กฟผ.เผยยังตุนน้ำ 2 เขื่อนใหญ่ได้อีกเพียบ ล่าสุดแทบจะไม่ได้ปล่อยน้ำเพื่อดูแลผลกระทบท้ายเขื่อนลดปริมาณน้ำท่วมจังหวัดสุโขทัยและพิษณุโลก มั่นใจปีนี้น้ำจะไม่ท่วมหนักเช่นปีที่ผ่านมา มองลุ่มน้ำยมควรจะมีการบริหารจัดการน้ำเพื่อไม่ให้ท่วมซ้ำซาก
นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทษไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.อยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์อย่างใกล้ชิดตามคำสั่งของคณะอนุกรรมการติดตามและแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ที่ให้ กฟผ.ระบายน้ำออกจากทั้ง 2 เขื่อนให้น้อยที่สุด ซึ่งขณะนี้มีการระบายน้ำออกเพียง 1-2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีน้ำไปใช้ในระบบการประปา
“เราจะระบายให้น้อยสุดเพื่อไม่ให้ประชาชนที่อยู่ท้ายเขื่อนได้รับผลกระทบ
โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในจังหวัดสุโขทัยและพิษณุโลก และเราเองก็บริหารตามนโยบายที่ต้องการเน้นการป้องกันน้ำท่วมเป็นปัจจัหลัก” นายสุทัศน์กล่าว
สำหรับปริมาณการกักเก็บน้ำของทั้ง 2 เขื่อนยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่แล้วค่อนข้างมาก โดยเขื่อนสิริกิติ์กักเก็บน้ำที่ 63% ของความจุเขื่อน รองรับน้ำได้อีก 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนภูมิพลกักเก็บที่ 56% ของความจุเขื่อน รองรับน้ำได้อีก 6,000 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมเป็น 9,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อเทียบระยะเวลาฝนหลากที่คาดว่าเหลืออีกไม่เกิน 1 เดือนทำให้มั่นใจว่าปีนี้จะไม่เกิดภาวะน้ำท่วมหนักเช่นปีที่ผ่านมาแน่นอน
“เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำไหลเข้า 30-40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่มีการปล่อยน้ำแค่ 1-2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเท่านั้นแต่จากที่ฝนตกมาต่อเนื่องเราก็หวังว่าจะมีน้ำเพียงพอในฤดูแล้งนี้” นายสุทัศน์กล่าว
ทั้งนี้ มองว่าควรมีการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำยมที่ขณะนี้ไม่มีกลไกดูแลโดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เนื่องจากลุ่มน้ำยมที่มีปริมาณน้ำไหลเฉลี่ย 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีเมื่อมีฝนตกมากมวลน้ำเหล่านี้ก็จะทะลักเข้าท่วมเป็นปกติทุกปี
นายสุทัศน์ยังกล่าวถึงการร่วมมือกับกระทรวงพลังงานในการดำเนินงานฉลากเบอร์ 5 รักษ์โลก รักษ์เรา มาครบ 19 ปีแล้ว ซึ่งสามารถประหยัดการใช้ไฟลง 4,600 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่า 48,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวจะดำเนินงานต่อไปเพื่อช่วยชาติประหยัดพลังงาน ซึ่งปีนี้ กฟผ.ได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการปรับปรุงประสิทธิภาพอุปกรณ์ไฟฟ้าใหม่เพิ่มขึ้น 3 ผลิตภัณฑ์ได้แก่ หลอด LED ตู้แช่สินค้า และเครื่องซักผ้า เพื่อนำไปสู่ผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการส่วนของหลอด LED จำนวน 37 ราย ตู้แช่สินค้า 15 ราย และเครื่องซักผ้า 9 ราย
