“สวนสยาม” สุดอั้นปรับราคาขึ้น 20 บาท เหตุต้นทุนพุ่งขึ้น มั่นใจไม่กระทบลูกค้า ลั่นสิ้นปีรายได้ทะลุ 550 ล้านบาท พร้อมเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติเป็น 50% ในอีก 3 ปี
นางสาวนพกาญจน์ เหลืองอมรเลิศ รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหาร บริษัท ซิตี้วอล์ค จำกัด ผู้บริหารสวนน้ำและสวนสนุก “สวนสยาม” เปิดเผยว่า เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน รวมทั้งต้นทุนด้านอื่นด้วย ส่งผลต่อการดำเนินงาน ทำให้สวนสยามตัดสินใจปรับราคาบัตรขึ้นอีก 20 บาท ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คือ บัตรเด็กจากราคา 100 บาท เป็น 120 บาท และบัตรผู้ใหญ่จากเดิม 300 บาท เป็น 320 บาท และคาดว่าหลังการปรับราคาแล้วจะไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการแต่อย่างใด โดยคาดว่ารายได้รวมของบริษัทฯ สิ้นปีนี้จะมีประมาณ 550 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้รวมประมาณ 400 ล้านบาท
โดยช่วง 5 เดือนแรกพบว่าปริมาณลูกค้ายังเป็นไปตามเป้าหมาย เฉลี่ย 4,000-5,000 คนต่อวันธรรมดา และในวันหยุดประมาณ 10,000 คน โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้ามาใช้บริการสวนน้ำมากที่สุด 70% และอีก 30% จะมาใช้บริการสวนสนุก และลูกค้าสัดส่วนเป็นคนไทย 80% เป็นคนต่างชาติ 20% ส่วนใหญ่มาจากอินเดีย ตะวันออกกลาง รัสเซีย เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายจะมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติเป็น 50% ให้เท่ากับคนไทยในอนาคต 3 ปีจากนี้ ด้วยการทำตลาดด้านการจัดโรดโชว์ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. มากกว่า 30 ครั้งต่อปี
สำหรับเครื่องเล่นใหม่ๆ นั้นยังคงดำเนินไปตามแผนงานเดิม โดยอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องเล่นใหม่ 3 ตัว คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงกลางปี 2556 ตามแผนงานเดิมที่จะติดตั้งเครื่องเล่นใหม่รวม 16 ตัวที่เริ่มทยอยติดตั้งไปก่อนหน้านี้แล้ว ปัจจุบันสวนสยามมีเครื่องเล่นจำนวน 36 ตัว และได้เปิดให้บริการมานานถึง 32 ปีแล้ว และได้ชื่อว่าเป็นสวนน้ำที่มีทะเลเทียมขนาดใหญ่สุดในโลก
นางสาวนพกาญจน์กล่างถึงประเด็นการผลักดันให้สวนสนุกในประเทศไทยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติต้องเข้ามาใช้บริการเหมือนกับต่างชาติ เช่น ประเทศเกาหลีที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องเข้าไปใช้บริการในสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ ว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับภาครัฐเป็นหลักว่าจะต้องผลักดันและวางนโยบายสนับสนุนอย่างจริงจังมากที่สุดอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวยังไม่มีแคมเปญอะไรที่ออกมาสนับสนุนเลย
นางสาวนพกาญจน์ เหลืองอมรเลิศ รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหาร บริษัท ซิตี้วอล์ค จำกัด ผู้บริหารสวนน้ำและสวนสนุก “สวนสยาม” เปิดเผยว่า เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน รวมทั้งต้นทุนด้านอื่นด้วย ส่งผลต่อการดำเนินงาน ทำให้สวนสยามตัดสินใจปรับราคาบัตรขึ้นอีก 20 บาท ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คือ บัตรเด็กจากราคา 100 บาท เป็น 120 บาท และบัตรผู้ใหญ่จากเดิม 300 บาท เป็น 320 บาท และคาดว่าหลังการปรับราคาแล้วจะไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการแต่อย่างใด โดยคาดว่ารายได้รวมของบริษัทฯ สิ้นปีนี้จะมีประมาณ 550 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้รวมประมาณ 400 ล้านบาท
โดยช่วง 5 เดือนแรกพบว่าปริมาณลูกค้ายังเป็นไปตามเป้าหมาย เฉลี่ย 4,000-5,000 คนต่อวันธรรมดา และในวันหยุดประมาณ 10,000 คน โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้ามาใช้บริการสวนน้ำมากที่สุด 70% และอีก 30% จะมาใช้บริการสวนสนุก และลูกค้าสัดส่วนเป็นคนไทย 80% เป็นคนต่างชาติ 20% ส่วนใหญ่มาจากอินเดีย ตะวันออกกลาง รัสเซีย เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายจะมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติเป็น 50% ให้เท่ากับคนไทยในอนาคต 3 ปีจากนี้ ด้วยการทำตลาดด้านการจัดโรดโชว์ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. มากกว่า 30 ครั้งต่อปี
สำหรับเครื่องเล่นใหม่ๆ นั้นยังคงดำเนินไปตามแผนงานเดิม โดยอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องเล่นใหม่ 3 ตัว คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงกลางปี 2556 ตามแผนงานเดิมที่จะติดตั้งเครื่องเล่นใหม่รวม 16 ตัวที่เริ่มทยอยติดตั้งไปก่อนหน้านี้แล้ว ปัจจุบันสวนสยามมีเครื่องเล่นจำนวน 36 ตัว และได้เปิดให้บริการมานานถึง 32 ปีแล้ว และได้ชื่อว่าเป็นสวนน้ำที่มีทะเลเทียมขนาดใหญ่สุดในโลก
นางสาวนพกาญจน์กล่างถึงประเด็นการผลักดันให้สวนสนุกในประเทศไทยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติต้องเข้ามาใช้บริการเหมือนกับต่างชาติ เช่น ประเทศเกาหลีที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องเข้าไปใช้บริการในสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ ว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับภาครัฐเป็นหลักว่าจะต้องผลักดันและวางนโยบายสนับสนุนอย่างจริงจังมากที่สุดอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวยังไม่มีแคมเปญอะไรที่ออกมาสนับสนุนเลย
