“ไลอ้อน” ทุ่มพันล้านเพิ่มกำลังผลิตรับเออีซี เพิ่มสัดส่วนส่งออก 20% ปรับทัพบริหารสินค้าแบ่งตามหมวดสินค้าใหม่ดันรายได้สู่เป้าได้ดีกว่าบริหารตามแบรนด์ คาดส่งรายได้ทั้งปีทะลุ 12,000 ล้านบาท เติบโต 6% ล่าสุดทุ่ม 450 ล้านบาทลุยน้ำยาปรับผ้านุ่มไฮคลาสสู่บีโลว์เดอะไลน์ในรอบ 5 ปี
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี ประธานกรรมการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มของใช้ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก ยาสีฟัน และน้ำยาปรับผ้านุ่ม อีกประมาณ 50% โดยคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ลงทุนที่โรงงานเดิมคือสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์-ศรีราชา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มติดตั้งเครื่องจักรบางส่วนปีหน้า และเริ่มผลิตสินค้าได้บ้างในปี 2556
การขยายกำลังการผลิตก็เพื่อรองรับการขยายตัวในประเทศและยังรองรับการขยายตัวของการส่งออกอีกด้วย เนื่องจากว่าบริษัทฯ มีแผนจะขยายตลาดส่งออกในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้น หลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มเป็น 20% ภายในปี 2558 จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 10%
นายกัณฑชิต ศรันย์บัณฑิต ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาผ้า บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีนโยบายปรับรูปแบบบริหารการทำงานตามหมวดสินค้า จากเดิมที่จะบริหารงานกันตามแบรนด์สินค้าเพื่อให้บริหารจัดการและผลักดันยอดขายให้มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น และประสานงานไปสู่เป้าหมายเดียวกันได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารจัดการครั้งนี้มาแล้วกว่า 8-9 เดือน แต่ละหมวดสินค้ามีแนวโน้มการเติบโตดีกว่าเดิม หรือคาดว่าถึงสิ้นปีแต่ละหมวดสินค้าจะมียอดขายโตขึ้นกว่า 10-15% คาดว่ารายได้รวมบริษัทในสิ้นปีนี้ 12,000 ล้านบาท เติบโต 6%
การแบ่งสินค้าตามหมวด 6 กลุ่ม คือ 1. โฮมแคร์ 2. เพอร์ซันนัลแคร์ 3. เบบี้แคร์ 4. ออรัลแคร์ 5. ผงซักฟอก และ 6. ผลิตภัณฑ์ถนอมใยผ้า ทั้งนี้ ในกลุ่มออรัลแคร์นั้นปีหน้าจะมีการลงทุนครั้งใหญ่ในส่วนของโรงงานเพิ่มเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ให้การตอบรับกับแปรงสีฟันแบรนด์ซิสเท็มม่า ขณะที่ในปีนี้ส่วนของผลิตภัณฑ์ถนอมใยผ้า กับน้ำยาปรับผ้านุ่มไฮคลาสได้เพิ่มไลน์กำลังการผลิตเพิ่มเพื่อรุกกตลาดเซกเมนต์สูตรเข้มข้นพิเศษขึ้นมา หลังจากพบว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมากลุ่มสูตรเข้มข้นพิเศษเติบโตสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของน้ำยาปรับผ้านุ่มไฮคลาส ปีนี้ถือเป็นปีแรกในรอบ 5 ปีที่บริษัททุ่มงบกว่า 450 ล้านบาทเพื่อใช้สำหรับแผนการทำการตลาด โดยเน้นในส่วนของบีโลว์เดอะไลน์เป็นหลัก พร้อมทั้งเพิ่มสูตรเข้มข้นพิเศษ “ไฮคลาส วีว่า” ที่มีความเข้มข้นพิเศษมากกว่าปกติ 6 เท่า จากเดิมที่ไฮคลาสทำตลาดอยู่แล้วใน 2 สูตร คือ สูตรธรรมดา และสูตรเข้มข้นกว่าสูตรธรรมดา 2 เท่า โดยรายได้กว่า 80% มาจากสูตรธรรมดา และ 20% มาจากสูตรเข้มข้น
ขณะที่ภาพรวมตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มมูลค่า 7,350 ล้านบาทนั้น จากตัวเลขการสำรวจของนีลเส็นพบว่า 8 เดือนที่ผ่านมายอดขายหลักมาจากสูตรธรรมดา 59% การเติบโตอยู่ที่ 2% และสูตรเข้มข้น 41% การเติบโต 25% โดยแนวโน้มคาดว่าจะมีสัดส่วนที่ 50% ได้ในระยะอันใกล้ ดังนั้นจึงได้เข้ามารุกในกลุ่มสูตรเข้มข้นมากขึ้น และเชื่อว่าถึงสิ้นปีนี้ ไฮคลาสน่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 10-15% ขึ้นเป็นอันดับ 4 ของตลาดได้ หรือมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ในอันดับ 5 มีแชร์ 8% ขณะที่ผู้นำตลาดคือ คอมฟอร์ท 31% ดาวน์นี่ 17% ไฟน์ไลน์ 17% และไฮยีน 15% ตามลำดับ