“เซเว่น แคตตาล็อค” ปรับระบบเทคโนโลยี-ขนส่งสินค้ารับมือเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี 58 การแข่งขันเดือด เดินเกมส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภครวดเร็ว ชูสินค้าเอสเอ็มอีสร้างความต่าง เร่งขยายช่องการขายผ่านทีวี รับปรับราคาสินค้าขึ้นไม่ถึง 7% หลังต้นทุนพุ่ง สิ้นปีกวาดรายได้ 2,400 ล้านบาท โต 35%
นายอำพา ยงพิศาลภพ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้ดำเนินธุรกิจขายสินค้าผ่านทางเซเว่น แคตตาล็อค เปิดเผยว่า จากการเปิดเขตเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้าเพื่อรองรับการแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น เซเว่น แคตตาล็อคได้เตรียมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งบุคคลากร การปรับเทคโนโลยี ระบบขนส่งสินค้า หาคลังสินค้าที่เป็นจุดศูนย์กลางกระจายสินค้าเพื่อส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภครวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังมีการให้ความรู้แก่กลุ่มเอสเอ็มอี ทั้งด้านบรรจุภัณฑ์ ขนาดสินค้า รองรับยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นหลังจากเปิดเออีซี
“การเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นโยบายของบริษัทต้องการผลักดันสินค้าไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี และวางแผนขยายร้านเซเว่น แคตตาล็อคเพิ่มจาก 5,800 สาขา เป็น 6,000 สาขาในปีหน้า ตั้งเป้าหมายว่ารายได้ทางเซเว่น แคตตาล็อค หลังจากเปิดเออีซีจะต้องเติบโต 30%”
นอกจากนี้ ยังลงทุนขยายช่องทางการขายใหม่ๆ ผ่านทางทีวีชอปปิ้ง “ทรูซีเล็ค” เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และวางแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าเอสเอ็มอีจาก 30-40% เป็นมากกว่า 50% จากสินค้ารวมทั้งหมด ในช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้า จากปัจจุบันมีสินค้าทางแค็ตตาล็อก 1,700 รายการ จะเพิ่มเป็น 2,000 รายการ และส่วนในร้านจะมีประมาณ 5,800 รายการ พร้อมทั้งขยายหนังสือแค็ตตาล็อกเพิ่มจาก 168 หน้าเป็น 200 หน้าในปีหน้าด้วย รวมทั้งมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนการพิมพ์จาก 1 แสนเล่ม เป็น 4 แสนเล่ม โดยออกทุก 2 เดือน
ส่วนราคาสินค้าปีนี้บริษัทฯ ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นกว่า 7% เช่น กลุ่มสินค้าเครื่องครัว และเครื่องนอน เป็นต้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
นายอำพากล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯ ได้เตรียมวางระบบรองรับน้ำท่วมเพื่อทำให้สามารถกระจายสินค้าได้รวดเร็วขึ้น เพราะหลังจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมาส่งผลให้การกระจายสินค้าของเซเว่น แคตตาล็อคชะงักลง 2 เดือน ทำให้สิ้นปีที่แล้วเติบโตแค่ 30% จากปกติต้องเติบโตมากกว่านี้ หรือมีรายได้ 1,900 ล้านบาท
สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% แต่คาดว่าจะเติบโตถึง 35% เป็น 2,400 ล้านบาท แบ่งเป็นจำหน่ายหน้าร้านสัดส่วน 70-75% และจำหน่ายผ่านแค็ตตาล็อกสัดส่วน 20-25% หรือมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 100-180 ล้านบาท ที่เหลืออีก 5% เป็นใบปลิว โปสเตอร์ ซึ่งกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้เป็นหลัก คือ กลุ่มเครื่องสำอาง เครื่องนอน และสินค้าของใช้ภายในบ้าน
สำหรับตลาดรวมจำหน่ายสินค้าผ่านทางแค็ตตาล็อกมีมูลค่า 6,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะเติบโต 20-25% โดยปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 40% โดยสิ้นปีนี้ตั้งเป้ามีสมาชิกใหม่จาก 1 แสนรายทุกปีเป็น 1.5-1.6 แสนราย ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรกที่ผานมามีสมาชิกใหม่แล้วประมาณ 9 หมื่นราย จากจำนวนสมาชิกทุกช่องทาง 8 แสนราย ปัจจุบันเซเว่น แคตตาล็อคมีสมาชิกซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ 1.8 แสนราย ลูกค้าที่แอ็กทีฟสั่งทุก 2 เดือนมากกว่า 1 ครั้ง โดยฐานลูกค้ามาจากต่างจังหวัดสัดส่วน 55% ปีหน้าเพิ่มเป็น 60% ส่วนกรุงเทพฯ เหลือจาก 45% เป็น 40%
นายอำพา ยงพิศาลภพ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้ดำเนินธุรกิจขายสินค้าผ่านทางเซเว่น แคตตาล็อค เปิดเผยว่า จากการเปิดเขตเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้าเพื่อรองรับการแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น เซเว่น แคตตาล็อคได้เตรียมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งบุคคลากร การปรับเทคโนโลยี ระบบขนส่งสินค้า หาคลังสินค้าที่เป็นจุดศูนย์กลางกระจายสินค้าเพื่อส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภครวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังมีการให้ความรู้แก่กลุ่มเอสเอ็มอี ทั้งด้านบรรจุภัณฑ์ ขนาดสินค้า รองรับยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นหลังจากเปิดเออีซี
“การเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นโยบายของบริษัทต้องการผลักดันสินค้าไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี และวางแผนขยายร้านเซเว่น แคตตาล็อคเพิ่มจาก 5,800 สาขา เป็น 6,000 สาขาในปีหน้า ตั้งเป้าหมายว่ารายได้ทางเซเว่น แคตตาล็อค หลังจากเปิดเออีซีจะต้องเติบโต 30%”
นอกจากนี้ ยังลงทุนขยายช่องทางการขายใหม่ๆ ผ่านทางทีวีชอปปิ้ง “ทรูซีเล็ค” เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และวางแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าเอสเอ็มอีจาก 30-40% เป็นมากกว่า 50% จากสินค้ารวมทั้งหมด ในช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้า จากปัจจุบันมีสินค้าทางแค็ตตาล็อก 1,700 รายการ จะเพิ่มเป็น 2,000 รายการ และส่วนในร้านจะมีประมาณ 5,800 รายการ พร้อมทั้งขยายหนังสือแค็ตตาล็อกเพิ่มจาก 168 หน้าเป็น 200 หน้าในปีหน้าด้วย รวมทั้งมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนการพิมพ์จาก 1 แสนเล่ม เป็น 4 แสนเล่ม โดยออกทุก 2 เดือน
ส่วนราคาสินค้าปีนี้บริษัทฯ ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นกว่า 7% เช่น กลุ่มสินค้าเครื่องครัว และเครื่องนอน เป็นต้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
นายอำพากล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯ ได้เตรียมวางระบบรองรับน้ำท่วมเพื่อทำให้สามารถกระจายสินค้าได้รวดเร็วขึ้น เพราะหลังจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมาส่งผลให้การกระจายสินค้าของเซเว่น แคตตาล็อคชะงักลง 2 เดือน ทำให้สิ้นปีที่แล้วเติบโตแค่ 30% จากปกติต้องเติบโตมากกว่านี้ หรือมีรายได้ 1,900 ล้านบาท
สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% แต่คาดว่าจะเติบโตถึง 35% เป็น 2,400 ล้านบาท แบ่งเป็นจำหน่ายหน้าร้านสัดส่วน 70-75% และจำหน่ายผ่านแค็ตตาล็อกสัดส่วน 20-25% หรือมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 100-180 ล้านบาท ที่เหลืออีก 5% เป็นใบปลิว โปสเตอร์ ซึ่งกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้เป็นหลัก คือ กลุ่มเครื่องสำอาง เครื่องนอน และสินค้าของใช้ภายในบ้าน
สำหรับตลาดรวมจำหน่ายสินค้าผ่านทางแค็ตตาล็อกมีมูลค่า 6,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะเติบโต 20-25% โดยปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 40% โดยสิ้นปีนี้ตั้งเป้ามีสมาชิกใหม่จาก 1 แสนรายทุกปีเป็น 1.5-1.6 แสนราย ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรกที่ผานมามีสมาชิกใหม่แล้วประมาณ 9 หมื่นราย จากจำนวนสมาชิกทุกช่องทาง 8 แสนราย ปัจจุบันเซเว่น แคตตาล็อคมีสมาชิกซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ 1.8 แสนราย ลูกค้าที่แอ็กทีฟสั่งทุก 2 เดือนมากกว่า 1 ครั้ง โดยฐานลูกค้ามาจากต่างจังหวัดสัดส่วน 55% ปีหน้าเพิ่มเป็น 60% ส่วนกรุงเทพฯ เหลือจาก 45% เป็น 40%
