xs
xsm
sm
md
lg

สสปน.ผนึกเวียดเทรดลุยตลาด ยอมรับอินโดนีเซียคู่แข่งน่ากลัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สสปน.ฝ่ายงานแสดงสินค้าวางแผนบุกตลาดเวียดนาม ประเดิมเซ็น MOU กับเวียดเทรด หวังส่งเสริมการจัดงานซึ่งกันและกัน ตั้งเป้าปีนี้เติบโต 10% โกยรายได้กว่า 8 พันล้านบาท ก่อนร่วมโครงการดี-ไมซ์เจาะแนวตะเข็บชายแดน และกลุ่มบิมสเทค ยอมรับอินโดนีเซียเป็นคู่แข่งขันที่น่ากลัวด้วยจำนวนประชากรกว่า 200 ล้านคน  

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายงานแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) เปิดเผยว่า แผนงานของฝ่ายงานแสดงสินค้าฯ หรือเอ็กซิบิชัน จากนี้ไปจะเน้นการทำงานแบบเจาะลึกเป็นรายประเทศ และรายอุตสาหกรรม โดยจะให้ความสำคัญต่อตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC และแผนการทำงานจะต้องสอดคล้องกับแผนการกระตุ้นตลาดแสดงสินค้ากลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ GMS 

ล่าสุดได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สสปน.กับสำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนาม (เวียดเทรด) เพื่อร่วมกันผลักดันและส่งเสริมอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าให้เป็นเวทีในการกระตุ้นให้เกิดการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ โดยมีเมืองเป้าหมายคือ โฮจิมินห์ ฮานอย และดานัง ซึ่งถือเป็นเมืองเศรษฐกิจหลัก 

“ปัจจุบันเทรนด์โลกมีการปรับเปลี่ยน มาเน้นที่การสร้างเครือข่ายการทำงานมากกว่าการทำตลาดแต่เพียงผู้เดียว เพื่อลดความเสี่ยง และสร้างความน่าสนใจให้มีมากขึ้น ส่วนการนำเสนอขายสินค้าจะใช้งานแสดงสินค้าเป็นเครื่องมือหรือกิจกรรมหลักของการส่งเสริมการขาย แทนที่การจัดประชุมกลุ่มย่อยหรือเทรดย่อย และที่ตัดสินใจเริ่มทำการตลาดในประเทศเวียดนามเพราะในกลุ่ม GMS เวียดนามมีความพร้อมมากที่สุด เพราะมีการเติบโตทางอุตสาหกรรมหลายแขนง ทั้งภาคเกษตร การก่อสร้าง พลังงาน อาหาร โทรคมนาคม และการบริการเชื่อมโยงการท่องเที่ยว ซึ่งการ MOU ครั้งนี้จะเริ่มจากการจับมือร่วมกับภาครัฐบาล และขยายสู่สมาคมและองค์กร จากนั้นจึงรุกคืบสู่ภาคเอกชนตามลำดับ”

สำหรับแผนที่จะส่งเสริมตลาดเวียดนามคือ จะเชิญชวนผู้ซื้อและผู้ขายชาวเวียดนามมาออกร้านและเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศไทยให้มากขึ้น ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสนใจและมีศักยภาพที่จะมาร่วมงานแสดงสินค้า ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมการเกษตร พลังงาน อาหาร สิ่งทอ และชิ้นส่วนรถยนต์

ขณะที่เวียดเทรดจะเป็นหน่วยงานช่วยประชาสัมพันธ์ปฏิทินการจัดงานแสดงสินค้าของไทยให้ผู้ประกอบการได้รับทราบ และยังเป็นหน่วยงานสำคัญที่จะช่วยขยายฐานตลาดผู้ออกร้าน และผู้ร่วมงานจากเวียดนามให้แก่ไทย  

โดยเวียดเทรดมีหน่วยงานสาขาย่อยทั่วประเทศเวียดนามรวม 63 แห่ง และยังมีสมาคมจากอุตสาหกรรมต่างๆ อีกกว่า 36 สมาคม ตั้งเป้าหมายให้ตลาดเวียดนามเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ในปีนี้ จากการดึงภาคธุรกิจของเวียดนามมาร่วมแสดงสินค้าในไทยสร้างรายได้ 8 พันล้านบาท จากจำนวนผู้ร่วมงานกว่า 8 หมื่นคน 

การเจาะตลาดเวียดนามในครั้งนี้นอกจากมองเห็นศักยภาพความพร้อมแล้ว สสปน.ยังต้องการฟื้นตลาดนี้ให้กลับคืนมา เพราะจากสถิติผู้ร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างปี 2551-2552 ผู้ร่วมงานที่มาจากเวียดนามติดอันดับ 1 ใน 5 ของไทย แต่เมื่อเวียดนามต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศตลาดนี้ก็ชะลอตัวไป อีกทั้งการจัดแสดงสินค้าในเวียดนามมีจำนวนเกือบ 1,000 งานต่อปี แต่เป็นงานที่เป็นระดับอินเตอร์เทรดจริงๆ เพียง 70 งาน 

อย่างไรก็ตาม มองว่าเวียดนามไม่ใช่คู่แข่งขันที่น่ากลัวสำหรับประเทศไทยในด้านการเป็นศูนย์กลางทางการแสดงสินค้านานาชาติในอาเซียน เพราะส่วนใหญ่เป็นงานแสดงสินค้าระดับท้องถิ่นที่ซื้อขายกันเองภายในประเทศ หรือราว 800 งานต่อปี แต่ประเทศที่น่าจับตามองว่าจะขึ้นเป็นคู่แข่งของไทยได้ในเร็วๆ นี้ คืออินโดนีเซีย เพราะมีจำนวนประชากรมากกว่า 200 ล้านคน จึงเป็นตลาดเป้าหมายของผู้จัดงานเอ็กซิบิชันที่จะใช้เวทีนี้ในการนำเสนอขายสินค้า และการเจรจาธุรกิจ   

แต่จุดอ่อนคือลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะจำนวนมาก การเดินทางจึงไม่สะดวกเท่าประเทศไทย ส่วนตลาดอื่นๆ ฝ่ายงานแสดงสินค้าจะร่วมกับโครงการดี-ไมซ์ของฝ่ายโดเมสติกไมซ์ เพื่อส่งเสริมตลาดแนวตะเข็บชายแดน โดยเฉพาะทางจีนตอนใต้ และ กลุ่มประเทศ  BIMSTEC มีสมาชิกรวม 7 ประเทศ คือ บังกลาเทศ ศรีลังกา อินเดีย ไทย พม่า เนปาล และภูฏาน ซึ่งจะเป็นประตูเชื่อมต่อไปยังยุโรป 

นางศุภวรรณกล่าวอีกว่า จากข่าวที่ว่าศูนย์การประชุมนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ใกล้เสร็จแล้ว จึงมีผู้จัดงานประชุมเริ่มให้ความสนใจสอบถามข้อมูลของศูนย์ประชุมฯเชียงใหม่เข้ามายัง สสปน.บ้างแล้ว แต่ในส่วนของงานแสดงสินค้ายังไม่มีผู้สนใจสอบถามเข้ามา และเชื่อว่าหากศูนย์ประชุมฯ เปิดให้บริการจะช่วยกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวในเมืองเชียงใหม่ให้คึกคัก เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สวยงามจึงเหมาะสำหรับตลาดประชุมและอินเซนทีฟ
กำลังโหลดความคิดเห็น