ลุ้นน้ำมันสิงคโปร์ปิดตลาดวันนี้ชี้ชะตาน้ำมันขายปลีกไทยจะขยับขึ้นต่ออีกหรือไม่ หลังค่าการตลาดผู้ค้าเฉลี่ยเหลือแค่ 1.50 บาทต่อลิตร คนใช้กลุ่มเบนซินเตรียมรับมือ แต่คนใช้ดีเซลสบายตัวหลัง กบง.ส่งสัญญาณชัดตรึงดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงานและอดีตผู้บริหาร บมจ.บางจาก เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยของผู้ค้าอยู่ที่ระดับ 1.50 บาทต่อลิตร ซึ่งถือเป็นอัตราค่อนข้างต่ำหลังจากราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ปิดตลาดวันที่ 4 ก.ค. 55 เบนซินออกเทน 95 ปรับขึ้น 2.15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 107.05 เหรียญต่อบาร์เรล ดีเซลขึ้น 1.85 เหรียญต่อบาร์เรล ปิดที่ 113.72 เหรียญต่อบาร์เรล ดังนั้นจะต้องติดตามราคาสิงคโปร์ปิดตลาดวันนี้ (5 ก.ค.) หากราคายังคงขยับสูงสัปดาห์นี้ราคาขายปลีกของไทยก็จะต้องปรับเพิ่มขึ้นอีก
“คงต้องติดตามราคาน้ำมันตลาดโลกปิดตลาดวันนี้ (5ก.ค.) เพราะเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ตลาดน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส สหรัฐอเมริกาปิดตลาดเนื่องในวันหยุดอิสรภาพสหรัฐฯ แต่ตลาดเบรนต์ลดลง 0.91 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 99.77 เหรียญต่อบาร์เรล ดูไบปรับขึ้น 1.95 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 97.03 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งหากตลาดโลกลดสิงคโปร์ก็น่าจะลดลงราคาขายปลีกไทยคงไม่เปลี่ยน แต่ถ้าขึ้นราคาขายปลีกไทยคงต้องปรับขึ้นตาม” นายมนูญกล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกสัปดาห์นี้ยังมีทิศทางทรงตัวระดับสูงและมีความผันผวนจากความตึงเครียดกรณีที่อิหร่านออกมาขู่ว่าจะทำลายฐานทัพสหรัฐอเมริกาและออกมาทดลองขีปนาวุธพิสัยไกล ทำให้ปัญหาดังกล่าวยังไม่ยุติ ส่งผลต่อราคาน้ำมันที่ยังผันผวน ขณะที่ปัจจัยด้านเศรษฐกิจยุโรปความกังวลผ่อนคลายลงไปมาก
สำหรับราคาดีเซลขายปลีกของไทยหลังคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะรักษาระดับราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ดังนั้นหากราคาดีเซลขึ้นอีกก็เชื่อว่ากองทุนฯ จะลดอัตราการจัดเก็บเงินดีเซลที่ขณะนี้จัดเก็บอยู่ที่ 2.30 บาทต่อลิตรลงไปเรื่อยๆ และหากราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงสูง ที่สุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลก็จะดำเนินการต่อไปจนกว่ากองทุนน้ำมันฯ จะหมดหนี้ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงสิ้นปีนี้