“โอฬาร” ประธานคณะทำงานส่งเสริมการสร้างฐานการผลิตในประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน เตรียมเสนอ 4 ยุทธศาสตร์เพิ่มการค้าชายแดนให้ ครม.เห็นชอบ พร้อมประเดิมพานักลงทุนไทยบุกกัมพูชา ม.ค.นี้
นายโอฬาร ไชยประวัติ รองประธานคณะทำงานส่งเสริมการสร้างฐานการผลิตในประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน เปิดเผยว่าจะนำยุทธศาสตร์การค้ากับประเทศเพื่อนบ้านเข้าบรรจุในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทย โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตและการใช้ประโยชน์ในประเทศเพื่อนบ้านภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าระดับนานาชาติ ไม่ใช่เป็นเฉพาะผู้ผลิตหรือส่งออกเท่านั้น
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ด้าน ได้แก่ 1. ยุทธศาสตร์ลอจิสติกส์ระหว่างประเทศ และนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเพื่อนบ้าน 2. ยุทธศาสตร์การค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น 3. ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงทางอาหารที่ผลิตในประเทศหนึ่งและนำไปแปรรูป-จำหน่ายอีกประเทศหนึ่ง และ 4. ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
สำหรับยุทธศาสตร์การส่งเสริมสนับสนุนให้นักลงทุนไทยย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางการค้านั้น เบื้องต้นจะสนับสนุนนักลงทุนไทยในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและรองเท้าย้ายฐานการผลิตไปประเทศกัมพูชา โดยช่วงเดือน ม.ค. 2556 คณะทำงานฯ จะนำคณะนักลงทุนไทยที่อยากไปลงทุนประเทศกัมพูชาไปดูลู่ทางการลงทุน โดยจะเดินทางผ่านชายแดนอรัญประเทศเข้าสู่ศรีโสภณ เสียมราฐ และพนมเปญ
กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการค้าชายแดนในปี 2558 ไว้ที่ 2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนปีนี้ (ม.ค.-ก.ย. 2555) การค้าชายแดนมีมูลค่าอยู่ที่ 682,672 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออก 421,243 ล้านบาท นำเข้า 261,429 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย 393,687 ล้านบาท พม่า 129,777 ล้านบาท ลาว 99,464 ล้านบาท และกัมพูชา 59,744 ล้านบาท
นายโอฬาร ไชยประวัติ รองประธานคณะทำงานส่งเสริมการสร้างฐานการผลิตในประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน เปิดเผยว่าจะนำยุทธศาสตร์การค้ากับประเทศเพื่อนบ้านเข้าบรรจุในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทย โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตและการใช้ประโยชน์ในประเทศเพื่อนบ้านภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าระดับนานาชาติ ไม่ใช่เป็นเฉพาะผู้ผลิตหรือส่งออกเท่านั้น
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ด้าน ได้แก่ 1. ยุทธศาสตร์ลอจิสติกส์ระหว่างประเทศ และนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเพื่อนบ้าน 2. ยุทธศาสตร์การค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น 3. ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงทางอาหารที่ผลิตในประเทศหนึ่งและนำไปแปรรูป-จำหน่ายอีกประเทศหนึ่ง และ 4. ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
สำหรับยุทธศาสตร์การส่งเสริมสนับสนุนให้นักลงทุนไทยย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางการค้านั้น เบื้องต้นจะสนับสนุนนักลงทุนไทยในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและรองเท้าย้ายฐานการผลิตไปประเทศกัมพูชา โดยช่วงเดือน ม.ค. 2556 คณะทำงานฯ จะนำคณะนักลงทุนไทยที่อยากไปลงทุนประเทศกัมพูชาไปดูลู่ทางการลงทุน โดยจะเดินทางผ่านชายแดนอรัญประเทศเข้าสู่ศรีโสภณ เสียมราฐ และพนมเปญ
กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการค้าชายแดนในปี 2558 ไว้ที่ 2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนปีนี้ (ม.ค.-ก.ย. 2555) การค้าชายแดนมีมูลค่าอยู่ที่ 682,672 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออก 421,243 ล้านบาท นำเข้า 261,429 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย 393,687 ล้านบาท พม่า 129,777 ล้านบาท ลาว 99,464 ล้านบาท และกัมพูชา 59,744 ล้านบาท