เสริมสุขส่งเอสโคล่ายึดหัวหาดช่องทางร้านอาหารแทนเป๊ปซี่เบ็ดเสร็จชนิดโค้กก็ผิดหวัง ปัญหามัดจำขวด-ลังยุ่งยาก โชว์ 5 วันทุบสถิติขาย 1 ล้านลัง ด้านเป๊ปซี่ตกภาวะสุญญากาศ สินค้าเริ่มหายจากตลาด คาด 6 เดือนแชร์ร่วงหลุดเบอร์ 2
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มน้ำอัดลมกล่าวว่า หลังจากที่ค่ายเป๊ปซี่และค่ายเสริมสุขต่างเริ่มทำตลาดตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่าเสริมสุขกระจายสินค้าเครื่องดื่มน้ำอัดลมเอส (est) โดยเฉพาะขวดแก้วขนาด 300 มล. และขวดเพ็ทขนาด 1 ลิตร สามารถเข้าถึงช่องทางร้านอาหารซึ่งมีสัดส่วนถึง 20% ในตลาด
สำหรับช่องทางร้านอาหาร เป็นการช่วงชิงระหว่างเอสกับโค้ก เพราะเป๊ปซี่เลิกทำขวดแก้วไปแล้ว แต่ปรากฏว่าเสริมสุขมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับทางร้านอาหาร โดยพบว่าเอสนำสินค้าไปวางจำหน่ายแทนเป๊ปซี่ขวดแก้วได้เกือบทั้งหมด จึงเชื่อว่าเสริมสุขสามารถรักษาฐานลูกค้าในช่องทางดังกล่าวได้ หลังจากก่อนหน้านี้คาดว่าโค้กจะสามารถเข้าไปชิงส่วนแบ่งจากช่องทางร้านอาหารได้ เนื่องจากโค้กมีการแจกโบรชัวร์เสนอโปรโมชันต่างๆ แก่ร้านอาหารเพื่อดึงให้มีการเซ็นสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟ
ยกตัวอย่างเช่น การซื้อโค้ก 15 ออนซ์ สามารถทำการจ่ายมัดจำจริงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 โดยต้องมียอดขั้นต่ำที่ 50% ของจำนวนขวดและลังของเป๊ปซี่ที่มีอยู่ และมียอดเพิ่มขวดและสั่งโค้กขั้นต่ำที่ 50 ลัง นอกจากนี้ หากเซ็นสัญญาเพิ่มขวดลังขั้นต่ำ 50 ลัง รับฟรีทันทีน้ำทิพย์ขนาด 550 มล. 50 ลัง พร้อมลุ้นรับรางวัลเงินสดและทองคำกว่า 6 ล้านบาท ฯลฯ
แต่ปรากฏว่าเอสสามารถยึดหัวหาดช่องทางนี้ได้มากเพราะการเปลี่ยนจากเป๊ปซี่มาขายโค้กจะต้องมีปัญหายุ่งยากจากการมัดจำขวดและลัง ซึ่งเหตุผลที่ทางเอสเข้าช่องทางร้านอาหารได้เกือบหมดเนื่องจากร้านอาหารไม่ต้องเสียเวลามัดจำขวดและลัง สามารถเปลี่ยนเอาเอสได้เลย เพราะทรัพย์สินขวดและลังเป็นของทางเสริมสุขอยู่แล้ว
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าผู้บริหารเป๊ปซี่ นายจากรูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด จะกล่าวว่า เครื่องดื่มน้ำอัดลมเป๊ปซี่ มิรินด้า และเซเว่นอัพ วางจำหน่ายครอบคลุมทุกช่องทางวันที่ 2 พย.นี้ โดยได้ให้ดีเอชแอลและบริษัทท้องถิ่นกระจายสินค้าให้ แต่ขณะนี้สินค้าในหลายช่องทางเริ่มหายไปจากตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเชื่อว่าสถานการณ์แบบนี้ ในช่วงเวลา 6 เดือนนับจากนี้เป๊ปซี่จะสูญเสียส่วนแบ่งอย่างแน่นอน และมีความเป็นไปได้ที่ส่วนแบ่งจะลดลงมาอันดับ 4 ของตลาด
ปัจจุบันคอร์ปอเรตแชร์เป๊ปซี่เป็นอันดับ 2 มีส่วนแบ่ง 35-37% จากมูลค่าตลาดน้ำอัดลม 38,500 ล้านบาท ขณะที่น้ำดำเป๊ปซี่เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50% หรือมูลค่า 30,800 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 75-80% ขณะที่โค้ก คอร์ปอเรตแชร์ 54% ส่วนบิ๊ก โคล่า มีส่วนแบ่ง 16.6% และสิ้นปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 18% ในขณะที่เอส โคล่า ตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 25% หรือขึ้นเป็นอันดับ 2 ของตลาดในปีหน้า โดยขณะนี้เริ่มเห็นเป๊ปซี่ผลิตจากโรงงานที่นิคมอุสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง วางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดบ้างแล้ว แต่สินค้าส่วนใหญ่ยังไม่สามารถกระจายได้ครอบคลุมทุกช่องทาง
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเปิดตลาด “เอส โคล่า” เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนว่า “เอส โคล่า” ทำสถิติยอดขาย 1 ล้านลังภายใน 5 วัน เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของเสริมสุข โดยเสริมสุขพร้อมวางจำหน่ายเอสโคล่าในช่องทางโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อซึ่งมีสัดส่วน 20% จากช่องทางจำหน่ายโดยรวมทั้งหมด จะเริ่มวางสินค้าที่เทสโก้โลตัส บิ๊กซี (10 พ.ย.) เซเว่น-อีเลฟเว่น ท็อปส์ แม็คโคร จัสโก้ (12 พ.ย.) วิลล่า ตั้งฮั้วเส็ง ปั๊ม ปตท. (14 พ.ย.)
ขณะที่ปั๊มน้ำมันอื่นๆ ทั่วประเทศเริ่มวางจำหน่าย (16 พ.ย.) และกูร์เมต์มาร์เก็ต โฮมเฟรชมาร์ท และฟู้ดแลนด์ (3 ธ.ค.) จากการเก็บข้อมูลร้านค้า นางอนงค์ วงษาลี เจ้าของร้าน SK เล่าว่า “ตั้งแต่วางขาย “เอส โคล่า” มีลูกค้ามาถามหาเยอะ ขายดีมาก แถมมีลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ขายได้แบบนี้เราก็มั่นใจในสินค้าและถ้ามีตัวอื่นๆ ก็จะสั่งมาขายแน่นอน”