ยันตั้ง “สันติ” นั่งเก้าอี้ประธาน ส.อ.ท.คนใหม่เรียบร้อยแล้ว ฝ่ายหนุนท้าดีเบต “ทีม กม.พยุงศักดิ์” พร้อมระบุ การพยายามออกมาบอกว่าการปลด “คกก.บริหาร” หรือ “ประธาน ส.อ.ท.” จะต้องมีการลงมติ 2 ใน 3 อาจเข้าใจคลาดเคลื่อน ขณะที่ฝ่าย “พยุงศักดิ์” เผยเข้าพบ “กิตติรัตน์” เรียบร้อยแล้ว ยืนยัน นั่งเก้าอี้ประธาน ส.อ.ท.จนครบวาระ ประกาศท้าหากใครไม่เห็นด้วยก็ให้ไปฟ้องศาลปกครอง ชี้การประชุมวันที่ 26 พ.ย.ไม่ถือเป็นมติบอร์ด
นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยืนยันว่า การแต่งตั้งนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธาน ส.อ.ท.คนใหม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และจะเดินหน้าตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ ส.อ.ท. เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา และจะไม่ยื่นฟ้องต่อศาลใดๆ ให้ตีความกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานในการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ซึ่งเบื้องต้นจะตั้งเลขาธิการ รองประธาน 4 คน เหรัญญิก และนายทะเบียนก่อน ส่วนตำแหน่งกรรมการบริหารอื่นๆ และกลุ่มอุตสาหกรรมจะให้คงเดิมต่อไป
นายทวีกิจเสนอให้มีการเปิดประชุมฝ่ายกฎหมายของทั้งฝ่ายนายพยุงศักดิ์ และฝ่ายนายสันติเพื่อหาข้อสรุปในข้อกฎหมายที่ขณะนี้มีการตีความแตกต่างกัน โดยให้มีคนกลาง เช่น สำนักงานกฎหมายมาร่วมพิจารณาเพื่อความเป็นธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย โดยหากพบว่าการตีความกฎหมายของฝ่ายตนไม่ถูกต้องก็ยินดีที่จะถอย ในทางกลับกัน หากตีความแล้วถูกต้องตามกฎหมาย ฝ่ายนายพยุงศักดิ์จะต้องรับฟังและพิจารณาตัวเอง
สำหรับการประชุมคณะกรรมการ ส.อ.ท.วานนี้ (26 พ.ย.) เป็นการประชุมเพื่อปลดคณะกรรมการบริหารทั้งคณะ ไม่ใช่การปลดกรรมการ ส.อ.ท. แต่การที่นายพยุงศักดิ์ พยายามออกมาบอกว่าการปลดคณะกรรมการบริหาร หรือประธาน ส.อ.ท.จะต้องมีการลงมติ 2 ใน 3 ของสมาชิก 8,000 รายนั้น
“ส่วนตัวยืนยันว่ามติวานนี้ไม่ได้ให้ออกจากกรรมการ ส.อ.ท. แต่ให้ออกจากกรรมการบริหาร จึงไม่เกี่ยวข้องกับสมาชิก 8,000 คน ดังนั้น 348 เสียงจึงสามารถลงมติได้ จึงอยากให้ฝ่ายกฎหมายของ ส.อ.ท.ทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายให้ชัดเจนด้วย เช่นเดียวกับการประชุมคณะกรรมการ ส.อ.ท.ครั้งต่อไป ถ้าหากมีกรรมการไม่ครบองค์ประชุมก็ไม่สามารถเปิดประชุมได้”
นายทวีกิจยืนยันว่า ถ้านายพยุงศักดิ์ยังดึงดันเข้าใจว่ากรรมการฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องเข้าร่วมประชุม ตอนนี้แต่งตั้งนายสันติขึ้นมาเป็นประธานคนใหม่ ระหว่างปี 2555-2557 เมื่อแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่เสร็จจะเข้าไปทำงาน เพราะ ส.อ.ท. เป็นของสมาชิกทั้งหมด ซึ่งนายสันติบอกตำแหน่งของกลุ่มอุตสาหกรรม และอื่นๆ จะไม่แตะยกเว้นประธาน
ด้านนายพยุงศักดิ์ยืนยันในการแถลงข่าววันนี้ โดยระบุว่า การประชุมคณะกรรมการ ส.อ.ท.เมื่อวานนี้มีกลุ่มอุตสาหกรรมที่สนับสนุนตนเอง 20 กลุ่ม เช่น ยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เซรามิก ต่อเรือและซ่อมเรือ และกรรมการ ส.อ.ท.จากเครือเอสซีจี และกลุ่ม ปตท.เข้าร่วม
นายพยุงศักดิ์กล่าวเสริมว่า ส.อ.ท.ได้เข้าพบกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่รัฐสภาในช่วงเช้าวันนี้ (27 พ.ย.) เพื่อชี้แจงปัญหา ส.อ.ท. โดยทุกคนต้องการให้ ส.อ.ท.ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่าง รวมทั้งตำแหน่งประธาน ส.อ.ท.ยังไม่การเปลี่ยนแปลงและยืนยันที่จะทำงานในตำแหน่งนี้จนครบวาระในปี 2557 และคณะกรรมการบริหาร ส.อ.ท.ชุดปัจจุบันยังมีอำนาจในการบริหารงาน
“หากใครไม่เห็นด้วยกับการตีความดังกล่าวสามารถร้องศาลปกครองได้ แต่ผมคงไม่ร้องศาลเพราะถือว่าอยู่ในตำแหน่งอย่างถูกต้อง ซึ่งการทำงานหลังจากนี้ก็ยอมรับว่าคงจะมีปัญหาก็จะพยายามทำงานเพื่อตอบสนองสมาชิกทุกคน รวมทั้งจะไม่ทำงานแบบแบ่งฝ่าย แบ่งกลุ่ม และจะดูภาพรวมขององค์กรเป็นหลัก โดยจะรับฟังความเห็นและข้อเสนอของทุกกลุ่ม ก็จะรับฟังอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม รวมทั้งจะดำเนินการชี้แจงความเข้าใจกับสมาชิกทุกกลุ่มเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และได้กลับไปทบทวนปัญหาที่ผ่านมา และจะต้องชี้แจงสมาชิกถึงเรื่องที่ผ่านมาอย่างละเอียด ซึ่งอาจหารือแบบกลุ่มย่อยหรือเรียกประชุมเพื่อให้สมาชิกเข้าใจเพราะปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีหลายคนไม่สบายใจ”
ทั้งนี้ การทำงานที่ผ่านมาไม่ได้เน้นตอบสนองสมาชิกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยสมาชิกที่เข้ามาร่วมทำงานไม่ได้มาเพื่อประโยชน์อะไรและเป็นตัวแทนของบริษัทต่างๆ ที่เข้ามาทำงานเพื่อ ส.อ.ท. ซึ่งการเข้ามาทำงานขึ้นกับความพร้อมของแต่ละคนที่ในบางช่วงมีความพร้อมมากก็เข้ามาช่วยเหลือมากจึงไม่น่าแปลกใจที่มีคนของบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาทำงานใน ส.อ.ท.มาก และการทำงานของ ส.อ.ท.ในยุคนี้ก็สามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลทุกรัฐบาลได้อยู่แล้ว และพร้อมที่จะเสนอความเห็นอย่างตรงไปตรงมาต่อรัฐบาล
นายพยุงศักดิ์กล่าวว่า การจะมีบริษัทใหญ่สนับสนุนการทำงานหรือไม่ไม่ใช่ปัญหาเพราะการทำงานคงดูที่ผลงานมากกว่า โดยที่ผ่านมานายสันติ วิลาสศักดานนท์ อดีตประธาน ส.อ.ท.เคยสนับสนุนมาก่อนก็เป็นเรื่องในอดีต แต่การเคารพผู้อาวุโสเป็นเรื่องที่อยู่ในใจมาตลอด และคงไม่สามารถทำตามที่นายสันติบอกได้ทุกเรื่องโดยเฉพาะบางเรื่องที่ไม่ขอทำตลอดชีวิต
สำหรับปัญหาโครงการยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสู่สถานประกอบการที่เกิดขึ้นกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรีอาจเกิดปัญหาการทุจริต ซึ่ง ส.อ.ท.ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้วและต้องรอข้อมูลจากการตรวจสอบอีกครั้งและหลังจากนี้คงได้คำตอบ ส่วนการโยกย้ายสายงานบริหารของรองประธาน ส.อ.ท. และลดอำนาจเลขาธิการ ส.อ.ท.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เพื่อความเหมาะสมในการทำงาน โดยทุกคนยังอยู่ในคณะกรรมการบริหารเพียงแต่ปรับเปลี่ยนหน้าที่การทำงาน