xs
xsm
sm
md
lg

คมนาคมชงแผนพัฒนาขนส่ง 1.99 ล้านล้าน ภายใต้ พ.ร.บ.กู้เงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“คมนาคม” เสนอ 55 โครงการ 1.99 ล้านล้านบาท ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง 8 ปี (56-63) ตามกรอบ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ระบบรางลงทุนสูงสุด 1.28 ล้านล้าน ทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถไฟฟ้า 10 สาย รองลงมาเป็นโครงข่ายถนน ท่าเรือปากบารา แหลมฉบังเฟส 3 และสุวรรณภูมิเฟส 2 เน้นลดต้นทุนการขนส่งรับเปิด AEC

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงการคลังเตรียมออก พ.ร.บ.กู้เงินฉบับใหม่วงเงิน 1.6 ล้านล้านบาทแต่รวมแล้วไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางอาเซียนนั้น ในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้เสนอกรอบแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง ปี 2556-2563 (8 ปี)  วงเงิน 1,990,608.88 ล้านบาท รวม 55 โครงการ

ประกอบด้วย สาขาการขนส่งทางถนน จำนวน 479,122.10 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.07, สาขาการขนส่งราง จำนวน 1,288,034.96 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 64.71, สาขาการขนส่งทางน้ำ จำนวน 128,959.82 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.48   และสาขาการขนส่งทางอากาศ จำนวน 94,492.00 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.75  

โดยโครงข่ายถนน ประกอบด้วย ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ทางหลวงสายหลักเชื่อมภูมิภาค เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและการขนส่งสินค้า และสนับสนุนกรอบความร่วมมืออาเซียน โครงการถนนวงแหวนรอบที่ 3 (แนวเส้นทางด้านตะวันออก) ซึ่งจะสามารถรองรับการระบายน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ, โครงข่ายรถไฟจะเป็นการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) วงเงิน  176,808 ล้านบาท  รถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 เส้นทาง ได้แก่ สายเหนือ (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่) สายตะวันออกเฉียงเหนือ (กรุงเทพฯ-หนองคาย และกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี) สายใต้ (กรุงเทพฯ-หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ สายตะวันออก (กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-ระยอง และโครงการหลักจะเป็นโครงข่ายรถไฟฟ้า 10 สาย, โครงข่ายทางอากาศ โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะ 2 เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเป็น 65 ล้านคนต่อปี โครงข่ายทางน้ำ พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 และท่าเรือปากบารา เพื่อรองรับการค้ากับอินเดีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป

“แนวคิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งนั้นจะมองระบบการขนส่งที่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจย้อนกลับไป 10 ปีที่ผ่านมา (2543-2553) ซึ่งพบว่าระบบขนส่งสาธารณะยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้ ทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย ความเพียงพอ จึงยังเลือกรถส่วนตัวเป็นหลัก และมอง 5-8 ปีต่อจากนี้อัตราการขยายตัวการขนส่งสินค้าในประเทศแนวโน้มสูงขึ้น คาดว่าปี 2564 จะเพิ่มเป็น 1,700 ล้านตันต่อปีจากปัจจุบัน 550 ล้านตันต่อปี และจะเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558” นายจุฬากล่าว

เป้าหมายการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตรงต่อเวลา แก้ปัญหาคอขวด  เป็นต้น โดยในปี 2563 ลดต้นทุนการขนส่งสินค้ารวมเฉลี่ยเหลือ 1.8669 บาท/ตัน-กิโลกรัม จากปัจจุบันที่ 1.9949 บาท/ตัน-กิโลกรัม คิดเป็นเงินไม่น้อยกว่า 52,843 ล้านบาทต่อปี เพิ่มปริมาณผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะร้อยละ 6 ลดค่าใช้จ่ายสูญเสียจากการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล 80,000 ล้านบาท ประหยัดมูลค่าของเวลาในการเดินทาง 108,000 ล้านบาท ลดต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อม 3,600 ล้านบาท  และเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางราง จากร้อยละ 2.5 ในปี 2554 เป็นร้อยละ 5 ในปี 2563,เพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางลำน้ำจากร้อยละ 8.5 เป็นร้อยละ 10.5  เพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางชายฝั่งจากร้อยละ 6.0  เป็นร้อยละ 7.5, เพิ่มปริมาณผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จาก 47.4 ล้านคนเป็น 77.3 ล้านคน, ลดความสูญเสียจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 155,000 ล้านบาทต่อปี
กำลังโหลดความคิดเห็น