xs
xsm
sm
md
lg

การบินไทยจับมือนกแอร์จ่อร่วมทุนตั้ง “โลว์คอสต์” เร่งปรับกลยุทธ์กระตุ้นตลาดเพิ่มรายได้ครึ่งปีหลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
“การบินไทย-นกแอร์” ศึกษาร่วมทุนตั้ง “โลว์คอสต์แอร์ไลน์” คาดสรุป ส.ค.นี้ หวังแย่งส่วนแบ่งตลาดที่ยังเติบโตสูง เร่งทบทวนแผนจัดซื้อเครื่องบิน 38 ลำใหม่ก่อนเสนอ ครม. ขณะที่วิกฤตยูโรโซนยังไม่กระทบยอดจองตั๋ว เล็งปรับกลยุทธ์ระยะสั้นกระตุ้นตลาดในภูมิภาคเพิ่มรายได้ครึ่งปีหลัง เหตุ 5 เดือนแรกกำไรหลุดเป้าถึง 50%

นายโชคชัย ปัญญายงค์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้การบินไทยอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการดำเนินงานของสายการบินนกแอร์ ในประเด็นที่จะมีการจัดตั้งสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) ร่วมกัน โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนสิงหาคมนี้ว่าจะมีการจัดตั้งหรือไม่ เนื่องจากการบินไทยมีความจำเป็นต้องมีสายการบินต้นทุนต่ำในการให้บริการเพื่อแข่งขันและแบ่งการตลาดในประเทศไทยที่มีอยู่ประมาณ 20% จากผู้โดยสารที่เดินทางโดยเครื่องบินทั้งหมด

ทั้งนี้ หากผลการศึกษาเห็นว่าสามารถดำเนินการได้ บริษัทการบินไทยและนกแอร์จะร่วมทุนกันเพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาดำเนินการ โดยการบินไทยจะต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในขณะที่การทำงานร่วมกับนกแอร์นั้นไม่น่ามีปัญหาอะไรเนื่องจากเป็นบริษัทลูกกันอยู่

มั่นใจว่าการจัดตั้งสายการบินต้นทุนต่ำขึ้นมาจะเป็นแนวทางที่ดี และตลาดโลว์คอสต์ที่จะเข้าไปให้บริการยังมีส่วนแบ่งให้เข้าไปแชร์ ขึ้นอยู่กับว่าจะสู้ไหวหรือไม่เท่านั้น เนื่องจากตลาดในยุโรปส่วนแบ่งของผู้โดยสารที่ใช้โลว์คอสต์แอร์ไลน์อยู่ที่ประมาณ 35-36% ส่วนตลาดในไทยยังเหลือโอกาสเติบโตได้อีกมาก ส่วนจะเปิดให้บริการเฉพาะเส้นทางในประเทศ หรือออกไปต่างประเทศด้วยก็คงต้องรอผลการศึกษาออกมาก่อน” นายโชคชัยกล่าว

นายโชคชัยกล่าวถึงการจัดซื้อเครื่องบินใหม่จำนวน 38 ลำมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาทว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวน โดยจะมีการพิจารณาแผนการดำเนินงาน เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเรื่องของรายได้ที่ลดลงเป็นจำนวนมากในปีที่แล้ว และรายได้ที่เกิดขึ้นในปีนี้ โดยวันที่ 18 กรกฏาคมนี้จะประชุมสรุปแผนอีกครั้ง โดยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอีกครั้ง คาดว่าสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้จะชัดเจน

สำหรับวิกฤตยูโรโซนในขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการบินไทยในภาพรวม โดยยอดการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้ายังเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้ มี 2 ประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ จำนวนผู้โดยสารเส้นทางยุโรป ซึ่งขณะนี้ยังมีเฉลี่ย 40-45% และอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งยังสามารถบริหารได้อยู่ในภาวะปกติ โดยการบินไทยมีรายได้เป็นเงินสกุลยูโรประมาณ 30% การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินยูโรจะกระทบต่อรายได้ แต่ในขณะเดียวกันจะมีเรื่องหนี้สินเงินยูโรมาเป็นตัวช่วย

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการใน 5 เดือนของปี 2555 ที่ผ่านมามีกำไรก่อนหักภาษี และไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยนต่ำกว่าเป้าหมาย 50% ดังนั้น ในช่วงนี้จะต้องหาวิธีทำให้กลับมาเป็นบวก ซึ่งนอกจากการเปิดให้บริการของการบินไทยสมายล์ในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ที่จะเข้ามาช่วยแล้ว จะเปิดบินในประเทศเส้นทางสุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต, เชียงใหม่, กระบี่ ในเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ รวมถึงมีกลยุทธ์ระยะสั้น เช่น การปรับเที่ยวบินเพื่อตอบสนองตลาดในภูมิภาคอีกด้วย นอกจากนี้ ในเดือน ก.ย.-พ.ย.นี้เครื่องบินแอร์บัส A380 จะเข้ามาประจำฝูงบินในเส้นทางกรุงเทพฯ-แฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะดีขึ้นในเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ โดยทั้งการบินไทยและไทยสมายล์จะให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อประสิทธิภาพในการต่อเครื่อง เพราะจะสามารถจัดตารางการเดินทางให้สอดคล้องกับการต่อเครื่องจากเที่ยวบินหนึ่งไปอีกเที่ยวบินหนึ่งได้เหมาะสม
กำลังโหลดความคิดเห็น