อ.ส.ค.ทุ่มลงทุน 400 ล้านปรับสายการผลิต-แพกเกจ “นมวัวแดง” ดันมาร์เกตแชร์ “ยูเอชที” เติบโตทะลุ 10% ลั่นเพิ่มฐานกลุ่มเป้าหมายเน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น และเด็กมากขึ้น เผยโฉมกล่องใหม่ทรงสลิม ดูทันสมัย สดใส เพื่อรองรับ AEC
นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เปิดเผยว่า อ.ส.ค.ได้มีการลงทุนเพิ่มอีก 400 ล้านบาทในการปรับโฉมสายการผลิตจำนวน 5 โรงงาน หวังเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) นมพร้อมดื่ม (ยูเอชที) ในปี 2555 ให้มากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าต้องไม่น้อยกว่า 10%
“ที่ผ่านมาเราค่อนข้างเติบโตมาโดยตลอด แต่ในปี 2555 นี้เติบโตได้ใกล้เคียงกับเป้าที่เราตั้งไว้ คือประมาณ 10% ประกอบกับ อ.ส.ค.ต้องการเพิ่มฐานกลุ่มเป้าหมายที่เน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่น และเด็กมากขึ้น เพื่อให้ Core Target ในช่องพีระมิดของเราขยายฐานเพิ่มขึ้น”
อีกทั้งในอีก 5 ปี อ.ส.ค.มีนโยบายที่จะทำตลาดเพื่อให้โตขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้น 3 ด้าน คือ เพิ่มยอดขายในกลุ่มตลาด General Milk, พัฒนาสินค้า และช่องทางจำหน่ายเพื่อการส่งออกไปยังต่างประเทศให้สอดคล้องกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และการขยายกลุ่มตลาดในกลุ่ม Chill Product หรือนมแช่เย็น เพื่อให้ยอดขายโตขึ้น 3-5 %
นอกจากนี้ อ.ส.ค.ได้ปรับโฉมผลิตภัณฑ์นมครั้งใหญ่ ด้วยรูปลักษณ์ ดีไซน์ ตัวอักษร ลักษณะทรงของสินค้าให้ดู New Change New look และ Refresh 3 สิ่งที่ใหม่ แต่คงเอกลักษณ์ของนมไทย-เดนมาร์ค คือเป็นนมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผง และเป็นนมกล่องแรกของคนไทย คือสิ่งที่ อ.ส.ค.ต้องยึดถือในการผลิตมาโดยตลอด 50 ปี และได้ออกภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ เรื่อง “The Magic Wand” เพื่อสื่อการ re-packaging ของผลิตภัณฑ์ และเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น พร้อมตั้งงบประมาณในการทำตลาดแคมเปญภาพยนตร์โฆษณากว่า 20 ล้านบาท
การปรับแพกเกจจิ้งใหม่ครั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักที่ อ.ส.ค.ตั้งไว้เพื่อตอบโจทย์ทางการตลาด คือ กลุ่มวัยเด็ก และกลุ่มวัยรุ่น โดยขนาด 200 มิลลิลิตรนั้นปรับแพกเกจจิ้งเพื่อตอบสนองกลุ่มวัยรุ่นเพราะเป็นทรงสลิม ดูทันสมัย สดใส ขนาด 125 มิลลิลิตร มีขนาดกะทัดรัด สดใส น่ารัก ขนาด 250 มิลลิลิตร ตอบโจทย์กลุ่มวัยทำงานตอนปลาย และกลุ่มแม่บ้าน ที่ยังมีความคุ้นเคยนมไทย-เดนมาร์คที่เป็นทรง BASE แบบเก่าอยู่ โดยคนจะจำขนาด 250 มิลลิลิตรได้ดี คือ จะบรรจุเป็นโหลใส่กล่องหูหิ้ว
ทั้งนี้ การปรับโฉมผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีของ อ.ส.ค.เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ในปัจจุบัน และให้สอดคล้องกับการที่ อ.ส.ค.ต้องทำตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558