ปตท.สผ.ยอมรับเป้าหมายการผลิตปิโตรเลียมจากวันละ 9 แสนบาร์เรลในปี 2563 เป็นไปได้ยาก ทำได้จริงแค่ 6 แสนบาร์เรล/วัน ขณะที่ปีนี้ตัวเลขการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 2.8 แสนบาร์เรล/วันต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย ด้านผู้ถือหุ้นไฟเขียวแผนเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นไม่เกิน 650 ล้านหุ้นตามคาด มั่นใจขายหุ้นทันสิ้นปีนี้
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายการผลิตปิโตรเลียมไว้ที่ 9 แสนบาร์เรลต่อวันในปี 2563 นั้นยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่ท้าทายและมีความเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แต่หากพิจารณาจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในขณะนี้มีความเป็นไปได้ที่เป้าหมายการผลิตในปี 2563 จะอยู่ที่ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน โตขึ้นปีละ 8% จากปัจจุบันผลิตอยู๋ 3 แสนบาร์เรล/วัน
“เป้าหมายการผลิตที่ 9 แสนบาร์เรลต่อวันในปี 2563 มีความเป็นไปได้ 15-20% ซึ่งมีความเป็นไปได้แต่ไม่ง่าย ต้องมีโอกาสดีจริงๆ ขณะที่เป้าหมายการผลิตได้จริงอยู่ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ 50% ต้องรักษาระดับการผลิตในแหล่งเดิมเอาไว้และหาแหล่งปิโตรเลียมใหม่เพิ่มเติม” นายเทวินทร์กล่าว
สำหรับเป้าหมายการผลิตปิโตรเลียมในปีนี้คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.8 แสนบาร์เรลต่อวัน ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 2.84 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็นผลจากการเลื่อนการผลิตที่แหล่งมอนทารา ออสเตรเลียจากธันวาคม 2555 เป็นกุมภาพันธ์ 2556 แทน แต่ทั้งนี้มั่นใจว่าการผลิตปิโตรเลียมในไตรมาส 4/2555 จะสูงกว่าไตรมาสที่ผ่านมา
ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม กล่าวว่า การตัดสินใจซื้อ Cove Energy ที่ราคา 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐนั้น ทำให้บริษัทฯ จะมีปริมาณสำรองน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 800 ล้านบาร์เรล จากปัจจุบันที่มีปริมาณสำรองฯ อยู่ 1,100 ล้านบาร์เรล เนื่องจาก Cove ถือหุ้นร้อยละ 8.5 ในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิก ซึ่งมีปริมาณก๊าซฯ ขนาดใหญ่ที่ค้นพบปริมาณสำรองแล้ว 27-60 ล้านล้าน ลบ.ฟ. หรือมากกว่า 6 เท่าของปริมาณสำรองก๊าซฯ ในอ่าวไทย
โดย ปตท.สผ.จะใช้เงินลงทุนในการสำรวจและพัฒนาฯ ในแปลงดังกล่าวประมาณ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 7 ปีข้างหน้า ทำให้ต้นทุนราคาก๊าซฯ จากแหล่งนี้อยู่ที่ 15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ต่ำกว่าการซื้อแปลงปิโตรเลียมที่มีการผลิตอยู่แล้วที่ 22-25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัท ปตท.สผ.เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2555ได้มีมติอนุมัติแผนเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจากเดิม 3.32 พันล้านหุ้นเป็น 3.97 พันล้านหุ้น โดยขายหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 99.966% โดยหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะกำหนดสัดส่วนหุ้นเดิมต่อหุ้นใหม่ และราคาขายหุ้นหลังจากวันที่ 7 พ.ย. 2556 สำหรับการกำหนดราคาหุ้นจะมาจากการทำ Book Building ซึ่งจะดูราคาในช่วงนั้นๆ เทียบกับราคาในอดีต และจะดู Fair Value ประกอบกัน มั่นใจว่าจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนได้ภายในปลายปีนี้
ในการออกหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าจะระดมทุน 9.8 หมื่นล้านบาทเพื่อนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้ระยะสั้นที่มาจากการซื้อ Cove Energy จำนวน 950 ล้านปอนด์ และที่เหลือจะใช้ในการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม รวมทั้งการซื้อแปลงปิโตรเลียมที่มีศักยภาพที่ดีในอนาคต
“หลังจากที่ผู้ถือหุ้นบริษัทได้อนุมัติแผนการเพิ่มทุนแล้ว บริษัทก็จะยื่นไฟลิ่งไปให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณา โดยคาดว่าขั้นตอนในการเพิ่มทุนทั้งหมดจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือนนับจากนี้ และจะทำให้สามารถเพิ่มทุนได้ทันภายในปีนี้ โดยการเพิ่มทุนจะเกิดหุ้นไดลูตจากการเพิ่มทุน 16%”
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายการผลิตปิโตรเลียมไว้ที่ 9 แสนบาร์เรลต่อวันในปี 2563 นั้นยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่ท้าทายและมีความเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แต่หากพิจารณาจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในขณะนี้มีความเป็นไปได้ที่เป้าหมายการผลิตในปี 2563 จะอยู่ที่ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน โตขึ้นปีละ 8% จากปัจจุบันผลิตอยู๋ 3 แสนบาร์เรล/วัน
“เป้าหมายการผลิตที่ 9 แสนบาร์เรลต่อวันในปี 2563 มีความเป็นไปได้ 15-20% ซึ่งมีความเป็นไปได้แต่ไม่ง่าย ต้องมีโอกาสดีจริงๆ ขณะที่เป้าหมายการผลิตได้จริงอยู่ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ 50% ต้องรักษาระดับการผลิตในแหล่งเดิมเอาไว้และหาแหล่งปิโตรเลียมใหม่เพิ่มเติม” นายเทวินทร์กล่าว
สำหรับเป้าหมายการผลิตปิโตรเลียมในปีนี้คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.8 แสนบาร์เรลต่อวัน ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 2.84 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็นผลจากการเลื่อนการผลิตที่แหล่งมอนทารา ออสเตรเลียจากธันวาคม 2555 เป็นกุมภาพันธ์ 2556 แทน แต่ทั้งนี้มั่นใจว่าการผลิตปิโตรเลียมในไตรมาส 4/2555 จะสูงกว่าไตรมาสที่ผ่านมา
ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม กล่าวว่า การตัดสินใจซื้อ Cove Energy ที่ราคา 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐนั้น ทำให้บริษัทฯ จะมีปริมาณสำรองน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 800 ล้านบาร์เรล จากปัจจุบันที่มีปริมาณสำรองฯ อยู่ 1,100 ล้านบาร์เรล เนื่องจาก Cove ถือหุ้นร้อยละ 8.5 ในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิก ซึ่งมีปริมาณก๊าซฯ ขนาดใหญ่ที่ค้นพบปริมาณสำรองแล้ว 27-60 ล้านล้าน ลบ.ฟ. หรือมากกว่า 6 เท่าของปริมาณสำรองก๊าซฯ ในอ่าวไทย
โดย ปตท.สผ.จะใช้เงินลงทุนในการสำรวจและพัฒนาฯ ในแปลงดังกล่าวประมาณ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 7 ปีข้างหน้า ทำให้ต้นทุนราคาก๊าซฯ จากแหล่งนี้อยู่ที่ 15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ต่ำกว่าการซื้อแปลงปิโตรเลียมที่มีการผลิตอยู่แล้วที่ 22-25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัท ปตท.สผ.เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2555ได้มีมติอนุมัติแผนเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจากเดิม 3.32 พันล้านหุ้นเป็น 3.97 พันล้านหุ้น โดยขายหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 99.966% โดยหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะกำหนดสัดส่วนหุ้นเดิมต่อหุ้นใหม่ และราคาขายหุ้นหลังจากวันที่ 7 พ.ย. 2556 สำหรับการกำหนดราคาหุ้นจะมาจากการทำ Book Building ซึ่งจะดูราคาในช่วงนั้นๆ เทียบกับราคาในอดีต และจะดู Fair Value ประกอบกัน มั่นใจว่าจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนได้ภายในปลายปีนี้
ในการออกหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าจะระดมทุน 9.8 หมื่นล้านบาทเพื่อนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้ระยะสั้นที่มาจากการซื้อ Cove Energy จำนวน 950 ล้านปอนด์ และที่เหลือจะใช้ในการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม รวมทั้งการซื้อแปลงปิโตรเลียมที่มีศักยภาพที่ดีในอนาคต
“หลังจากที่ผู้ถือหุ้นบริษัทได้อนุมัติแผนการเพิ่มทุนแล้ว บริษัทก็จะยื่นไฟลิ่งไปให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณา โดยคาดว่าขั้นตอนในการเพิ่มทุนทั้งหมดจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือนนับจากนี้ และจะทำให้สามารถเพิ่มทุนได้ทันภายในปีนี้ โดยการเพิ่มทุนจะเกิดหุ้นไดลูตจากการเพิ่มทุน 16%”
