กระทรวงอุตสาหกรรมลงพื้นที่เช็กความพร้อมเขื่อนกั้นน้ำรอบนิคมฯ 6 แห่ง ส่วนใหญ่ก่อสร้างคืบหน้ากว่า 85% เว้นสหรัตนนครที่คืบ 10% แต่จะเร่งให้เสร็จโดยเร็วหลังทหารเข้าดำเนินงานแล้ว
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการฟื้นฟูและวางระบบป้องกันอุทกภัยของนิคมอุตสาหกรรม เขตอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม หลังจากเดินทางเข้าตรวจนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่งเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าส่วนใหญ่คืบหน้ากว่า 85% ยกเว้นนิคมฯ สหรัตนนครที่จะเร่งดำเนินการต่อไป ภาพรวมจึงมั่นใจว่าจะสามารถรับสถานการณ์น้ำหลากที่มากขึ้นในฤดูฝนปีนี้ได้มีประสิทธิภาพ
สำหรับความคืบหน้าของการสร้างเขื่อนรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 6 แห่ง ปรากฏว่า เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนครขณะนี้มีความคืบหน้าราว 97% เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมโรจนะคืบหน้า 95% นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) คืบหน้าไปแล้วราว 90% สวนอุตสาหกรรมบางกะดีคืบหน้า 85% นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน คืบหน้าไปแล้ว 80% ส่วนนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครได้รับการสนับสนุนจากกองทัพบก ในการจัดกำลังพลจำนวน 5 หน่วย พร้อมยุทโธปกรณ์ เครื่องจักรจำนวน 5 ชุด เข้าไปร่วมสร้างเขื่อนดิน ขณะนี้มีความคืบหน้าประมาณ 10%
“การสร้างเขื่อนมีระยะทางความยาวกว่า 143 กิโลเมตร วงเงินรวม 3,236 ล้านบาท ด้านเขตประกอบการอุตสาหกรรมแฟกตอรีแลนด์นั้นไม่มีการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม แต่เตรียมการด้วยวิธีอื่น ซึ่งปีนี้กระทรวงอุตสาหกรรมคาดว่าทุกนิคมอุตสาหกรรมจะสามารถป้องกันน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี และไม่เกิดความเสียหายจากอุทกภัยเช่นปีที่ผ่านมา” นายวิฑูรย์กล่าว
สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 839 รายนั้นได้เปิดกิจการเต็มที่ไปแล้วจำนวน 403 ราย เปิดกิจการบางส่วนจำนวน 280 ราย คิดเป็น 81% ส่วนที่มีแผนจะเปิดดำเนินกิจการในปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปี 2556 อีกทั้งหมด 51 ราย ปิดกิจการไปทั้งหมด 59 ราย ส่งเคลมประกันจำนวน 176 ราย ได้รับเงินประกันแล้ว 40 ราย และมีผู้ประกอบการที่ยื่นขอรับสิทธิตามประกาศกระทรวงฯ อีก 19 ราย
ในส่วนของการฟื้นฟูโรงงานขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นอกนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยนั้น โรงงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่นอกเขตนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยมีทั้งหมดจำนวน 761 ราย เปิดดำเนินการเต็มที่ไปแล้ว 511 ราย และเปิดดำเนินการบางส่วนจำนวน 153 ราย คิดเป็น 87% เงินลงทุนจำนวน 264,000 ล้านบาท และมีโรงงานที่ปิดกิจการเพียง 7 โรงงานเท่านั้น ส่วนสถานประกอบการอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยมีทั้งหมด 7,138 ราย และได้เปิดดำเนินกิจการไปแล้วทุกราย ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้เศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมขับเคลื่อนไปข้างหน้าต่อไป
