ช่อง7พร้อมร่วมมือซีทีเอช ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า ตอกย้ำผู้นำช่องกีฬา ภายใต้งบซื้อคอนเทนต์กีฬา 1,000 ล้านบาท สำหรับ2-4ปีหลังจากนี้
นายพลากร สมสุวรรณ กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และรักษาการผู้จัดการฝ่ายรายการ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เปิดเผยว่า ตามแผนการดำเนินงานของช่อง7ที่จะมุ่งให้ความสำคัญและสนับสนุนรายการกีฬาอีกครั้งภายใต้งบประมาณสำหรับการซื้อคอนเทนต์กีฬาที่น่าสนใจกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับ 2-4 ปีหลังจากนี้ จะเห็นได้ว่าทางสถานีฯมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬามากขึ้น ซึ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ การแข่งขันฟุตบอล7สี ประเภท7คน รวมถึงการร่วมถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล ลาลีกา สเปนของทางอาร์เอส เป็นต้น ล่าสุดยังได้รายการกีฬาการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ด้วย
ก่อนหน้านี้ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล FA Cup 6 ปีซ้อน เริ่มปีนี้ ,FA Cup เยอรมัน 2 ปี และการชกมวยของTOP RANK ของปาเกียว
สำหรับเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ครั้งนี้ ได้รับสิทธิ์เป็น Host Broadcaster ถ่ายทอดทั้งฟรีทีวี และอินเทอร์เน็ตผ่าน bugaboo.tv ตั้งแต่นัดแรกจนถึงนัดชิงชนะเลิศ โดยจะถ่ายทอดสดทุกนัดที่ทีมชาติไทยลงแข่งขันผ่านทางฟรีทีวี ส่วนทุกนัดการแข่งขันของรายการนี้จะรับชมได้ทั้งหมดผ่านเว็บไซต์bugaboo.tv ซึ่งโปรแกรมการแข่งขันของทีมชาติไทย รอบแรกของสาย เอ นัดเปิดสนามวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พบ ทีมชาติฟิลิปปินส์ อังคารที่ 27 พฤศจิกายน พบ ทีมชาติเมียนมาร์ และ ศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พบ ทีมชาติเวียดนาม ช่อง 7 สี และ bugaboo.tv ถ่ายทอดสดจากสนามราชมังคลากีฬาสถาน ในเวลา 20.20 น.ซึ่งตรงกับรายการละครช่วงไพร์มไทม์ โดยทางสถานีฯจะงดออกอากาศละครในช่วงนั้นไป
อย่างไรก็ตาม ทางสถานีฯพร้อมสนับสนุนรายการกีฬาเพื่อให้คนไทยได้รับชมให้มากที่สุด ดังนั้นในส่วนของการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลถัดไปที่ทางซีทีเอชได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดในครั้งนี้ ทางช่อง7มีความยินดีที่จะร่วมถ่ายทอดสดด้วยเช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของทางเจ้าของสิทธิ์เป็นหลัก ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้มีการเจรจาร่วมมือกันแต่อย่างไร
นายพลากร กล่าวต่อว่า ส่วนแผนการปรับผังรายการนั้น ทางสถานีฯมีการปรับอยู่ตลอดเวลาไม่ได้มีระยะเวลาตายตัว หากพบว่ารายการใดมีข้อพกพร่องอยู่ก็จะมีการปรับแผนการนำเสนอใหม่ทันที ซึ่งแตกต่างจากฟรีทีวีช่องอื่นๆ ทั้งนี้ยังพบว่าภาพรวมของช่อง7 ปัจจุบันกลุ่มรายการละครสร้างรายได้หลักให้สถานีฯไม่ต่ำกว่า 30% รองลงมา คือรายการสาระ บันเทิง 30% รายการข่าว20-25% ที่เหลือมาจากรายการกีฬาและอื่นๆ