สทท.จี้รัฐบาลเร่งสร้างความชัดเจนในโครงการด้านท่องเที่ยวเพื่อเป้าหมาย 2 ล้านล้านบาทในปี 58 จะเป็นจริง ยอมรับความกังวลด้านเศรษฐกิจ ปัญหาเงินเฟ้อภายในประเทศ ฉุดความมั่นใจผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่ำ 100 หวั่นลากยาวถึงสิ้นปี
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานฝ่ายนโยบายสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า นโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาทในปี 58 ของรัฐบาล จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นความชัดเจนของโครงการรัฐที่จะมาผลักดันให้เกิดรายได้เพิ่ม ไม่เหมือนกับกลุ่มธุรกิจลอจิสติกส์ที่มีแผนออกมาชัดเจนแล้วว่าจะทำโครงการอะไรบ้าง ใช้งบประมาณเท่าไหร่ และคาดไว้ว่าโครงการจะเสร็จในกี่ปี ซึ่งหากรัฐบาลต้องการให้มีรายได้ตามแผนที่วางไว้ควรเร่งวางโครงการให้ออกมาชัดเจนได้แล้ว โดยใช้วิธีแบ่งโครงการเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (คลัสเตอร์ท่องเที่ยว) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเคยแบ่งไว้มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์
เพราะหากมีแผนงานที่ชัดเจน เมื่อรัฐบาลกระจายงบไปให้แต่ละจังหวัดทำโครงการเอง การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และการพัฒนาแบบเป็นคลัสเตอร์จะมีการหาจุดขายร่วมกันภายในจังหวัดที่อยู่ในคลัสเตอร์เดียวกัน พร้อมทำโครงการสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเข้าไปสนับสนุน
สำหรับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยว ไตรมาส 2 พบระดับความเชื่อมั่นอยู่ที่ 92 ต่ำกว่าระดับ 100 ซึ่งเป็นตัวเลขในระดับสถานการณ์ปกติ แต่ยังถือเป็นตัวเลขดีกว่าที่คาดไว้ และยังดีมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เพราะไตรมาส 2 เป็นช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซัน)
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการเองก็ยังไม่มั่นใจกับทิศทางต้นทุนการดำเนินงานมากนัก เหตุเพราะค่าครองชีพมีการปรับตัวสูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงงานและราคาสินค้า นอกจากนั้นยังมีความกังวลผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ส่วนความกังวลเรื่องภัยธรรมชาติและภัยจลาจลมีลดน้อยลง
สำหรับการคาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย. 55) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 92 เท่าๆ กับไตรมาส 2 ต่ำกว่าระดับปกติเล็กน้อย เพราะผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลเรื่องปัญหาเศรษฐกิจของไทยในเรื่องของต้นทุนแรงงานและค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงความกังวลถึงจำนวนคู่แข่งขันและการแข่งขันที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลจากการสำรวจมีปัจจัยบวกที่มีผลต่อความมั่นใจของผู้ประกอบการหลายส่วน คือ เรื่องของความสะดวกในการเดินทาง การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวที่ดี และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดย 42% ของผู้ประกอบการคิดว่านโยบายรัฐจะช่วยกระตุ้นกระแสความต้องการของนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น จะมีประโยชน์ต่อธุรกิจท่องเที่ยว ขณะที่ 42% ยังต้องการให้รัฐสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ดีขึ้น และอีก 46% เห็นว่าเอกชนควรมีความตื่นตัวในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและติดตามความเปลี่ยนแปลงให้มากขึ้น
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานฝ่ายนโยบายสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า นโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาทในปี 58 ของรัฐบาล จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นความชัดเจนของโครงการรัฐที่จะมาผลักดันให้เกิดรายได้เพิ่ม ไม่เหมือนกับกลุ่มธุรกิจลอจิสติกส์ที่มีแผนออกมาชัดเจนแล้วว่าจะทำโครงการอะไรบ้าง ใช้งบประมาณเท่าไหร่ และคาดไว้ว่าโครงการจะเสร็จในกี่ปี ซึ่งหากรัฐบาลต้องการให้มีรายได้ตามแผนที่วางไว้ควรเร่งวางโครงการให้ออกมาชัดเจนได้แล้ว โดยใช้วิธีแบ่งโครงการเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (คลัสเตอร์ท่องเที่ยว) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเคยแบ่งไว้มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์
เพราะหากมีแผนงานที่ชัดเจน เมื่อรัฐบาลกระจายงบไปให้แต่ละจังหวัดทำโครงการเอง การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และการพัฒนาแบบเป็นคลัสเตอร์จะมีการหาจุดขายร่วมกันภายในจังหวัดที่อยู่ในคลัสเตอร์เดียวกัน พร้อมทำโครงการสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเข้าไปสนับสนุน
สำหรับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยว ไตรมาส 2 พบระดับความเชื่อมั่นอยู่ที่ 92 ต่ำกว่าระดับ 100 ซึ่งเป็นตัวเลขในระดับสถานการณ์ปกติ แต่ยังถือเป็นตัวเลขดีกว่าที่คาดไว้ และยังดีมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เพราะไตรมาส 2 เป็นช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซัน)
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการเองก็ยังไม่มั่นใจกับทิศทางต้นทุนการดำเนินงานมากนัก เหตุเพราะค่าครองชีพมีการปรับตัวสูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงงานและราคาสินค้า นอกจากนั้นยังมีความกังวลผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ส่วนความกังวลเรื่องภัยธรรมชาติและภัยจลาจลมีลดน้อยลง
สำหรับการคาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย. 55) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 92 เท่าๆ กับไตรมาส 2 ต่ำกว่าระดับปกติเล็กน้อย เพราะผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลเรื่องปัญหาเศรษฐกิจของไทยในเรื่องของต้นทุนแรงงานและค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงความกังวลถึงจำนวนคู่แข่งขันและการแข่งขันที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลจากการสำรวจมีปัจจัยบวกที่มีผลต่อความมั่นใจของผู้ประกอบการหลายส่วน คือ เรื่องของความสะดวกในการเดินทาง การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวที่ดี และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดย 42% ของผู้ประกอบการคิดว่านโยบายรัฐจะช่วยกระตุ้นกระแสความต้องการของนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น จะมีประโยชน์ต่อธุรกิจท่องเที่ยว ขณะที่ 42% ยังต้องการให้รัฐสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ดีขึ้น และอีก 46% เห็นว่าเอกชนควรมีความตื่นตัวในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและติดตามความเปลี่ยนแปลงให้มากขึ้น
