ขาใหญ่จัดงานเอ็กซิบิชันท่องเที่ยว “พี.เค.” ยอมรับคนไทยช่วงนี้เงินฝืดจากภัยธรรมชาติ เศรษฐกิจ และการเมือง กระทบกำลังซื้อหาย 30% เล็งสยายปีกจัดงานไทยเที่ยวไทย คลุม 3 ศูนย์แสดงสินค้าใหญ่ในกรุง พร้อมเล็งบุกต่างจังหวัด
นายกฤตย์ พัตรปาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค.เอ็กซิบิชั่น เมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อ “ไทยเที่ยวไทย” เปิดเผยว่า สถานการณ์กำลังซื้อของคนไทยในช่วงปีนี้ถึงปีหน้าอยู่ในภาวะเงินฝืด ทำให้กำลังซื้อชะลอตัว 30% เพราะคนไทยยังมีความกังวลในหลายเรื่อง ได้แก่ ภัยธรรมชาติ เศรษฐกิจ และการเมือง
สิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและผู้จัดงานเอ็กซิบิชันส่งเสริมการท่องเที่ยวจะต้องทำคือคิดรูปแบบการจัดงานให้มากขึ้น นำเสนอธีมให้เหมาะต่อฤดูกาล โดยใช้อารมณ์ ความรู้สึก เข้ามาเป็นตัวกระตุ้น จัดแคมเปญให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าเงิน รวมถึงการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เป็นทางเลือก
ในส่วนของบริษัทฯ จะใช้จุดแข็งเรื่องฐานสมาชิกที่มีมากกว่าแสนคนวางแผน นำงาน “ไทยเที่ยวไทย” ไปจัดยังพื้นที่ต่างๆ ให้ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างน้อย 4 ครั้งต่อปี โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ วางแผนจัดใน 3 ศูนย์ประชุมใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การประชุมนานาชาติสิริกิติ์ ช่วงเดือน มี.ค. และปลาย ส.ค. ของทุกปี, ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี ช่วงเดือน ธ.ค. และศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ซึ่งคาดว่าจะสรุปและจัดงานได้ในปี 2556-2557 นอกจากนั้นมองการจัดงานไทยเที่ยวไทย ในต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่ ล่าสุดเตรียมประชุมกับหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 17 ก.ค.ศกนี้
“พี.เค.มองเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจด้านการจัดงานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยว เพราะคนไทยเริ่มให้ความสำคัญกับการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันงานไทยเที่ยวไทยเป็นงานที่จัดมานานกว่า 10 ปี จึงมีฐานลูกค้านับแสนคน หากกระจายงานออกไปครอบคลุมทุกพื้นที่ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าทางการท่องเที่ยว และ
ยังสร้างให้เกิดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวไทยได้ตลอดปี”
สำหรับงาน “ไทยเที่ยวไทย” ที่เป็นงานใหญ่จะจัดปีละ 2 ครั้ง คือช่วงเดือนมีนาคม และเดือน สิงหาคม ที่ศูนย์การประชุมฯ สิริกิติ์ ขณะที่งานไทยเที่ยวไทย นอกกระแส ซึ่งจะจัดในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว จะจัดที่อิมแพคฯ และไบเทค โดยธีมของการจัดงานในแต่ละครั้งจะสร้างขึ้นให้สอดคล้องกับกระแสตลาดในแต่ละช่วงเวลาที่จัดงาน
ล่าสุดจัดงาน “ไทยเที่ยวไทยนอกกระแส” ระหว่าง 5-8 ก.ค. 55 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งเป้าหมายเงินสะพัด 200-300 ล้านบาท จากจำนวนผู้เข้าชมกว่า 1 แสนคน โดยครั้งนี้เป็นงานที่ย้ายจากที่อิมแพค เมืองทองธานี เพราะน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน และครั้งต่อไป จัด “ไทยเที่ยวไทย เที่ยวได้ทั้งตระกูล” ครั้งที่ 25 ที่ศูนย์การประชุมฯ สิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 30 ส.ค.-2 ก.ย. 55 จำนวน 1,300 บูท ตั้งเป้าหมายผู้เข้าชมงานกว่า 4 แสนคน เกิดเงินสะพัดราว 500 ล้านบาท ทั้งนี้ งานของ พี.เค 80 เป็นโรงแรมและรีสอร์ตที่อยู่ในประเทศไทย ในที่นี้ 20% จะเป็นเวทีให้แก่ผู้ประกอบการรายใหม่ ได้มีช่องทางทำการตลาดและเข้าถึงลูกค้า
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวมองว่าการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยอาจไม่สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการให้ภายในปี 2558 มีรายได้สะพัดเฉพาะตลาดในประเทศที่กว่า 5 แสนล้านบาท เพราะปัจจัยลบสำคัญคือเรื่องของภัยธรรมชาติ และ อิทธิพลท้องถิ่น ที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความกังวล
นายกฤตย์ พัตรปาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค.เอ็กซิบิชั่น เมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อ “ไทยเที่ยวไทย” เปิดเผยว่า สถานการณ์กำลังซื้อของคนไทยในช่วงปีนี้ถึงปีหน้าอยู่ในภาวะเงินฝืด ทำให้กำลังซื้อชะลอตัว 30% เพราะคนไทยยังมีความกังวลในหลายเรื่อง ได้แก่ ภัยธรรมชาติ เศรษฐกิจ และการเมือง
สิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและผู้จัดงานเอ็กซิบิชันส่งเสริมการท่องเที่ยวจะต้องทำคือคิดรูปแบบการจัดงานให้มากขึ้น นำเสนอธีมให้เหมาะต่อฤดูกาล โดยใช้อารมณ์ ความรู้สึก เข้ามาเป็นตัวกระตุ้น จัดแคมเปญให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าเงิน รวมถึงการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เป็นทางเลือก
ในส่วนของบริษัทฯ จะใช้จุดแข็งเรื่องฐานสมาชิกที่มีมากกว่าแสนคนวางแผน นำงาน “ไทยเที่ยวไทย” ไปจัดยังพื้นที่ต่างๆ ให้ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างน้อย 4 ครั้งต่อปี โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ วางแผนจัดใน 3 ศูนย์ประชุมใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การประชุมนานาชาติสิริกิติ์ ช่วงเดือน มี.ค. และปลาย ส.ค. ของทุกปี, ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี ช่วงเดือน ธ.ค. และศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ซึ่งคาดว่าจะสรุปและจัดงานได้ในปี 2556-2557 นอกจากนั้นมองการจัดงานไทยเที่ยวไทย ในต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่ ล่าสุดเตรียมประชุมกับหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 17 ก.ค.ศกนี้
“พี.เค.มองเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจด้านการจัดงานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยว เพราะคนไทยเริ่มให้ความสำคัญกับการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันงานไทยเที่ยวไทยเป็นงานที่จัดมานานกว่า 10 ปี จึงมีฐานลูกค้านับแสนคน หากกระจายงานออกไปครอบคลุมทุกพื้นที่ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าทางการท่องเที่ยว และ
ยังสร้างให้เกิดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวไทยได้ตลอดปี”
สำหรับงาน “ไทยเที่ยวไทย” ที่เป็นงานใหญ่จะจัดปีละ 2 ครั้ง คือช่วงเดือนมีนาคม และเดือน สิงหาคม ที่ศูนย์การประชุมฯ สิริกิติ์ ขณะที่งานไทยเที่ยวไทย นอกกระแส ซึ่งจะจัดในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว จะจัดที่อิมแพคฯ และไบเทค โดยธีมของการจัดงานในแต่ละครั้งจะสร้างขึ้นให้สอดคล้องกับกระแสตลาดในแต่ละช่วงเวลาที่จัดงาน
ล่าสุดจัดงาน “ไทยเที่ยวไทยนอกกระแส” ระหว่าง 5-8 ก.ค. 55 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งเป้าหมายเงินสะพัด 200-300 ล้านบาท จากจำนวนผู้เข้าชมกว่า 1 แสนคน โดยครั้งนี้เป็นงานที่ย้ายจากที่อิมแพค เมืองทองธานี เพราะน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน และครั้งต่อไป จัด “ไทยเที่ยวไทย เที่ยวได้ทั้งตระกูล” ครั้งที่ 25 ที่ศูนย์การประชุมฯ สิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 30 ส.ค.-2 ก.ย. 55 จำนวน 1,300 บูท ตั้งเป้าหมายผู้เข้าชมงานกว่า 4 แสนคน เกิดเงินสะพัดราว 500 ล้านบาท ทั้งนี้ งานของ พี.เค 80 เป็นโรงแรมและรีสอร์ตที่อยู่ในประเทศไทย ในที่นี้ 20% จะเป็นเวทีให้แก่ผู้ประกอบการรายใหม่ ได้มีช่องทางทำการตลาดและเข้าถึงลูกค้า
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวมองว่าการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยอาจไม่สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการให้ภายในปี 2558 มีรายได้สะพัดเฉพาะตลาดในประเทศที่กว่า 5 แสนล้านบาท เพราะปัจจัยลบสำคัญคือเรื่องของภัยธรรมชาติ และ อิทธิพลท้องถิ่น ที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความกังวล