ททท.ตั้งหลักใหม่หลังถูกตีกลับงบกิจกรรมท่องเที่ยว 3 พันล้านบาทเพื่อดันรายได้ 2 ล้านล้านบาท เล็งเสนอ 3 โครงการเสนอของบพิเศษทำตลาดแบบ QUICK WIN ปั้นรายได้เพิ่ม ยันไทยต้องเร่งสปีดด้านการประชาสัมพันธ์ เหตุคู่แข่งขันดาหน้าโหมโปรโมต ด้านความคืบหน้าแผนธุรกิจโครงการอีลิทการ์ด ยัน ตุลาคมนี้เข้า ครม.แน่
นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า การจัดทำโครงการกระตุ้นท่องเที่ยวพิเศษเพื่อผลักดันรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าสู่ 2 ล้านล้านบาทภายในปี 2558 เบื้องต้นทางคณะกรรมการชุดปฏิบัติการด้านการท่องเที่ยวเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ให้ทุกหน่วยงานดำเนินการโครงการภายใต้งบปกติประจำปีไปก่อน เน้นโครงการที่จำเป็นและเร่งด่วน ส่วนการผลักดันโครงการอื่นๆ เพิ่มเติมให้จัดทำโครงการเสนอเป็นรายกรณี เน้นที่ผลสัมฤทธิ์คือเรื่องของรายได้อย่างชัดเจนเป็นไปได้ หรือการทำตลาดแบบ QUICK WIN
“งบประมาณประจำปี 2556 ททท.ได้รับจัดสรรมาจำนวน 5,590 ล้านบาท เพิ่มจากปี2555 เล็กน้อย โดยแบ่งเป็นงบสำหรับใช้ในกิจกรรมและโครงการส่งเสริมการตลาด รวม 3,736 ล้านบาท และงบดำเนินงาน 1,854 ล้านบาท”
ดัน 3 โครงการพิเศษสร้างรายได้เพิ่ม
เบื้องต้นที่ ททท.ทำแผนไว้ แต่ยังไม่ได้นำเสนอและยังไม่ได้คำนวณว่าแต่ละโครงการจะใช้งบประมาณเท่าใด เช่น การจับมือกับเที่ยวบินเช่าเหมาลำหรือชาร์เตอร์ไฟลต์ขายแพกเกจมาเที่ยวประเทศไทย ซึ่งจะเลือกทำในเมืองที่ไม่มีเที่ยวบินตรงมาประเทศไทยเป็นหลัก, จับมือกับเอเยนต์ทัวร์รายใหญ่ ขายแพกเกจทัวร์มาประเทศไทย เน้นเชิญชวนนักท่องเที่ยวตลาดกลางถึงบน และการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้แหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ เจาะตรงไปยังนักท่องเที่ยวในตลาดเป้าหมาย เพื่อเป็นเครื่องมือในการรักษาตลาดเก่าและสร้างตลาดใหม่ เพราะปัจจุบันหลายประเทศให้ความสนใจที่จะสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทำให้รัฐบาลประเทศนั้นๆ ทุ่มงบประมาณในการที่จะโฆษณาประชาสัมพันธ์ ซึ่งคู่แข่งหลักๆ ของไทยที่ทุ่มงบประชาสัมพันธ์ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง อินเดีย และออสเตรเลีย
บอร์ดแนะ ททท.ทำแผนเชื่อม 8 คลัสเตอร์
นายสุรพลยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ททท. ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ 2556 ตามที่ ททท.เสนอ พร้อมเสนอแนะให้เพิ่มเติมในส่วนของการส่งเสริมให้มีการสร้างเอกลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวในท้องถิ่นให้โดดเด่น เพื่อนำไปเชื่อมโยงกับกลุ่มพื้นที่ท่องเที่ยวใน 8 คลัสเตอร์ของประเทศไทย รวมถึงการจัดกิจกรรมโครงการต่างๆ ควรที่จะมีการมุ่งเน้นแผนปฏิบัติที่จะเกิดผลในการขยายเป้าหมายนักท่องเที่ยวในรูปแบบพาร์ตเนอร์ออนดีมานด์ สร้างการรับรู้ว่าประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพที่เหมาะต่อนักท่องเที่ยวระดับกลางถึงระดับสูง
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังมีการรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานของบริษัท ไทยแลนด์พริวิเลจคาร์ด จำกัด หรือทีพีซี ล่าสุดยังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนธุรกิจ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ภายในเดือนตุลาคมนี้แน่นอน ซึ่งจากวงเงินที่ ครม.อนุมัติเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ทีพีซีวงเงิน 20 ล้านบาท ล่าสุดคงเหลือประมาณ 8-9 ล้านบาท เพียงพอที่จะใช้ถึงเดือนตุลาคมนี้เท่านั้น
สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติ 8 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ส.ค. 55) มีจำนวน 14,344,333 คน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.66% ขณะที่ช่วง 1-16 ก.ย. 55 มีจำนวน 82,802 คน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.90% และยังมั่นใจว่าถึงปลายปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะได้ตามเป้าหมายที่ ททท.วางไว้ 20.54 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อน 7% สร้างรายได้ 847,039 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% ส่วนปี 2556 ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 22 ล้านคน เพิ่มจากปีนี้ 8% สร้างรายได้ 966,000 ล้านบาท
แต่จากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ยอมรับว่ามีผลให้นักท่องเที่ยวจากตลาดดังกล่าวลดจำนวนวันพักลงบ้าง ทำให้ ททท.ต้องให้ความสำคัญที่จะขยายตลาดนักท่องเที่ยวระดับบน หรือนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพให้มากขึ้นเพื่อนำไปสู่รายได้ตามนโยบายของรัฐบาลคือ 2 ล้านล้านบาทในปี 2558
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการ QUICK WIN ที่จะเพิ่มรายได้ให้แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ก่อนหน้านี้ ททท.ได้เสนอของบประมาณเพิ่มเติมจากงบปี 2556 เพื่อใช้ดำเนินโครงการประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งรัฐบาลก็ต้องพิจารณาว่าคุ้มกับการลงทุนหรือไม่