กระทรวงพลังงานเบรกประชุม กบง.ทำให้การพิจารณาราคาแอลพีจีภาคขนส่งต้องเลื่อนออกไป “อารักษ์” ขอดูทิศทางพลังงานให้ชัดเจนก่อนนัดเคาะ เหตุน้ำมันโลกพุ่งสูงหลังสหรัฐฯ ออกมาตรการคิวอี 3 และปัญหาในตะวันออกกลาง จับตาแนวโน้มน้ำมันขายปลีกในไทยสุดสัปดาห์กลุ่มเบนซินส่อแววขยับ หลังเชลล์ขึ้นนำไปแล้ว 30 สตางค์ต่อลิตร
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (14 ก.ย.) ได้ตัดสินใจที่จะไม่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณาแนวทางการปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่งรวมถึงการบริหารกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะเข้าไปดูแลระดับราคาขายปลีกน้ำมันเพราะต้องการดูแนวโน้มราคาพลังงานที่ชัดเจนหลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (เอฟโอเอ็มซี) เปิดเผยว่า เตรียมออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ครั้งที่ 3 (QE3)
“ราคาพลังงานมีหลายปัจจัยที่ทำให้ผันผวนสูงทั้งมาตรการคิวอี 3 ความขัดแย้งทางศาสนา ปัญหานิวเคลียร์ ปัญหาอิหร่าน ซึ่งอาจจะมีการประชุม กบง.สัปดาห์หน้า” นายอารักษ์กล่าว
นายอารักษ์กล่าวว่า ในส่วนของราคาแอลพีจี ภาคยานยนต์ยอมรับว่ามีความน่าเป็นห่วงและมีทิศทางที่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนราคา เพราะขณะนี้ราคาตลาดโลกปรับตัวไปถึง 1,030 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือกว่า 41 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาในไทย 21.38 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า หลังจากเกิดปัญหาความขัดแย้งด้านศาสนาในตะวันออกกลางและสหรัฐออกมาตรการคิวอี 3 ทำให้ราคาน้ำมันดิบขณะนี้มีความเคลื่อนไหวในทิศทางที่สูงโดยตลาดนิวยอร์ดมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เบรนท์ลอนดอนมีโอกาสวิ่งไปที่ระดับ 120 เหรียญต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นคาดว่าจะมีผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ปรับขึ้นตามส่งผลให้มีแนวโน้มที่ผู้ค้าน้ำมันอาจต้องปรับขึ้นราคากลุ่มเบนซินในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากค่าการตลาดของผู้ค้าขณะนี้กลุ่มเบนซินเฉลี่ยที่ 1.20 บาทต่อลิตร ดีเซล 1.40 บาทต่อลิตร โดยในส่วนของบริษัทเชลล์ได้ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกในกลุ่มเบนซินไปแล้ว 30 สตางค์ต่อลิตรมีผลตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 ก.ย.