ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) เดินหน้าผลักดันให้ภูเก็ตเป็นนครแห่งไมซ์ระดับโลก หวังดึงกลุ่มไมซ์เข้ามาภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น จากกำลังซื้อที่สูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 3 เท่าตัว
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (26 เม.ย.) ที่ห้องสัมมนา โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “เปิดประสบการณ์ไมซ์ พัฒนาภูเก็ตสู่ไมซ์ซิตี้ อย่างยั่งยืน ชูมิติใหม่เมืองไมซ์อันดามัน ขึ้นแท่นไมซ์ซิตี้อันดับ 2 ของไทย” โดยมี นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ พร้อมด้วยหน่วยงานข้าราชการ รวมทั้งประชาชนที่เกี่ยวข้องในธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมไมซ์ เข้าร่วมงาน เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดชายฝั่งอันดามันอย่างยั่งยืน
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางจังหวัดมองเห็นถึงความสำคัญในการสร้างมูลค่า และคุณค่า รวมทั้งเตรียมบูรณาการร่วมกับจังหวัดในเขตชายฝั่งอันดามัน กำหนดแผนยุทธศาสตร์พัฒนาเมืองในระยะ 4 ปี ผลักดันให้เป็น “มหัศจรรย์เสน่ห์อันดามัน เมืองท่องเที่ยวระดับโลก เป้าหมายของนักเดินทางทั่วโลก” โดยเน้นเป็น 4 ยุทธศาสตร์ คือ การส่งเสริมการจัดประชุมนิทรรศการ การจัดแสดงสินค้าโดยพัฒนา การบริการด้านการท่องเที่ยว การส่งเสริมธุรกิจทางทะเลแบบครบวงจร เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและการท่องเที่ยวภายในจังหวัดภูเก็ต
“ภูเก็ตมีเป้าหมายพัฒนาต่อยอดจากจุดแข็งของจังหวัดในฐานะเมืองท่องเที่ยว และศูนย์กลางธุรกิจของภาคใต้ให้มีความพร้อมมากยิ่งขึ้น โดยได้ดำเนินการแล้วหลายด้าน เช่น การส่งเสริมท่าเรือมารีนา ธุรกิจเดินเรือท่องเที่ยว การพัฒนาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่สำคัญต้องต่อยอดให้เป็นจุดขายด้าน MICE ที่สำคัญยังมีเป้าหมายใช้ศักยภาพการเป็นศูนย์กลางของธุรกิจ เพื่อเชื่อมโยงความก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจและสังคมสู่เขตอันดามันโดยรอบ” นายไมตรีกล่าวและว่า
ด้าน นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายแสดงสินค้านานาชาติฯ เปิดเผยว่า จังหวัดภูเก็ตมีสถานะเป็น 1 ใน 4 เมืองที่เป็นนครแห่งไมซ์ หรือไมซ์ซิตี้ ของประเทศไทย โดยมีเอกลักษณ์ที่พิเศษของความเป็นเกาะมหัศจจรย์เสน่ห์อันดามัน เป็นที่นิยมของนักเดินทางทั่วโลก มีระบบคมนาคม ขนส่ง โรงแรม สถานที่จัดประชุม จนทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ของจังหวัดภูเก็ต ในปี พ.ศ.2555 ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 4,820 ล้านบาท สูงเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ ซึ่งมีงบประมาณอุตสาหกรรมไมซ์จากต่างประเทศ 4,725 ล้านบาท และไมซ์เป็นภายในประเทศ จำนวน 95 ล้านบาท มีการจัดงานภายในจังหวัด จำนวน 788 ครั้ง มีนักเดินทางเข้าร่วมงานกว่า 79,862 คน แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 59,066 คน คนไทย จำนวน 20.796 คน จึงทำให้จังหวัดภูเก็ตเป็นแนวทางเมืองแห่งไมซ์ที่เชื่อมโยงกับทั่วโลก
ขณะที่ นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายในงานสัมมนาว่า การสนับสนุนจังหวัดภูเก็ตเป็นนครแห่งไมซ์ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่มีความพยายามผลักดันมานานแล้ว ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทางรัฐบาลในแต่ละสมัยมีความพยายามสร้างศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ ที่สามารถรองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ แต่ล่าสุด ก็ได้มีการระงับแผนดังกล่าวไว้ อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้ไปทางจังหวัดภูเก็ตควรที่จะพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน MICE อย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากภายในปี พ.ศ.2558 ที่จะถึง ประเทศไทยต้องเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดประชาคมอาเซียน หรือ AEC ดังนั้น จึงต้องพัฒนาสิ่งเหล่านี้ไว้รองรับการเติบโตของจังหวัด ส่วนในเรื่องของสถานที่นั้น ก็ควรต้องรอให้ทางภาครัฐ หรือภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการต่อไป หากมีการก่อสร้างแล้วเสร็จ บุคลากรที่พัฒนาไว้ก็จะถูกนำมาใช้ให้สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรม MICE ภายในจังหวัดภูเก็ต
“กลุ่มไมซ์ได้สร้างรายได้มากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 3-4 เท่า ดังนั้น หากในแต่ละปีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าจังหวัด 9 ล้านคน เท่ากับว่าขอให้มีกลุ่มธุรกิจไมซ์เดินทางเข้ามาจัดกิจกรรม เพียง 3 ล้านคน รายได้ทั้งหมดก็จะเทียบเท่ากัน ที่สำคัญยังเป็นการลดความแออัดที่เกิดขึ้นในจังหวัด รวมทั้งในอนาคตยังสามารถคัดกรองนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาได้ เนื่องจากปัจจุบันเริ่มมีนายทุนต่างชาติแอบแฝงเข้ามาเปิดธุรกิจบริการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ หากปรับปรุงยึดกลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์มากขึ้น ก็จะช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นจากกลุ่มนายทุน รวมทั้งยังสามารถแก้ปัญหาทำให้ภูเก็ตเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่าเดิม” นางอัญชลี กล่าว