xs
xsm
sm
md
lg

จีนดัมป์ตลาดเหล็กลวดพ่นพิษ MILL ชะลอซื้อกิจการ TSSI

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มิลล์คอนฯ ชะลอซื้อกิจการ TSSI จนกว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนในการแก้ปัญหาเหล็กลวดเจือโบรอนและโครเมียมจีนทุ่มตลาด ตั้งเป้าปีหน้ามีรายได้เพิ่มขึ้น 10-15% จากปีนี้มีรายได้รวม 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้เหล็กในไทยและประเทศเพื่อนบ้านโตขึ้น ตั้งเป้าขายเหล็กให้โครงการโรงไฟฟ้าหงสาที่ลาว 2 หมื่นตัน บิ๊กหงสาเพาเวอร์ยันโครงการเดินหน้าปกติ ไม่ได้รับผลกระทบคดีบ้านปู

นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิลล์คอนสตีล อินดัสทรีย์ จำกัด (มหาชน) (MILL) เปิดเผยว่า บริษัทชะลอการซื้อกิจการบริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) (TSSI) ไปจนกว่ารัฐบาลไทยจะมีมาตรการออกมาชัดเจนในแก้ไขปัญหาการทุ่มตลาดเหล็กลวดเจือโบรอนและโครเมียมจากจีน ซึ่งเดิมที่บริษัทฯมีแผนจะซื้อกิจการ TSSI ในปลายปีนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ TSSI ต้องหยุดผลิตเหล็กลวดแล้ว

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะซื้อกิจการ TSSI ในราคา 3,065 ล้านบาท โดยเตรียมเงินทุนไว้เรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าหากเลื่อนการซื้อกิจการออกไป 1-2 ปี วงเงินในการซื้อกิจการก็คงไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่รอจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งการชะลอการซื้อกิจการดังกล่าวนี้ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อบริษัทฯ เพียงแต่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้มิลล์คอนสตีลฯ ปีละ 9,000-10,000 ล้านบาท แต่สิ้นปีต้องแบกรับภาระขาดทุนจาก TSSI ก็ยังไม่ควรรีบร้อนซื้อกิจการ

นายสิทธิชัยกล่าวว่า ปีหน้าบริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 10-15% จากปีนี้มีรายได้รวม 1.8-2 หมื่นล้านบาท โดยไตรมาส 4/2555 มีรายได้และกำไรสุทธิดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาส 3/2555 เนื่องจากรับรู้รายได้จากการขายเหล็กให้กับโครงการโรงไฟฟ้าหงสา 200 ล้านบาทและมีการทำเหล็กเกรดพิเศษเพื่อใช้ทำคอสะพานด้วย ทำให้ทั้งปีบริษัทฯมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท หลังจากครึ่งแรกของปี 2555 มี EBITDA ใกล้เคียงปีก่อนที่ 600 ล้านบาท ส่งผลให้ปีนี้บริษัทฯมีกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาทำตลาดส่งออกเหล็กไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว กัมพูชา พม่าและอินโดนีเซีย เพื่อรองรับความต้องการใช้เหล็กในประเทศเหล่านี้ โดยปีนี้บริษัทฯมีการส่งออกเหล็กอยู่ที่ 2,000 ล้านบาทหรือคิดเป็น 10%ของรายได้รวม สูงกว่าปีก่อนเท่าตัว ขณะที่ความต้องการใช้เหล็กในไทยปีนี้อยู่ที่ 16 ล้านตัน คาดว่าปีหน้าการใช้เหล็กภายในประเทศจะโตขึ้นอีก 10% ทำให้บริษัทฯสามารถเดินเครื่องจักรเพิ่มขึ้นเป็น 80% ของกำลังการผลิตเหล็กรวม 8.5 แสนตัน จากปีนี้ที่เดินเครื่องจักรอยู่ที่ 75%ของกำลังการผลิต

วานนี้ (8 ต.ค.) บริษัท มิลล์คอนฯ ลงนามสัญญาร่วมโครงการโรงไฟฟ้าลิกไนต์หงสา ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่สุดในลาว กำลังผลิต 1,878 เมกะวัตต์ โดยโครงการดังกล่าวสั่งซื้อเหล็กของมิลล์คอนฯ ล็อตแรก 8,000 ตัน มูลค่ารวม 200 ล้านบาท เพื่อใช้ทำลานเทกองถ่านหิน คาดว่าบริษัทน่าจะขายเหล็กให้กับโครงการหงสารวม 2 หมื่นตัน

นายวรวุฒิ ลีนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หงสาเพาเวอร์ จำกัด กล่าวถึงกรณีที่ศาลแพ่งมีคำสั่งให้บริษัทบ้านปู จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยต้องชำระเงินให้นายศิวะ งานทวีและพวกเป็นเงินรวม 3.1 หมื่นล้านบาทว่า คดีดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อโครงการโรงไฟฟ้าหงสาแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการฟ้องร้องของกลุ่มเจ้าของสัมปทานเดิมกับผู้ถือหุ้นปัจจุบันเท่านั้น ล่าสุดโครงการโรงไฟฟ้าหงสามีความคืบหน้าไปแล้วตามเผน 25% คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟยูนิตแรกให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เดือน พ.ค. 2558 และจะจ่ายไฟครบ 1,500 เมกะวัตต์ในต้นปี 2556 ส่วน 1,000 เมกะวัตต์จะขายให้กับรัฐบาลลาว

โครงการโรงไฟฟ้าหงสาใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง โดยมีเหมืองถ่านหินเอง ซึ่งโครงการนี้จะใช้ถ่านหินรวมทั้งสิ้น 300 กว่าล้านตันตลอดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. 25 ปี โดยต้นทุนค่าไฟฟ้าต่ำกว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิง ทำให้ค่าไฟฟ้าของไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น