ไทยจับมือกัมพูชาเร่งขยายการค้าและการท่องเที่ยว เสนอเปิดด่าน 24 ชั่วโมง พร้อมขยายเส้นทางขนส่งสินค้าจากสระแก้วไปยังเสียมราฐ และปรับมาตรฐานบรรทุกให้สอดคล้องกัน เล็งชงคมนาคม-ท่องเที่ยว อำนวยความสะดวกด้านการผ่านแดนกระตุ้นท่องเที่ยว
นายนิยม ไวยรัชพานิช รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการความร่วมมือเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้ให้การต้อนรับและหารือร่วมกับ H.E. Tauch Chankosal รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง (Secretary of State, Ministry of Public Works and Transport) ประเทศกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะขยายความร่วมมือด้านการค้า และการท่องเที่ยวระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558
โดยในด้านการเพิ่มการค้า ขอให้มีการขยายเวลาการเปิดด่าน เพราะปัจจุบันการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ-พนมเปญต้องใช้เวลาประมาณ 2 วัน แต่ในทางปฏิบัติพบว่าต้องใช้เวลา 3-4 วัน เนื่องจากรถขนส่งที่มาถึงด่านเลยเวลา 20.00 น.ไปแล้วไม่สามารถผ่านข้ามแดนได้ ต้องนอนค้างคืนที่ประเทศกัมพูชา จึงขอให้ขยายเวลาการเปิดด่านออกไปอีก หรือให้เปิดด่าน 24 ชั่วโมง และเสนอให้ขยายเส้นทางขนส่งจากจังหวัดสระแก้วเชื่อมต่อไปยังเมืองเสียมราฐ เนื่องจากมีสินค้าไทยส่งไปยังจังหวัดเสียมราฐจำนวนมาก
ทางด้านมาตรฐานการเดินรถ ได้เสนอให้มีการปรับให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ เพราะปัจจุบันไทยอนุญาตให้รถขนส่งบรรทุกสินค้าได้ 30 ตัน แต่กัมพูชาอนุญาตให้บรรทุกได้เพียง 26 ตัน ทำให้ต้องมีการขนถ่ายสินค้า
นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านการเดินรถไทย-กัมพูชา แม้รัฐบาลทั้งสองประเทศได้จัดพิธีเปิดเดินรถระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2555 ณ จุดผ่านแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต และมีโควตาให้รถขนส่งและรถโดยสารของทั้งสองประเทศสามารถวิ่งในเส้นทางกรุงเทพฯ-พนมเปญได้แล้ว แต่ในปัจจุบันยังไม่มีรถโดยสารและรถขนส่งไทยผ่านเข้าไปในกัมพูชา เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการประกันภัยรถขนส่งและรถโดยสาร แม้ว่าผู้ประกอบการไทยสามารถซื้อประกันภัยภาคบังคับ (Blue Card Sticker) ได้ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีการประกันภัยตัวรถขนส่งและรถโดยสารที่เป็นภาคสมัครใจ เพราะว่าประกันภัยในไทยไม่ครอบคลุมไปถึงอุบัติภัยในกัมพูชา ทำให้ผู้ประกอบการยังไม่มั่นใจที่จะให้บริการเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา จึงเสนอให้ภาครัฐของทั้งสองประเทศเร่งรัดดำเนินการให้มีการขายประกันภัยตัวรถที่ครอบคลุมตลอดเส้นทางของทั้งสองประเทศ
“เบื้องต้น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้เสนอไปยังกัมพูชาว่า เส้นทางกรุงเทพฯ-พนมเปญ ไม่ได้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวหลักระหว่างไทย-กัมพูชา จึงเสนอให้ขยายเส้นทางเดินรถโดยสารระหว่างกรุงเทพฯ-เสียมราฐ เพราะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยไปเสียมราฐเป็นจำนวนมาก และหากเป็นไปได้ขอให้ขยายเพิ่มเติมเป็นเส้นทางกรุงเทพฯ-พนมเปญ-เสียมราฐ-กรุงเทพฯ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวสองเมืองหลักของกัมพูชา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศได้”
ขณะเดียวกัน ได้เสนอให้มีความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกในการผ่านแดนของนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา-เวียดนาม เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในประเทศไทยมีความต้องการที่จะท่องเที่ยวไปยังประเทศกัมพูชาและเวียดนามด้วย ในทางกลับกัน นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในกัมพูชาและเวียดนามก็สนใจที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศควรร่วมมือกันอำนวยความสะดวกในการผ่านแดนของนักท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในภูมิภาค
ปัจจุบันการพัฒนาเส้นทางสำหรับขนส่งสินค้าและผู้โดยสารในประเทศกัมพูชามีความคืบหน้า โดยการก่อสร้างทางรถไฟระยะทาง 42 กิโลเมตร (missing link) จากสีหนุวิลล์-พนมเปญ-ปอยเปต อยู่ในระหว่างการเจรจาขั้นสุดท้ายให้ภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขณะที่ญี่ปุ่นกำลังพัฒนาเส้นทางหมายเลข 5 ซึ่งจะเป็นเส้นทางสายหลักในกรอบความร่วมมือ GMS ของกัมพูชา เส้นทางหมายเลข 67 ได้รับการสนับสนุนจาก ADB ในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก
นายนิยม ไวยรัชพานิช รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการความร่วมมือเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้ให้การต้อนรับและหารือร่วมกับ H.E. Tauch Chankosal รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง (Secretary of State, Ministry of Public Works and Transport) ประเทศกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะขยายความร่วมมือด้านการค้า และการท่องเที่ยวระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558
โดยในด้านการเพิ่มการค้า ขอให้มีการขยายเวลาการเปิดด่าน เพราะปัจจุบันการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ-พนมเปญต้องใช้เวลาประมาณ 2 วัน แต่ในทางปฏิบัติพบว่าต้องใช้เวลา 3-4 วัน เนื่องจากรถขนส่งที่มาถึงด่านเลยเวลา 20.00 น.ไปแล้วไม่สามารถผ่านข้ามแดนได้ ต้องนอนค้างคืนที่ประเทศกัมพูชา จึงขอให้ขยายเวลาการเปิดด่านออกไปอีก หรือให้เปิดด่าน 24 ชั่วโมง และเสนอให้ขยายเส้นทางขนส่งจากจังหวัดสระแก้วเชื่อมต่อไปยังเมืองเสียมราฐ เนื่องจากมีสินค้าไทยส่งไปยังจังหวัดเสียมราฐจำนวนมาก
ทางด้านมาตรฐานการเดินรถ ได้เสนอให้มีการปรับให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ เพราะปัจจุบันไทยอนุญาตให้รถขนส่งบรรทุกสินค้าได้ 30 ตัน แต่กัมพูชาอนุญาตให้บรรทุกได้เพียง 26 ตัน ทำให้ต้องมีการขนถ่ายสินค้า
นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านการเดินรถไทย-กัมพูชา แม้รัฐบาลทั้งสองประเทศได้จัดพิธีเปิดเดินรถระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2555 ณ จุดผ่านแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต และมีโควตาให้รถขนส่งและรถโดยสารของทั้งสองประเทศสามารถวิ่งในเส้นทางกรุงเทพฯ-พนมเปญได้แล้ว แต่ในปัจจุบันยังไม่มีรถโดยสารและรถขนส่งไทยผ่านเข้าไปในกัมพูชา เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการประกันภัยรถขนส่งและรถโดยสาร แม้ว่าผู้ประกอบการไทยสามารถซื้อประกันภัยภาคบังคับ (Blue Card Sticker) ได้ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีการประกันภัยตัวรถขนส่งและรถโดยสารที่เป็นภาคสมัครใจ เพราะว่าประกันภัยในไทยไม่ครอบคลุมไปถึงอุบัติภัยในกัมพูชา ทำให้ผู้ประกอบการยังไม่มั่นใจที่จะให้บริการเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา จึงเสนอให้ภาครัฐของทั้งสองประเทศเร่งรัดดำเนินการให้มีการขายประกันภัยตัวรถที่ครอบคลุมตลอดเส้นทางของทั้งสองประเทศ
“เบื้องต้น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้เสนอไปยังกัมพูชาว่า เส้นทางกรุงเทพฯ-พนมเปญ ไม่ได้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวหลักระหว่างไทย-กัมพูชา จึงเสนอให้ขยายเส้นทางเดินรถโดยสารระหว่างกรุงเทพฯ-เสียมราฐ เพราะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยไปเสียมราฐเป็นจำนวนมาก และหากเป็นไปได้ขอให้ขยายเพิ่มเติมเป็นเส้นทางกรุงเทพฯ-พนมเปญ-เสียมราฐ-กรุงเทพฯ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวสองเมืองหลักของกัมพูชา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศได้”
ขณะเดียวกัน ได้เสนอให้มีความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกในการผ่านแดนของนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา-เวียดนาม เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในประเทศไทยมีความต้องการที่จะท่องเที่ยวไปยังประเทศกัมพูชาและเวียดนามด้วย ในทางกลับกัน นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในกัมพูชาและเวียดนามก็สนใจที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศควรร่วมมือกันอำนวยความสะดวกในการผ่านแดนของนักท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในภูมิภาค
ปัจจุบันการพัฒนาเส้นทางสำหรับขนส่งสินค้าและผู้โดยสารในประเทศกัมพูชามีความคืบหน้า โดยการก่อสร้างทางรถไฟระยะทาง 42 กิโลเมตร (missing link) จากสีหนุวิลล์-พนมเปญ-ปอยเปต อยู่ในระหว่างการเจรจาขั้นสุดท้ายให้ภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขณะที่ญี่ปุ่นกำลังพัฒนาเส้นทางหมายเลข 5 ซึ่งจะเป็นเส้นทางสายหลักในกรอบความร่วมมือ GMS ของกัมพูชา เส้นทางหมายเลข 67 ได้รับการสนับสนุนจาก ADB ในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก