“จารุงพงศ์” ยันตั้ง “วิเชียร” นั่งปลัดคมนาคมเหมาะสม ยอมรับการขับเคลื่อนรถไฟฟ้า 10 สายอาจสะดุดบ้างแต่ไม่มาก เตรียมจับเข่าคุยปรับการทำงาน ดันรองปลัดฯ ช่วยประคองงานให้เดินตามแผน ชูจุดเด่นอดีต ผบ.ตร.ทำงานประสานตำรวจช่วยแก้ปัญหาจราจร คุมเข้มน้ำหนักรถบรรทุกช่วยลดถนนพังและอุบัติเหตุ เผยให้ทำงานที่ถนัดเชื่อเวลา 1 ปีคุ้มค่า
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นปลัดกระทรวงคมนาคมว่า การโยกย้าย พล.ต.อ.วิเชียรจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมนั้น เป็นไปตามระเบียบที่สามารถเปลี่ยนแปลงโยกย้ายข้าราชการระดับ 11 ข้ามกระทรวงได้ และ พล.ต.อ.วิเชียรถือว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม เป็นนักวิชาการ นักบริหาร และวางระบบดี สามารถทำงานร่วมกันได้ไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการแต่งตั้งโยกย้ายบุคคลภายนอกเป็นปลัดกระทรวงคมนาคมครั้งนี้อาจทำให้ข้าราชการของกระทรวงคมนาคมเองขาดความก้าวหน้าในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งปลัดกระทรวง แต่ทันทีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งเรียบร้อย ได้พูดคุยกับข้าราชการระดับสูง ทั้งรองปลัดกระทรวงและหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ต่างยืนยันว่าพร้อมที่จะสนับสนุนและทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.วิเชียร เพื่อเร่งรัดโครงการต่างๆ ให้เดินหน้าตามแผน ซึ่งได้บอกกับคนที่มีโอกาสแต่ไม่ได้ขึ้นตำแหน่งปลัดฯ ว่าอย่าเสียกำลังใจ และต้องชื่นชมในเรื่องวินัยและสปิริตของข้าราชการทุกคนที่นี่
ส่วนการทำงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของกระทรวง เช่น โครงการรถไฟฟ้า 10 สายนั้น เชื่อว่าโครงการรถไฟฟ้าจะไม่ได้รับผลกระทบ หรือเกิดความล่าช้ามากนัก เนื่องจากมีรองปลัดกระทรวงฯ ช่วยทำงานได้ ทั้งนี้ จะต้องมีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.วิเชียร และอาจจะต้องปรับการทำงานบ้างแต่คงไม่มากนัก โดยดูว่าความถนัดของแต่ละคน หากเน้นการทำงานในส่วนที่มีความถนัดก็เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์คุ้มค่ากับเวลา 1 ปีในตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม
โดยภารกิจของกระทรวงคมนาคมนอกจากด้านขนส่งแล้ว ยังมีด้านจราจรที่ขณะนี้ทั้งในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และทั่วประเทศมีปัญหาจราจรมาก จึงจะนำจุดเด่นของพ ล.ต.อ.วิเชียรที่เป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คุมตำรวจทั่วประเทศมาแก้ปัญหานี้
“ปัญหาจราจรเกิดจากคนไม่เคารพกฎกติกา ซึ่งตำรวจจะเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายนั้นล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.วิเชียร ดังนั้นจะทำให้การประสานงานเพื่อควบคุมให้ปฏิบัติตามกฎจราจรต่อจากนี้มีความเข้มข้นมากขึ้น และจะทำให้ลดอุบัติเหตุ เกิดความปลอดภัยมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ การควบคุมที่เข้มงวดขึ้นจะช่วยแก้ปัญหาการบรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักทำให้ถนนเสียหายและสิ้นเปลืองงบประมาณซ่อมบำรุงด้วย” นายจารุพงศ์กล่าว