“ซีพีเอฟ” มั่นใจปลายปีกำลังซื้อคึกคัก ไร้ปัจจัยลบน้ำท่วม คาดยอดขายโต 30% เร่งขยายตลาดนำเข้าหอยแมลงภู่แบรนด์ซีพีจากนิวซีแลนด์เข้ามาทำตลาดผ่านร้านซีพีเฟรชมาร์ท ก่อนส่งออกต่ออีกทอด เล็งนำเข้าปลาโฮกิ เนื้อวัว เนื้อแกะ แบรนด์ซีพีจากนิวซีแลนด์อีก
นายวิทวัส ตันติเวสส รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าในช่วงปลายปีนี้ยอดขายของบริษัทฯ จะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% แน่นอนในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งกลุ่มอาหารสด ไส้กรอก อาหารพร้อมรับประทาน สแน็ก เป็นต้น เนื่องจากปลายปีเป็นช่วงหน้าขาย
อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกสนับสนุน คือ ไม่มีปัญหาน้ำท่วมใหญ่เหมือนปีที่แล้วทำให้กำลังซื้ออของผู้บริโภคมีมากขึ้นและคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา และผู้บริโภคจะออกมาจับจ่ายสินค้ากันมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจเป็นไปในทิทางที่ดี
แผนทำตลาดจากนี้ไปบริษัทฯ จะมีการนำสินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดด้วย ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัว หอยแมลงภู่แบรนด์ซีพี ที่นำเข้ามาจากนิวซีแลนด์เข้ามาทำตลาดในไทย และถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศแต่เป็นแบรนด์ซีพีเองเข้ามาจำหน่ายในไทย
โดยหอยแมลงภู่แบรนด์ซีพีนี้จะนำเข้ามาเพียงขนาดเดียวคือ 500 กรัม ราคา 115 บาท ผ่านช่องทางจำหน่ายร้านซีพีเฟรชมาร์ทกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ โดยจะเริ่มวางตลาดเดือนพฤศจิกายนนี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเนื่องจากเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของประเทศนิวซีแลนด์ และยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
ขณะเดียวกัน ภายในเดือนธันวาคมบริษัทฯ ก็มีแผนที่จะส่งออกสินค้าดังกล่าวนี้ไปจำหน่ายในต่างประเทศด้วยเช่นกัน โดยจะเริ่มที่ประเทศสิงคโปร์เป็นการทดลองตลาดก่อนที่จะขยายไปยังตลาดอื่นๆ เช่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น
ส่วนการที่บริษัทเลือกประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศแรกในการส่งออกสินค้านำเข้าจากนิวซีแลนด์ภายใต้แบรนด์ซีพีเข้าไปทำตลาดก่อนนั้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ซีพีทั้งหมดที่ได้นำเข้าไปทำตลาดก่อนหน้านี้ได้รับการตอบรับที่ดีในประเทศสิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นไก่สด ไก่ปรุงสุก หรืออาหารพร้อมรับประทาน ขณะที่จีนบริษัทฯ ก็มีธุรกิจในประเทศดังกล่าวเช่นเดียวกับฮ่องกง เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
นอกเหนือจากการนำหอยแมลงภู่เข้ามาทำตลาด บริษัทฯ มีแผนที่จะนำปลาโฮกิเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยปีหน้า ตามด้วยเนื้อวัว และเนื้อแกะจากนิวซีแลนด์ด้วย ซึ่งทุกกลุ่มสินค้าจะใช้แบรนด์ซีพีทั้งหมด
นายวิทวัส ตันติเวสส รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าในช่วงปลายปีนี้ยอดขายของบริษัทฯ จะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% แน่นอนในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งกลุ่มอาหารสด ไส้กรอก อาหารพร้อมรับประทาน สแน็ก เป็นต้น เนื่องจากปลายปีเป็นช่วงหน้าขาย
อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกสนับสนุน คือ ไม่มีปัญหาน้ำท่วมใหญ่เหมือนปีที่แล้วทำให้กำลังซื้ออของผู้บริโภคมีมากขึ้นและคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา และผู้บริโภคจะออกมาจับจ่ายสินค้ากันมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจเป็นไปในทิทางที่ดี
แผนทำตลาดจากนี้ไปบริษัทฯ จะมีการนำสินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดด้วย ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัว หอยแมลงภู่แบรนด์ซีพี ที่นำเข้ามาจากนิวซีแลนด์เข้ามาทำตลาดในไทย และถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศแต่เป็นแบรนด์ซีพีเองเข้ามาจำหน่ายในไทย
โดยหอยแมลงภู่แบรนด์ซีพีนี้จะนำเข้ามาเพียงขนาดเดียวคือ 500 กรัม ราคา 115 บาท ผ่านช่องทางจำหน่ายร้านซีพีเฟรชมาร์ทกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ โดยจะเริ่มวางตลาดเดือนพฤศจิกายนนี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเนื่องจากเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของประเทศนิวซีแลนด์ และยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
ขณะเดียวกัน ภายในเดือนธันวาคมบริษัทฯ ก็มีแผนที่จะส่งออกสินค้าดังกล่าวนี้ไปจำหน่ายในต่างประเทศด้วยเช่นกัน โดยจะเริ่มที่ประเทศสิงคโปร์เป็นการทดลองตลาดก่อนที่จะขยายไปยังตลาดอื่นๆ เช่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น
ส่วนการที่บริษัทเลือกประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศแรกในการส่งออกสินค้านำเข้าจากนิวซีแลนด์ภายใต้แบรนด์ซีพีเข้าไปทำตลาดก่อนนั้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ซีพีทั้งหมดที่ได้นำเข้าไปทำตลาดก่อนหน้านี้ได้รับการตอบรับที่ดีในประเทศสิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นไก่สด ไก่ปรุงสุก หรืออาหารพร้อมรับประทาน ขณะที่จีนบริษัทฯ ก็มีธุรกิจในประเทศดังกล่าวเช่นเดียวกับฮ่องกง เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
นอกเหนือจากการนำหอยแมลงภู่เข้ามาทำตลาด บริษัทฯ มีแผนที่จะนำปลาโฮกิเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยปีหน้า ตามด้วยเนื้อวัว และเนื้อแกะจากนิวซีแลนด์ด้วย ซึ่งทุกกลุ่มสินค้าจะใช้แบรนด์ซีพีทั้งหมด