บีโอไอเผยตัวเลขขอรับส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ช่วง 6 เดือน เฉียด 700 โครงการ เงินลงทุนกว่า 280,000 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มกว่าร้อยละ 66.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ย้ำความเชื่อมั่นไทยเป็นแหล่งลงทุนสำคัญในอาเซียน เตรียมเดินหน้าจัดกิจกรรมดึงการลงทุนช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมเปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่มุมไบ หวังดึงการลงทุนจากอินเดียกลางเดือน ส.ค.นี้
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ช่วง 6 เดือน (มกราคม-มิถุนายน 2555) ว่า นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 692 โครงการ เงินลงทุน 278,470 ล้านบาท จำนวนโครงการขยายตัว 32.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 522 โครงการ ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนขยายตัว 66.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 167,274 ล้านบาท
ทั้งนี้ กิจการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนส่วนใหญ่หรือ 59% จากจำนวนโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติทั้งหมดเป็นการขอขยายการลงทุนจากโครงการเดิม โดยมีจำนวน 409 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 185,519 ล้านบาท ส่วนที่เหลือหรือประมาณ 41% เป็นการลงทุนของกิจการใหม่ จำนวน 283 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 92,952 ล้านบาท ประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยมีมูลค่าสูงสุด ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น มีจำนวน 389 โครงการ เงินลงทุนรวม 176,298 ล้านบาท มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 144% สิงคโปร์มีจำนวน 69 โครงการ เงินลงทุน 18,096 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมาเลเซียมีจำนวน 17 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 11,352 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้น 156% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
อุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนสูงสุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง 240 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 108,882 ล้านบาท รองมาเป็น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 134 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 59,658 ล้านบาท กิจการบริการและสาธารณูปโภค 130 โครงการ เงินลงทุน 42,705 ล้านบาท กิจการเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก 97 โครงการ เงินลงทุน 27,331 ล้านบาท กิจการเกษตรกรรมและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร 38 โครงการ เงินลงทุน 17,755 ล้านบาท เป็นต้น
นางอรรชกากล่าวว่า เป้าหมายของการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ทำให้ทุกประเทศในอาเซียนให้ความสำคัญต่อการดึงการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ ทิศทางของการลงทุนจากต่างประเทศในไทยที่มีการขยายตัวในช่วงครึ่งปีแรกจะยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าประเทศไทยยังได้รับความสนใจในการเป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญในภูมิภาค และเชื่อมั่นว่าทิศทางดังกล่าวจะต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งจะทำให้ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนรวมปีนี้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 630,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บีโอไอจะเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลังนี้เพิ่มขึ้น ทั้งในรูปแบบของการจัดกิจกรรมโรดโชว์ประเทศต่างๆ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส จีน สหรัฐอเมริกา รวมถึงการเปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ซึ่งจะป็นสำนักงานบีโอไอในต่างประเทศแห่งที่ 14 ภายในกลางเดือนสิงหาคม 2555 มั่นใจว่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุนจากอินเดียให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นอีกมาก