เวียดนามโอเคแล้วร่วมมือไทยค้าข้าว มั่นใจผลักดันราคาให้สูงขึ้น และทำให้ชาวนาทั้ง 2 ประเทศมีชีวิตดีขึ้น พร้อมจับมือแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้ารับ AEC
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 1 ที่กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2555 ว่า ไทยและเวียดนามได้ตกลงที่จะขยายความร่วมมือที่สำคัญในด้านสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าข้าวที่ไทยและเวียดนามเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกรายสำคัญของโลก โดยตกลงที่จะร่วมมือกันในด้านการค้าข้าวในตลาดโลก มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าข้าวในตลาดโลก และช่วยยกระดับชีวิตของชาวนาทั้ง 2 ประเทศให้ดีขึ้น และยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารของประชากรโลกด้วย
ทั้งนี้ ไทยและเวียดนามยังได้ตกลงจัดตั้งกลไกการแก้ไขปัญหาและลดอุปสรรคทางการค้าการลงทุนระหว่างกัน เพื่อที่จะผลักดันให้การค้า 2 ฝ่ายให้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และได้ตกลงที่จะให้การสนับสนุนความร่วมมือของภาคเอกชน โดยสนับสนุนการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม เพื่อขยายความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างกันในการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
“ไทยเป็นนักลงทุนสำคัญในเวียดนามเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน รองจากมาเลเซีย และสิงคโปร์ นักธุรกิจไทยได้เข้าไปลงทุนในเวียดนามแล้วหลายสาขา ทั้งสินค้าและบริการ ที่สำคัญ ได้แก่ การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค พลาสติก ยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร” นายบุญทรงกล่าว
ปัจจุบันเวียดนามเป็นคู่ค้าสำคัญเป็นอันดับ 4 ของไทยในระหว่างประเทศอาเซียน รองจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ตามลำดับ และเป็นคู่ค้าอันดับ 16 ของไทยในโลก ในปี 2554 การค้าระหว่างไทยกับเวียดนามมีมูลค่ารวม 9,086.3 ล้านเหรียญสหรัฐ การค้าและการลงทุนไทย-เวียดนามมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 7,059.2 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญจากไทยไปเวียดนาม ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เหล็ก ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และมีมูลค่าการนำเข้าจากเวียดนาม 2,027.10 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เหล็ก เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ด้ายและเส้นใย เคมีภัณฑ์ และน้ำมันดิบ
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 1 ที่กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2555 ว่า ไทยและเวียดนามได้ตกลงที่จะขยายความร่วมมือที่สำคัญในด้านสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าข้าวที่ไทยและเวียดนามเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกรายสำคัญของโลก โดยตกลงที่จะร่วมมือกันในด้านการค้าข้าวในตลาดโลก มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าข้าวในตลาดโลก และช่วยยกระดับชีวิตของชาวนาทั้ง 2 ประเทศให้ดีขึ้น และยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารของประชากรโลกด้วย
ทั้งนี้ ไทยและเวียดนามยังได้ตกลงจัดตั้งกลไกการแก้ไขปัญหาและลดอุปสรรคทางการค้าการลงทุนระหว่างกัน เพื่อที่จะผลักดันให้การค้า 2 ฝ่ายให้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และได้ตกลงที่จะให้การสนับสนุนความร่วมมือของภาคเอกชน โดยสนับสนุนการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม เพื่อขยายความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างกันในการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
“ไทยเป็นนักลงทุนสำคัญในเวียดนามเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน รองจากมาเลเซีย และสิงคโปร์ นักธุรกิจไทยได้เข้าไปลงทุนในเวียดนามแล้วหลายสาขา ทั้งสินค้าและบริการ ที่สำคัญ ได้แก่ การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค พลาสติก ยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร” นายบุญทรงกล่าว
ปัจจุบันเวียดนามเป็นคู่ค้าสำคัญเป็นอันดับ 4 ของไทยในระหว่างประเทศอาเซียน รองจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ตามลำดับ และเป็นคู่ค้าอันดับ 16 ของไทยในโลก ในปี 2554 การค้าระหว่างไทยกับเวียดนามมีมูลค่ารวม 9,086.3 ล้านเหรียญสหรัฐ การค้าและการลงทุนไทย-เวียดนามมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 7,059.2 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญจากไทยไปเวียดนาม ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เหล็ก ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และมีมูลค่าการนำเข้าจากเวียดนาม 2,027.10 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เหล็ก เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ด้ายและเส้นใย เคมีภัณฑ์ และน้ำมันดิบ
