ปลัดคลังเผยผลประชุม ครม.เศรษฐกิจร่วมกับ 9 กระทรวงเพื่อประเมินผลกระทบ ศก.ยุโรป ยืนยันไม่มีการออกมาตรการเพิ่มเติม แต่เน้นการเฝ้าระวัง มั่นใจพื้นฐาน ศก.-แบงก์พาณิชย์แข็งแกร่ง รับมือวิกฤตยูโรโซนได้
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันนี้ ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานฯ ได้มีการหารือร่วมกันระหว่าง 9 กระทรวงเศรษฐกิจตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงวิกฤตการณ์ทางการเงินในกลุ่มสหภาพยุโรปที่เกิดขึ้น รวมทั้งประเมินแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และให้แต่ละหน่วยงานติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด แต่จะยังไม่มีการออกมาตรการใดๆ เพิ่มเติมในขณะนี้ พร้อมยืนยันว่าเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ของไทยปีนี้ยังคงเดิมที่ 5.5-6.5%
“ยังไม่มีการออกมาตรการใดๆ เพิ่มเติม แต่จะเน้นในเรื่องการติดตามผลกระทบ โดยมองผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งเป็นการหารือถึงความพร้อมในการรับมือด้านต่างๆ อย่างรอบด้าน”
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงกรณีของประเทศไซปรัสที่เป็นประเทศล่าสุดในลำดับที่ 5 ที่ขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรป ต่อจากโปรตุเกส ไอร์แลนด์ กรีซ และสเปน โดยเห็นว่าไซปรัสเป็นประเทศขนาดเล็ก ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของยุโรปไม่มากนัก และเชื่อว่ายุโรปจะสามารถดูแลแก้ปัญหาได้
ส่วนกรณีที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ปรับลดเครดิตของธนาคารขนาดใหญ่ทั่วโลกลง 15 แห่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า จะไม่มีผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์ของไทย เนื่องจากความเชื่อมโยงของธนาคารพาณิชย์ไทยกับกลุ่มยุโรปมีน้อย
ประกอบกับเมื่อวานนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้ขยายเวลาการคุ้มครองเงินฝากที่ไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อไปอีกจากเดิมที่จะต้องปรับลดลงเหลือไม่เกิน 1 ล้านบาทในวันที่ 11 สิงหาคม 2555 นั้น มาตรการดังกล่าวเชื่อว่าจะยังส่งผลให้ธนาคารของไทยมีความเข้มแข็ง และมั่นใจว่าปัญหาสถาบันการเงินในยุโรปจะไม่กระทบธนาคารในไทย
ส่วนภาคการส่งออกนั้น ที่ประชุมวิเคราะห์ว่าขณะนี้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการผลิตรถยนต์ในช่วงเดือนเมษายน 2555 ได้กลับมาผลิตได้เต็มกำลังการผลิตแล้ว ซึ่งจะเห็นได้จากยอดการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น แต่ยังมีปัญหาในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มที่ส่งออกไปยังยุโรป เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีการจ้างแรงงานจำนวนมาก
ทั้งนี้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเชิญผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม และอุตสาหกรรมรายอื่นมาหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไป
