายสินค้าของบีเจเซี สมาร์ท ที่จะกระจายอยู่ตามจุดสำคัญต่างๆ เช่น สนามบิน และจะจัดส่งสินค้าฟรี ถึงบ้านภายใน 24ชั่วโมงหลังจากสั่งสินค้า ซึ่งลูกค้าจะต้องสมัครเป็นสมาชิกของร้านบีเจเซีสมาร์ทก่อน ไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นการสมัครฟรี เพื่อรับสิทธิ์สั่งสินค้าในระบบดังกล่าว ซึ่งรูปแบบบริการดังกล่าวถือว่าเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายพิษณุกล่าวว่า คาดว่าจะสามารถสรุปรายละเอียดและเปิดบริการร้านบีเจซีสมาร์ทได้ประมาณต้นปีหน้า และจากนั้นประมาณช่วงกลางปีจึงจะเริ่มในส่วนของค้าปลีกร้านขายยาจากประเทศญี่ปุ่น และค้าปลีกร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเมื่อขยายธุรกิจได้ตามแผนแล้วคาดว่าจะส่งผลให้สิ้นปี 2556 จะมีรายได้เติบโตเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่กว่า 2,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2554 เป็นตัวเลข 2 หลัก
นายพิษณุ พงษ์วัฒนา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายธุรกิจค้าปลีก บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการรุกธุรกิจค้าปลีกของบริษัทฯ ได้ปรับใหม่โดยจะหันมาเป็นผู้พัฒนาระบบค้าปลีกขึ้นมาเอง จากเดิมที่จะใช้วิธีการเข้าไปซื้อแบรนด์เดิมที่มีอยู่ในท้องตลาดอยู่แล้ว เพราะขณะนี้บริษัทมีความพร้อมแล้วทั้งระบบการทำงาน ระบบไอที รวมทั้งบุคลากรในการทำธุรกิจค้าปลีก
“ตอนนั้นที่เราสนใจเข้าประมูลซื้อค้าปลีกต่างๆ ทั้งคาร์ฟูร์ และแฟมิลี่มาร์ทในไทย เป็นเพราะว่าแบรนด์เหล่านั้นเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้จักดีอยู่แล้ว เราไม่ต้องมาสร้างแบรนด์ใหม่ เมื่อเราจะเข้าสู่ธุรกิจนี้ แต่ตอนนี้เราปรับแผนใหม่แล้วเรามีความพร้อมที่จะสร้างแบรนด์ร้านค้าปลีกของตัวเองเข้ามาทำตลาดในทุกรูปแบบที่มีความแตกต่างจากรูปแบบเดิมของคู่แข่งในท้องตลาด” นายพิษณุกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางแผนรุกใน 3 ค้าปลีกหลักก่อน คือ ค้าปลีกสินค้าทั่วไป ค้าปลีก ร้านขายยา และค้าปลีกร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่บริษัทไม่สนใจธุรกิจค้าปลีกรูปแบบดิสเคานต์สโตร์หรือรูปแบบขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นเซกเมนต์ที่มีการแข่งขันรุนแรง และแบรนด์เดิมที่อยู่ในตลาดมีความแข็งแกร่งมาก
โดยบริษัทฯ วางโมเดลไว้ 3 แบบ คือ มัลติบิซิเนส มัลติฟอร์แมต และมัลติคันทรี โดยจะลงทุนทั้งในประเทศและขยายไปต่างประเทศด้วย ซึ่งให้ความสนใจในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลักก่อน
ทั้งนี้ โมเดลแรกที่จะเริ่มก่อน คือ ค้าปลีกสินค้า ทั่วไปร้านสะดวกซื้อ หรือคอนวีเนียนสโตร์ชื่อ “บีเจซี สมาร์ท” ซึ่งกลยุทธของบริษัทได้พัฒนาการบริการให้มีความแตกต่างไปจากคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด โดยเราไม่เน้นการขยายสาขาที่เป็นหน้าร้านจำนวนมากเพราะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดร้านสะดวกซื้อและส่วนใหญ่ผู้เล่นรายเดิมในตลาดก็ยึดทำเลหลักดีๆ ไปแทบจะหมดแล้ว แต่เราจะเน้นการขายในรูปแบบออนไลน์ผ่านการสแกนบาร์โค้ดผ่านบีเจเซีสมาร์ท
แต่ในเบื้องต้นบริษัทฯจะทำการเปิดให้บริการทั้งรูปแบบร้านและช่องทางออนไลน์ควบคู่กันไปก่อนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยการลงทุนเปิดร้านนั้นคงต้องเปิดครั้งเดียวไม่ต่ำกว่า 100 สาขา พื้นที่เฉลี่ย 70 ตารางเมตรต่อสาขา ลงทุนเฉลี่ย 2-3 ล้านบาทต่อสาขา มีสินค้าจำหน่ายภายในร้านประมาณ 8,000 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าในเครือบริษัท
ขณะที่รูปแบบการทำที่ไม่ใช่เปิดสาขานั้น ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ผ่านคิวอาร์โค้ด หรือการใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นสมาร์ทโฟนใช้สแกนบาร์โค้ดบริเวณบอร์ดจำหน่ายสินค้าของบีเจเซี สมาร์ท ที่จะกระจายอยู่ตามจุดสำคัญต่างๆ เช่น สนามบิน และจะจัดส่งสินค้าฟรี ถึงบ้านภายใน 24ชั่วโมงหลังจากสั่งสินค้า ซึ่งลูกค้าจะต้องสมัครเป็นสมาชิกของร้านบีเจเซีสมาร์ทก่อน ไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นการสมัครฟรี เพื่อรับสิทธิ์สั่งสินค้าในระบบดังกล่าว ซึ่งรูปแบบบริการดังกล่าวถือว่าเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายพิษณุกล่าวว่า คาดว่าจะสามารถสรุปรายละเอียดและเปิดบริการร้านบีเจซีสมาร์ทได้ประมาณต้นปีหน้า และจากนั้นประมาณช่วงกลางปีจึงจะเริ่มในส่วนของค้าปลีกร้านขายยาจากประเทศญี่ปุ่น และค้าปลีกร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเมื่อขยายธุรกิจได้ตามแผนแล้วคาดว่าจะส่งผลให้สิ้นปี 2556 จะมีรายได้เติบโตเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่กว่า 2,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2554 เป็นตัวเลข 2 หลัก