xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอ็นเอปรับทิศลุยซื้อหนังโรง ภูธรอุ้มค้าปลีกแผ่นหนังฟื้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธุรกิจค้าปลีกแผ่นหนังฟื้นตัว ต่างจังหวัดช่วยอุ้ม ดีเอ็นเอจับมือไจแอนท์เบนเข็มลุยซื้อหนังเข้าฉายโรง หวังบาลานซ์รายได้จากธุรกิจโฮมวิดีโอ หลังอัดเพิ่ม 122 สาขาแทนที่อิมเมจิ้นในเทสโก้ ส่งสิ้นปีนี้ให้บริการกว่า 370 สาขา ดันรายได้โตพรวด 60% จาก 1,100 ล้านบาทในปีก่อน

นายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) จัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ในรูปแบบค้าปลีก ภายใต้ร้าน “DNA” เปิดเผยว่า ธุรกิจค้าปลีกแผ่นวีซีดี ดีวีดี เพลง และภาพยนตร์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น ส่วนสำคัญมาจากตลาดต่างจังหวัดที่หันมาซื้อสินค้าที่ถูกลิขสิทธิ์มากขึ้น ในขณะที่ราคาใกล้เคียงกับแผ่นผีในปัจจุบัน โดยมองว่าสิ้นปีนี้ตลาดรวมแผ่นวีซีดี ดีวีดี มูลค่า 5,000 ล้านบาทจะเติบโตได้ถึง 10%

สำหรับดีเอ็นเอ ปัจจุบันถือเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 30% โดยภายในสิ้นปีนี้มองว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 60% จาก 1,100 ล้านบาทที่ทำได้ในปีก่อน ส่วนสำคัญมาจากปีนี้มีการเพิ่มจำนวนสาขากว่า 122 สาขา เนื่องจากบริษัทได้สิทธิเข้าไปบริหารร้านในพื้นที่ของทางเทสโก้โลตัสจากเดิมที่เป็นของร้านอิมเมจิ้นและหมดสัญญาไปมาเป็นดีเอ็นเอแทน ส่งผลให้ถึงสิ้นปีนี้จะมีร้านดีเอ็นเอเปิดให้บริการทั่วประเทศกว่า 370 สาขา แบ่งเป็นต่างจังหวัด 70% และใน กทม. 30% ขณะที่สาขาเดิมยังมีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มราว 10% โดยเฉพาะฐานลูกค้าต่างจังหวัดที่ให้การตอบรับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้บริษัทจะลดความสำคัญของการขยายสาขาลง โดยจะยังคงอัตราการขยายสาขาต่อปีไว้ที่ 20-30 สาขาเป็นอย่างน้อย เป็นการขยายสาขาไปตามคู่ค้า เช่นกับเทสโก้โลตัส เป็นต้น และจะหันมาลงทุนต่อยอดสร้างรายได้เพิ่มจากธุรกิจเดิมต่อไป

ล่าสุดจับมือกับบริษัท ไจแอ้นท์พิคเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้านำเข้าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาฉายในโรงภาพยนตร์ในลักษณะของการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการร่วมกันจัดซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ (All Rights) มาบริหารเพื่อสร้างรายได้ผ่านการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ตลอดจนเผยแพร่ผ่านสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ในรูปแบบวีซีดี ดีวีดี และแผ่นบลูเรย์ โดยในอนาคตจะมีการร่วมทุนกันต่อไป

เบื้องต้นปีนี้นำเข้าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์กว่า 8 เรื่อง หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่ 7-8% ของรายได้รวมในสิ้นปีนี้ ส่วนในปีหน้าเป็นต้นไปจะนำเข้าเพิ่มเป็น 20-30 เรื่อง และเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์มากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าหมายว่าในปี 2556 รายได้จากกลุ่มธุรกิจนี้จะสร้างรายได้เป็น 20% ส่วนรายได้จากการขายแผ่นจะอยู่ที่ 80% ขณะที่รายได้รวมนั้นมั่นใจว่าจะเติบโตขึ้นได้อีกกว่า 50% หรือปิดรายได้ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาทได้
กำลังโหลดความคิดเห็น