xs
xsm
sm
md
lg

“ชัชชาติ” สั่งเข้ม “บขส.-สถานีขนส่ง” ทั่ว ปท.ติดกล้อง ตรวจยิบ “บัตร ปชช-สัมภาระ” นำร่องหมอชิต 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“รมช.คมนาคม” กำชับผู้ประกอบการ “รถร่วมฯ-บขส.” ตรวจเข้มบัตร ปชช.ก่อนซื้อตั๋ว และเพิ่มการตรวจสิ่งของ-สัมภาระทุกชิ้น ต้องติดป้ายเลขที่นั่งให้ตรงกับหีบห่อ พร้อมตรวจเช็กสิ่งของส่งพัสดุ ก่อนบรรจุของลงกล่อง เล็งปรับสถานีขนส่งทั่ว ปท. เป็นระบบปิด นำร่อง "หมอชิต2" เซฟตี้โซน-เพิ่มกล้อง "ซีซีทีวี" ส่วนข้อเสนอใช้เครื่องสแกนตรวจระเบิดอาจกระทบบริการล่าช้า ต้องศึกษารอบคอบ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนสงครามและลูกระเบิดหลายชนิดจำนวนมากซุกซ่อนมาบนรถโดยสารประจำทาง เส้นทางนครราชสีมา-กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมานั้น ทาง บขส.ได้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อป้องกันการใช้รถโดยสารเป็นช่องทางในการขนส่งของผิดกฎหมาย

ขณะนี้ตนได้สั่งการให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสัมภาระของผู้ใช้บริการให้มากขึ้น โดย บขส.ได้สั่งการไปยังสถานีขนส่งทั่วประเทศ ให้มีการตรวจสอบและลงทะเบียนหมายเลขบัตรประชาชนของผู้โดยสารที่จะเดินทางให้ตรงกับที่นั่งโดยสาร

ทั้งนี้ หากผู้โดยสารมีสัมภาระหรือหีบห่อก็จะต้องลงทะเบียนติดป้ายให้ตรงกับที่นั่งและหมายเลขบัตรประชาชนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการตรวจสอบ และความปลอดภัยของผู้โดยสาร อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวนั้นให้บริษัทรถโดยสารปฏิบัติตามทันที

นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เข้มงวดหากพนักงานขับรถจอดรับส่งผู้โดยสารระหว่างทาง ซึ่งอาจจะเป็นจุดบอดที่ไม่ได้ลงทะเบียนนั้น ได้ให้พนักงานขับรถ และพนักงานต้อนรับบนรถต้องนำผู้โดยสารไปลงทะเบียนในสถานีโดยสารถัดไป ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยหากมีการขึ้นรถระหว่างทาง และหากผู้ตรวจการณ์ บขส.ตรวจพบว่ารถโดยสารคันใดที่มีการรับส่งผู้โดยสารระหว่างทาง และไม่มีการลงทะเบียนผู้โดยสารจะถูกดำเนินการความผิดทางวินัยทันที

ขณะนี้ทาง บขส.จะเร่งดำเนินการนำร่องทำสถานีรถโดยสารหมอชิต เป็นระบบปิด ทั้งทางเข้า-ออกของรถโดยสาร ที่มาให้บริการ รวมทั้งจะแยกพื้นที่การซื้อตั๋ว และการรอขึ้นรถออกจากกันชัดเจน และห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ขึ้น-ลงรถโดยสาร นอกจากนั้นจะติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มอีก 30 ตัว จากเดิมมีกล้องวงจรปิด 100 กว่าตัว โดยเป้าหมายแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2556

พร้อมกันนี้ยังได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการรถร่วม ได้แก่ 1. การตรวจสัมภาระของผู้โดยสาร เจ้าของรถจะต้องตรวจสอบสัมภาระผู้โดยสารทุกชิ้นโดยละเอียด และจะต้องมีการติดป้ายแสดงเลขที่นั่งบนหีบห่อที่ไว้ในช่องเก็บสัมภาระทุกชิ้น เพื่อที่จะสามารถตรวจสอบหาเจ้าของได้

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวได้มีการปฏิบัติอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่เข้มงวด โดยเฉพาะกับรถที่ให้บริการในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก เช่น กรุงเทพฯ-โคราช ซึ่งหลังจากวันนี้ไปจะมีการตรวจเข้มงวดขึ้น 2. การรับส่งพัสดุประชาชน จะต้องเปิดพัสดุให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อนที่จะปิดหีบห่อทุกครั้ง

ส่วนการนำเครื่องสแกนวัตถุระเบิดมาใช้ตรวจกระเป๋าสัมภาระของผู้ใช้บริการรถโดยสารประจำทาง บขส.นั้น จะต้องมีการศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบ หรือประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบันรถ บขส.ให้บริการประมาณ 8,000 เที่ยวต่อวัน และมีประชาชนใช้บริการมากกว่า 240,000 ราย ซึ่งอาจจะส่งผลให้การบริการเกิดความล่าช้า รวมทั้งงบประมาณในการลงทุนด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น