สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ เร่งแก้ปัญหาค่าขนส่ง เจรจาสมาคมขนส่งสินค้าฯ ผุด “บุ๊กลอจิสติกส์” หวังลดแรงบีบจาก 2 ค่ายใหญ่ที่ขึ้นค่าฟี
นายวรพันธ์ โลกิตสถาพร นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯ อยู่ระหว่างการร่วมมือกับสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย เพื่อทำการศึกษารูปแบบการจัดทำระบบขนส่งและคลังสินค้าสำหรับธุรกิจหนังสือ (Book Logistics) เพื่อเป็นการลดต้นทุนทางธุรกิจให้แก่สมาชิกที่ส่วนใหญ่เป็นรายย่อยจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการสรุปรูปแบบจะออกมาเป็นอย่างไร ทั้งการว่าจ้าง หรือลงทุนร่วมกัน แต่เบื้องต้นพบว่ามีสมาชิกประมาณ 4-5% ที่สนใจเข้าร่วมกับโครงการบุ๊กลอจิสติกส์ครั้งนี้ด้วย
เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางผู้ประกอบการรายใหญ่ 2 สำนักพิมพ์และร้านค้าปลีกหนังสือได้ยื่นเรื่องเพื่อเสนอขึ้นค่าดำเนินการขนส่งหรือค่าธรรมเนียม 1% ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายย่อยเป็นอย่างมากและไม่พอใจกับมาตรการดังกล่าว ก็ได้มีการเจรจาเพื่อหาทางออกมาตลอด
“การเรียกเก็บค่าดีซีเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สำนักพิมพ์ต้องหันกลับมามองตัวเอง และเริ่มปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตในระยะยาว แต่รูปแบบจะเป็นอย่างไรนั้นสมาชิกจะเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งสมาคมฯ พร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการประสานงานให้” นายวรพันธ์กล่าว
สำหรับธุรกิจหนังสือในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 27,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดจัดจำหน่ายของสำนักพิมพ์ใหญ่ คือ อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ และซีเอ็ด รวมกันประมาณ 10,000 ล้านบาท ที่เหลือสำนักพิมพ์ต่างๆ ดำเนินการจัดจำหน่ายกันเอง
นายสุรทิน ธัญญะผลิน รองนายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย กล่าวว่า ความร่วมมือที่ทั้งสองสมาคมเจรจากันอยู่นี้ยังไม่สามารถสรุปรูปแบบที่ชัดเจนได้ แต่คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม หากจะได้รวดเร็วขึ้นทางผู้ประกอบการสำนักพิมพ์ต่างๆ ต้องให้ความไว้วางใจในข้อมูลสินค้าและการใช้คลังสินค้ากลางของสมาคมฯ ซึ่งเหมือนกับโครงการร้านถูกใจของกระทรวงพาณิชย์ที่สามารถเริ่มดำเนินการได้ภายใน 1 เดือน
แต่ที่โครงการร้านถูกใจเริ่มได้เร็วอาจจะเป็นเพราะว่ามีรายการสินค้าไม่มากเพียง 200 รายการเท่านั้น ขณะที่กลุ่มสินค้าของหนังสือนั้นอาจจะมีมากเป็นหมื่นรายการ จึงทำให้ต้องมีรายละเอียดมากกว่า
อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ มีความพร้อมทั้งเรื่องระบบบริหารจัดการ ระบบการขนส่ง โดยประเมินว่าเมื่อเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้วแต่ละสำนักพิมพ์อาจจะเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ประมาณ 4-5% จากปัจจุบันที่แต่ละสำนักพิมพ์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนส่งหนังสือประมาณ 7% ของต้นทุน
นายวรพันธ์ โลกิตสถาพร นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯ อยู่ระหว่างการร่วมมือกับสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย เพื่อทำการศึกษารูปแบบการจัดทำระบบขนส่งและคลังสินค้าสำหรับธุรกิจหนังสือ (Book Logistics) เพื่อเป็นการลดต้นทุนทางธุรกิจให้แก่สมาชิกที่ส่วนใหญ่เป็นรายย่อยจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการสรุปรูปแบบจะออกมาเป็นอย่างไร ทั้งการว่าจ้าง หรือลงทุนร่วมกัน แต่เบื้องต้นพบว่ามีสมาชิกประมาณ 4-5% ที่สนใจเข้าร่วมกับโครงการบุ๊กลอจิสติกส์ครั้งนี้ด้วย
เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางผู้ประกอบการรายใหญ่ 2 สำนักพิมพ์และร้านค้าปลีกหนังสือได้ยื่นเรื่องเพื่อเสนอขึ้นค่าดำเนินการขนส่งหรือค่าธรรมเนียม 1% ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายย่อยเป็นอย่างมากและไม่พอใจกับมาตรการดังกล่าว ก็ได้มีการเจรจาเพื่อหาทางออกมาตลอด
“การเรียกเก็บค่าดีซีเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สำนักพิมพ์ต้องหันกลับมามองตัวเอง และเริ่มปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตในระยะยาว แต่รูปแบบจะเป็นอย่างไรนั้นสมาชิกจะเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งสมาคมฯ พร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการประสานงานให้” นายวรพันธ์กล่าว
สำหรับธุรกิจหนังสือในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 27,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดจัดจำหน่ายของสำนักพิมพ์ใหญ่ คือ อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ และซีเอ็ด รวมกันประมาณ 10,000 ล้านบาท ที่เหลือสำนักพิมพ์ต่างๆ ดำเนินการจัดจำหน่ายกันเอง
นายสุรทิน ธัญญะผลิน รองนายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย กล่าวว่า ความร่วมมือที่ทั้งสองสมาคมเจรจากันอยู่นี้ยังไม่สามารถสรุปรูปแบบที่ชัดเจนได้ แต่คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม หากจะได้รวดเร็วขึ้นทางผู้ประกอบการสำนักพิมพ์ต่างๆ ต้องให้ความไว้วางใจในข้อมูลสินค้าและการใช้คลังสินค้ากลางของสมาคมฯ ซึ่งเหมือนกับโครงการร้านถูกใจของกระทรวงพาณิชย์ที่สามารถเริ่มดำเนินการได้ภายใน 1 เดือน
แต่ที่โครงการร้านถูกใจเริ่มได้เร็วอาจจะเป็นเพราะว่ามีรายการสินค้าไม่มากเพียง 200 รายการเท่านั้น ขณะที่กลุ่มสินค้าของหนังสือนั้นอาจจะมีมากเป็นหมื่นรายการ จึงทำให้ต้องมีรายละเอียดมากกว่า
อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ มีความพร้อมทั้งเรื่องระบบบริหารจัดการ ระบบการขนส่ง โดยประเมินว่าเมื่อเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้วแต่ละสำนักพิมพ์อาจจะเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ประมาณ 4-5% จากปัจจุบันที่แต่ละสำนักพิมพ์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนส่งหนังสือประมาณ 7% ของต้นทุน
